Soft Power – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 12 Nov 2024 03:35:01 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เมืองสุขสยาม ประสบการณ์สารพัดสุขสนุกแบบไทย ผนึกพันธมิตร ต้อนรับเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2567 จัดงาน “สุขสยาม ยลสายน้ำ ยินทำนอง” สืบสานวัฒนธรรม อนุรักษ์ประเพณี และมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา สายน้ำแห่งความรุ่งเรืองของรัตนโกสินทร์ ร่วมผลักดัน Soft Power อัตลักษณ์ความเป็นไทย เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ภายใต้แนวคิด “ยลวิถีคืนเพ็ญ รักษ์น่านน้ำ” นุ่งไทย ห่มสไบ ลอยกระทงด้วยวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ณ เมืองสุขสยาม ไอคอนสยาม 5 – 18 พ.ย. นี้ https://positioningmag.com/1498513 Tue, 12 Nov 2024 09:24:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1498513 เมืองสุขสยาม  ณ ไอคอนสยาม ต้อนรับเทศกาลลอยกระทง หนึ่งในประเพณีระดับชาติของไทย พร้อมด้วยพันธมิตรภาครัฐและเอกชน ได้แก่ กระทรวงวัฒนธรรม, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), ไอคอนสยาม,  Bangkok River Festival 2024, บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด ,ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทย อกริ ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) กะทิขวดเรียลไทย, และ บริษัท เนกซ์สเตป จำกัด (Good TV / Thainess) ร่วมจัดงาน “สุขสยาม ยลสายน้ำ ยินทำนอง”

ภายใต้แนวคิด “ยลวิถีคืนเพ็ญ รักษ์น่านน้ำ” ซึ่งจะตกแต่งบรรยากาศ รอบเมืองสุขสยาม ด้วยโคมล้านนาจากงานฝีมือภูมิปัญญาชาวล้านนา  พร้อมเชิญชวน นุ่งไทย ห่มสไบ ลอยกระทงด้วยวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ตั้งแต่วันนี้ – 18 พฤศจิกายน 2567

โดยได้มีพิธีเปิดงานในวันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2567  ได้รับเกียรติจากคุณ สุรพล เศวตเศรนี ประธานการจัดงาน Bangkok River Festival 2024 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย พร้อมด้วยพันธมิตรมากมายเข้าร่วมงาน พร้อมชมการแสดงทางวัฒนธรรม “ชุดสายน้ำ แห่งสยาม” จากสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความรื่นเริงกับท่วงทำนองดนตรี สนุกสนาน ต้อนรับเทศกาลลอยกระทง ประเพณีคู่ชาวไทย ที่กำลังจะมาถึง

คุณบัญชา ฉันทดิลก กรรมการผู้จัดการโครงการสุขสยาม เปิดเผยว่า งาน “สุขสยาม ยลสายน้ำ ยินทำนอง” จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งงานนี้มิใช่เป็นเพียงแค่ประเพณีลอยกระทง ตามความเชื่อเพื่อแสดงความเคารพต่อแม่น้ำ ขอขมาต่อพระแม่คงคาเท่านั้น แต่มุ่งส่งเสริมให้เทศกาลลอยกระทง หนึ่งในประเพณีระดับชาติของไทย กลายเป็นเทศกาลสำคัญที่ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศ ซึ่งนับเป็น Festival ระดับโลก และเป็นที่รู้จักของทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ  อีกทั้งมุ่งหวังให้เกิดความร่วมมือ และส่งเสริมการสร้างโอกาสหารายได้ให้แก่ชุมชนร้านค้า และผู้ประกอบการ จากการมาออกบูธจำหน่ายสินค้าในช่วงเทศกาล พร้อมร่วมส่งเสริม และกระตุ้นให้เกิดการ

ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และประเพณีไทย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้สัมผัสประเพณีและวัฒนธรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นผลักดัน Soft Power อัตลักษณ์ความเป็นไทยเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สร้างรายได้และภาพลักษณ์ที่ดี ให้แก่ประเทศอย่างยั่งยืน   โดยภายในงานได้เตรียมกิจกรรมเพื่อให้ได้สัมผัสถึง ความรื่นเริง สนุกสนาม ท่วงทำนองแห่งดนตรีและเสียงเพลง เสน่ห์ทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า มากมาย

สุขสนุกกับการแสดงศิลปวัฒนธรรม 4 ภาค

สนุกกับศิลปวัฒนธรรมอันดีงามแบบไทย ด้วยท่วงทำนอง จังหวะอันครื้นเครง อาทิ การแสดงเปิงมางคอกสำแดงสดการแสดงหุ่นละครเล็ก คณะโจหลุยส์, การแสดงโขนชุด นางลอย, การแสดงศิลปะมวยไทยศรศิลป์ และการแสดงการละเล่น รำฟ้อน 4 ภาค

วันที่ 14 พ.ย. 2567 เวลา 18.00 น. ร่วมชมและเป็นกำลังใจให้กับสาวงามผู้เข้าประกวด”นางนพมาศ ประจำปี 2567” ในค่ำคืนวันเพ็ญ สืบสานการอนุรักษณ์ประเพณีไทย การแต่งกายชุดไทยตามแบบฉบับสาวงามเมืองสุโขทัย ชิงเงินรางวัลและของรางวัลมูลค่ากว่า 50,000 บาท

พิเศษ! วันที่ 13 – 15 พ.ย. 2567  นำพาทุกท่านร่วมชมความตระการตากับขบวนแห่อัญเชิญประทีปโคมลอยตำนานท้าวศรีจุฬาลักษณ์  พร้อมชมสุดยอดการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย 4 ภาค, การแสดงดนตรีรำวงย้อนยุคจากโรงเรียนนาหลวง

สุขสร้างสรรค์กับกิจกรรมบูธไปรษณีย์ไทย

พบกับบูธไปรษณีย์ไทย พร้อมส่ง EMS World ไปได้ไกลกว่า 96 ประเทศทั่วโลก และกิจกรรมพิเศษจากไปรษณีย์ไทยกับ iStamp ภาพถ่ายส่วนตัว หนึ่งเดียวในโลก สามารถนำไปใช้งานได้จริง กับCollection พิเศษ ดีไซน์หมูเด้งและธีม ลอยกระทงให้คุณเลือกได้ที่นี่ที่เดียว พิเศษ!ไปอีก เมื่อใช้บริการส่งพัสดุด่วน/ EMS World หรือร่วมทำ iStamp ตามเงื่อนไข รับของที่ระลึกสุดพิเศษฟรี! พบกันที่เมืองสุขสยาม ชั้น G ที่บริเวณประตูสุขสุวรรณศาลา (GATE 5)

สุขเสน่ห์ “นุ่งไทย ห่มสไบ” งามอย่างไทย ทั่วเมืองสุขสยาม

วันที่ 13 – 15 พ.ย. 2567 ร่วมสร้างปรากฏการณ์ความงาม เชิญชวนแต่งกายชุดไทยหรือผ้าไทย พร้อมถ่ายรูปในกระทงยักษ์บริเวณบ่อภาคกลาง  พิเศษ :  โปรโมชั่น “งามอย่างไทย ในคืนเพ็ญ”  แต่งไทยถ่ายรูปเช็คอิน รับส่วนลดมูลค่า 200 บาท ที่ร้านสิรินาถ ทิพย์วดี จำนวนจำกัด 200 ท่านเท่านั้น

สุขแซ่บกับตลาดย้อนยุค 4 ภาค

ชวนช็อป ชิม อาหารไทย 4 ภาค แนว Street Food  พร้อมด้วยสินค้าไทยจากชุมชนประชารัฐรักสามัคคี อาทิ เมนูม้าฮ่อ ส่วนผสมจากส้มซ่า อาหารว่างไทยโบราณ เมนูซันบัว ซาลาเปาเผื่อสุขภาพ ผลผลิตจากเกษตรกรนครสวรรค์ เครื่องดื่มนมแพะวิถีธรรมชาติ จากจ.สตูล หอม อร่อย สุขภาพดี มีคุณค่าทางโภชนาสูง และผลิตภัณฑ์ทะเลแปรรูป ผลิตภัณฑ์ชุมชน ของดีส่งตรงจากจ.ตรัง รวมถึงผ้าปาเต๊ะ เครื่องนุ่งห่มอันเป็นเอกลักษณ์ของชายหญิงแดนใต้ ซึ่งมีสีสันและลวดลายที่สวยงาม จากจ.กระบี่ และผ้าขาวม้าคุณภาพดีจากจ.นนทบุรี

พิเศษ … กับกะทิเรียลไทย กะทิไทยแท้ 100% โดยบริษัท ไทย อกริ ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) ชื่นใจไปกับเมนูสุดฮิต สเลอปี้ชาไทยในราคาสุดพิเศษ 39 บาท และเตรียมพบกับ Cooking Show จากกะทิขวดเรียลไทย กับหลากหลายเมนูที่ให้ความเข้มข้น หอม มัน ทั้งเมนูคาวและเมนูหวาน ทุกวันศุกร์ – เสาร์ – อาทิตย์ ตลอดงาน

รักษ์น่านน้ำ รักษ์โลกอย่างยั่งยืน

เมืองสุขสยาม ยังคงคำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่ออนุรักษ์แม่น้ำเจ้าพระยา และ ลำคลอง ร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทง โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวชาวไทย และ ชาวต่างชาติ ได้ร่วมลอยกระทง ที่ผลิตจากใบลาน วัสดุจากธรรมชาติงานฝีมือของชาวเมืองสุโขทัย ใน “บ่อลอยกระทงรักษ์โลก” บริเวณบ่อภาคใต้ ในวันที่ 13 – 15 พ.ย. 67 นอกจากนี้ยังได้  ร่วมกับ Bangkok River Fest 2024 ผนึกกำลังพันธมิตร และจิตอาสา สานต่อกิจกรรม “คลีนคลอง ปีที่10“ ส่งเสริมการบริหารจัดการขยะ เพื่อสิ่งแวดล้อมชุมชนที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ส่งต่อกระทงใน “บ่อลอยกระทงรักษ์โลก”เพื่อนำไปรีไซเคิล ในโครงการ “เก็บกลับ-รีไซเคิล”

นอกจากนี้ในวันที่ 14 – 16  พ.ย.นี้ เวลา 16.00 – 22.00 น.ร่วมกิจกรรมพิเศษกับ Bangkok River Festival 2024 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย  ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 10 ณ ท่าเรือที่ไอคอนสยาม เมืองสุขสยาม สะสมคะแนนกับ SX Application แลกรับของที่ระลึกภายในเมืองสุขสยาม ชั้น G ฟรี!

ร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทง

ตั้งแต่วันนี้ – 18 พฤศจิกายน 2567 ที่เมืองสุขสยาม ณ ไอคอนสยาม ชั้น G ติดตามรายละเอียดได้ทางเฟสบุ๊ก SOOKSIAM

]]>
1498513
ญี่ปุ่นตั้งเป้าส่งออก การ์ตูน อนิเมะ เกมส์ ออกสู่ตลาดโลกให้ได้ 20 ล้านล้านเยนภายในปี 2033 https://positioningmag.com/1476645 Wed, 05 Jun 2024 10:56:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1476645 รัฐบาลญี่ปุ่นวางเป้าที่จะส่งออก การ์ตูน อนิเมะ เกมส์ ออกสู่ตลาดโลกให้ได้ 20 ล้านล้านเยน หรือเติบโตมากถึง 4 เท่า ภายในปี 2033 ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวอยู่ในภายใต้แผนการ Cool Japan ที่รัฐบาลเตรียมนำกลับมารีบูตใหม่อีกครั้ง

รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้าที่จะส่งออก การ์ตูน อนิเมะ เกมส์ รวมถึงทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวข้อง ออกสู่ตลาดโลกให้ได้มากกว่าเดิมมากถึง 4 เท่า หรือคิดเป็นเงินมากถึง 20 ล้านล้านเยน ภายในปี 2033 โดยแดนอาทิตย์อุทัยนั้นกำลังรวบรวมศักยภาพของวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกับประเทศ และวัฒนธรรมญี่ปุ่นนั้นกำลังได้รับความนิยมไปทั่วโลก

เอกสารของรัฐบาลญี่ปุ่นชี้ว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื้อหาอย่างอนิเมะและมังงะ (การ์ตูนญี่ปุ่น) มีบทบาทสำคัญในการดึงดูดผู้ชมรุ่นเยาว์จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ในต่างประเทศ นอกจากนี้เนื้อหาต่างๆ ยังทำหน้าที่เป็นประตูสู่ประเทศญี่ปุ่น

ไม่เพียงเท่านี้ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด ความนิยมในอนิเมะญี่ปุ่นนั้นเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งอนิเมะอย่าง Demon Slayer

เป้าหมายดังกล่าวรวมอยู่ในยุทธศาสตร์ Cool Japan ซึ่งตั้งเป้าหมายที่กว้างขึ้นโดยมีเป้าหมายที่จะกวาดรายได้ประมาณ 50 ล้านล้านเยนต่อปีภายในปี 20333 ผ่านสิ่งที่เรียกว่าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว รวมถึงการส่งออกเนื้อหาญี่ปุ่น สินค้าเกษตร แฟชั่น และเครื่องสำอาง สินค้า รวมถึงการดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้ท่องเที่ยวภายในประเทศด้วย

ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นยังได้สั่งให้บรรดารัฐมนตรีนำแผนดังกล่าวไปปฏิบัติโดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกันรัฐบาลญี่ปุ่นยังเตรียมสนับสนุนผู้ที่ทำงานในสายดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการจัดการในเรื่องข้อตกลงทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม หรือแม้แต่ในเรื่องการว่าจ้างในอุตสาหกรรมเหล่านี้

นอกจากนี้รัฐบาลยังเตรียมตัวขอความร่วมมือในต่างประเทศเพื่อจัดการปัญญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่ง การ์ตูน อนิเมะ ของญี่ปุ่นเองถือว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

ตัวเลขล่าสุดในปี 2022 รัฐบาลญี่ปุ่นรายงานถึงการส่งออก การ์ตูน อนิเมะ เกมส์ รวมถึงทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวข้องนั้นมีตัวเลขอยู่ที่ 4.7 ล้านล้านเยน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนั้นถือว่าใกล้เคียงกับตัวเลขการส่งออกอุตสาหกรรมเหล็กของประเทศญี่ปุ่นด้วยซ้ำ

ญี่ปุ่นได้ใช้ยุทธศาสตร์ Cool Japan มาเป็นเวลานานนับหลายปี ซึ่งถือเป็นการใช้ซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศอีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ดีรัฐบาลญี่ปุ่นมองว่ากลยุทธ์ดังกล่าวนั้นต้อง ‘รีบูต’ ใหม่อีกครั้ง เนื่องจากความนิยมของ การ์ตูน อนิเมะ อย่างล้นหลามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ที่มา – NHK, Kyodo News, CNA

]]>
1476645
สยามพิวรรธน์เดินเกมรุก ครองแชมป์ Global Destination อันดับหนึ่งของไทย ขานรับนโยบายรัฐบาล ทุ่ม 1,000 ล้านบาท ดันนักท่องเที่ยว ทะลุเกินเป้าใน Q4 https://positioningmag.com/1444112 Thu, 14 Sep 2023 04:00:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1444112

บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ประกาศยุทธศาสตร์ ขับเคลื่อนธุรกิจขานรับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล ผ่าน 4 Strategic Pillars ย้ำจุดแข็งในการเป็นผู้สร้าง Global Destinations อันดับหนึ่งของประเทศไทย ดังนี้ 1) ผู้นำการสร้างประสบการณ์ shopping ยิ่งใหญ่เหนือความคาดหมาย เสริมแกร่งตลาด Luxury retail ที่มีความครบครันที่สุดแห่งหนึ่งของโลก 2) ผู้นำการจัด World Class Event และการประชุมนานาชาติ 3) ผู้นำในการยกระดับผลงานศิลปะไทย สนับสนุนกรุงเทพฯ ให้เป็นศูนย์กลางศิลปะระดับโลก และ 4) ผู้นำในการปั้น Soft power ของไทยด้วยความคิดสร้างสรรค์และต่อยอดสู่เวทีโลก  ทั้งนี้ สยามพิวรรธน์ได้เตรียมทุ่มงบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท อัดฉีดเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นให้แตะ 30 ล้านคน ในไตรมาส 4 ปีนี้

นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ กล่าวว่าสยามพิวรรธน์เป็นผู้นำในการพัฒนาจุดหมายปลายทางระดับโลก (Global Destinations) ที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดให้ประเทศไทยเป็นหมุดหมายที่ครองความเป็นที่หนึ่งในใจผู้คนทั่วโลกมาอย่างยาวนานประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับในวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกด้วยรางวัลชนะเลิศหลากหลายเวที อีกทั้งยังเป็นผู้ครองฐานลูกค้ากำลังซื้อสูงมากที่สุดในประเทศไทยตลอดมา ทั้งนี้ ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2566 นี้ จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาศูนย์การค้าของสยามพิวรรธน์มีถึง 14 ล้านคน เพิ่มขึ้น 46% จากปี 2565 โดยมียอดการใช้จ่ายโดยเฉลี่ยที่ 8,500 บาท/คน/วัน เมื่อรัฐบาลมีนโยบายที่จะอำนวยความสะดวกและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาสู่ประเทศไทยอย่างเต็มที่แล้ว เชื่อมั่นว่าภายในสิ้นปีนี้ประเทศไทยจะมียอดนักท่องเที่ยวถึง 30 ล้านคน และสยามพิวรรธน์จะทุ่มทุนจัดกิจกรรมในไตรมาสสุดท้ายทุกศูนย์การค้าด้วยงบประมาณ 1,000 ล้านบาทเพื่อเป็นแม่เหล็กให้ผู้คนทั่วโลกอยากมาเยี่ยมชม

การขับเคลื่อนธุรกิจของกลุ่มสยามพิวรรธน์เพื่อขานรับนโยบายรัฐบาล ได้กำหนดยุทธศาสตร์ผ่าน 4 Strategic Pillars  ดังนี้

1. ผู้นำการสร้างประสบการณ์ Shopping ยิ่งใหญ่เหนือความคาดหมาย เสริมแกร่งผู้นำในตลาด Luxury retail ด้วยการผนึกกำลังกับ Luxury brand ร้านค้าผู้เช่า และพันธมิตรธุรกิจ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยเตรียมเปิดร้าน Luxury brands ใหม่เพิ่มเติมถึง 20 ร้านค้าในไตรมาส 4 ซึ่งหลายแบรนด์เป็นสาขาแรกในประเทศไทย อีกทั้ง มีคิวจัด Pop-up store และงานอีเวนต์ระดับโลก ร่วมกับแบรนด์ต่างๆ มากกว่า 40 แบรนด์ไปจนถึงสิ้นปี 2567 รวมทั้งบรรดาลักซ์ซูรี่แบรนด์ทุกค่าย เตรียมขยายพื้นที่กว่าเท่าตัวให้เป็น Iconic store ที่ใหญ่ที่สุดในสยามพารากอนและไอคอนสยามในปีหน้าอีกด้วย

2.ผู้นำการจัด World Class Event และการประชุมนานาชาติ โดยทำงานร่วมกับองค์กรภาครัฐ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) และภาคเอกชนต่างๆ เพื่อดึงดูดนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ๆ ที่มีกำลังซื้อสูงจากทั่วโลก โดยใช้พื้นที่รอยัลพารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน และทรู ไอคอนฮอลล์ ชั้น 7 ไอคอนสยาม เป็นสถานที่จัดงานอีเวนต์มาตรฐานระดับโลกหรือการประชุมนานาชาติ ซึ่งในปีนี้ได้รองรับงานสำคัญรวมกันกว่า 40 งาน และมีการจองใช้ใน ปี 2567 แล้วมากถึง 70% โดยสยามพิวรรธน์จะร่วมมือกับพันธมิตรใน Global Ecosystem ซึ่งประกอบด้วยพันธมิตรจากหลากหลายธุรกิจทั้งสายการบิน ธุรกิจโรงแรม ท่องเที่ยว ภัตตาคาร เพื่อรองรับการจัดงานหลากหลายรูปแบบ ส่งเสริมธุรกิจ MICE และสนับสนุนประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางการจัดประชุมนานาชาติของ S/E Asia นอกจากนี้ สยามพิวรรธน์ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้จัดงานอีเวนต์รายใหญ่ของโลกรายหนึ่งที่จะมาร่วมลงทุนสร้างศูนย์ประชุมและการแสดงเพิ่มเติมอีกด้วย สำหรับในไตรมาส 4 ของปีนี้จะลงทุนจัดกิจกรรมระดับชาติครั้งยิ่งใหญ่ในทุกศูนย์การค้ารวมกันถึง 40 กิจกรรม ด้วยงบประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยจะสื่อสารประชาสัมพันธ์ออกสื่อทั่วโลก จึงมั่นใจว่าจะสามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต้องการมาชมและสนุกสนานร่วมกัน

3.ผู้นำในการส่งเสริมศิลปะไทย ยกระดับกรุงเทพฯ ให้เป็นศูนย์กลางศิลปะระดับโลก  โดยสยามพิวรรธน์ได้บุกเบิกและเป็นผู้ประกอบการที่สนับสนุนศิลปินไทยมาตลอดเวลากว่า 15 ปี เป็นรายแรกที่นำผลงานของศิลปินไทยมาจัดแสดงเป็น public arts ประจำในศูนย์การค้า และจัดกิจกรรมต่างๆ ส่งเสริมความสามารถของศิลปินไทยตลอดมา เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ สยามพิวรรธน์เตรียมแผนเสนอรัฐบาลที่จะปั้นให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางของ S/E Asia ที่จะจัดงานศิลปะระดับโลกให้เกิดขึ้นเพื่อดึงดูดบุคคลในวงการศิลปะเข้ามาในประเทศไทย อาทิ งาน Art Basel และ Frieze เป็นต้น ซึ่งจะทำให้บรรดาศิลปินไทยได้มีโอกาสแสดงผลงานร่วมกับศิลปินระดับโลกด้วย โดยจะร่วมทำงานกับภาครัฐในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ยิ่งไปกว่านั้น สยามพิวรรธน์มีนโยบายที่จะเปิดศูนย์ศิลปะริเวอร์มิวเซียม ชั้น 8 ไอคอนสยาม ในปี 2026 ด้วยพื้นที่ 8,000 ตารางเมตร ซึ่งจะเป็นมิวเซียมมาตรฐานโลกแห่งแรกของประเทศไทยที่สามารถรองรับงานศิลปะ master piece ระดับโลกได้ทัดเทียมกับมิวเซียมชั้นนำในประเทศต่างๆ ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะดึงดูดบุคคลสำคัญในวงการศิลปะและบรรดา นักสะสมงานศิลปะจากทั่วโลกเข้ามาในประเทศไทย นับว่าเป็นกลุ่มท่องเที่ยวคุณภาพสูงกลุ่มใหม่ที่จะต่อยอดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดีในระยะยาว

4.ผู้นำในการปั้น Soft power ของไทยด้วยความคิดสร้างสรรค์และต่อยอดสู่เวทีโลก ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ที่สยามพิวรรธน์ได้พัฒนาแพลตฟอร์มแห่งโอกาสที่นำสุดยอดฝีมือในด้านต่างๆ ของไทย เพื่อนำเสนอ Soft power ของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นด้านอาหาร ภาพยนตร์ แฟชั่น ดีไซเนอร์ และอื่นๆ รวมทั้งการพัฒนาแพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs และพ่อค้าแม่ค้าจาก 77 จังหวัด จำนวนกว่า 6,000 ราย มารวมตัวกันนำเสนออัตลักษณ์ไทยรูปแบบต่างๆ ผ่านเมืองสุขสยาม ซึ่งมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมไม่ต่ำกว่าวันละ 70,000 คนและเป็นที่กล่าวขวัญถึงอย่างมากใน social media ทั่วโลก นอกจากนี้ การสร้างแบรนด์สินค้าของคนไทยผ่านธุรกิจรีเทลของสยามพิวรรธน์ อันได้แก่ ICONCRAFT, ODS และ ECOTOPIA ก็สามารถขายแฟรนไชส์ไปต่างประเทศ ทั้งนี้ สยามพิวรรธน์​พร้อมที่จะร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งพันธมิตรระดับโลก ยกระดับ Soft power ของคนไทยให้เป็นที่ชื่นชมบนเวทีโลกด้วยเช่นกัน

สยามพิวรรธน์พร้อมที่จะผสานพลังทุกภาคส่วน สนับสนุนนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล ร่วมผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ ทำให้ประเทศไทยครองแชมป์จุดหมายปลายทางของโลก ซึ่งถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ที่จะช่วยกระตุ้นกิจกรรมเศรษฐกิจ สร้างรายได้ และก่อให้เกิดการจ้างงานกับประชาชนจำนวนมาก ส่งผลกระทบครอบคลุมกว้างขวาง ไม่ใช่เฉพาะผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวโดยตรงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงธุรกิจค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจ MICE และบริการที่จะได้ประโยชน์จากการมาเยือนของชาวต่างชาติ

“สยามพิวรรธน์จะเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง โดยเตรียมอัดงบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาทเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวในไตรมาส 4 นี้ และเตรียมจัดงบประมาณเพิ่มอีกเท่าตัวในปีหน้า เพื่อเดินเครื่องหนุนการท่องเที่ยวของไทยตามนโยบายของรัฐบาล โดยมั่นใจว่ารัฐบาลชุดนี้จะทำให้การท่องเที่ยวของประเทศไทยเป็นจุดแข็งที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม สร้างปรากฏการณ์ ปักหมุดให้ประเทศเป็นจุดหมายปลายทางแรกที่ต้องมาเยือนสำหรับนักท่องเที่ยวและนักเดินทางจากทั่วโลก” นางชฎาทิพกล่าวปิดท้าย

 

]]>
1444112
รู้จัก “HEADLINER THAILAND” Talent Agency น้องใหม่ ภายใต้ “เทนเซ็นต์ ประเทศไทย” กับภารกิจปั้นศิลปินนักแสดงเลือดใหม่ เสิร์ฟวงการบันเทิงไทย-เทศ https://positioningmag.com/1435554 Thu, 06 Jul 2023 11:00:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1435554

วงการบันเทิงขึ้นชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมใหญ่ที่สามารถสร้าง Soft Power ให้ประเทศเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกได้ เห็นได้จากประเทศเกาหลีที่ปลุกปั้น K-Series หรือประเทศจีนที่ C-dramas ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย รวมถึงประเทศไทยเองที่มีศักยภาพในการดันละคร และเพลงให้เป็น Soft Power ไปไกลถึงระดับโลก เพราะมีนักแสดง และศิลปินที่มีความสามารถและศักยภาพอยู่มากมาย

ด้วยเหตุนี้เองธุรกิจ Talent Agency หรือธุรกิจบริหารนักแสดง และศิลปิน จึงกลายเป็นหนึ่งในกลไกขับเคลื่อนที่มีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานให้กับวงการบันเทิงไทย ในการผลิตศิลปินที่มีคุณภาพและศักยภาพเข้าสู่ตลาด เพราะปัจจุบันศิลปิน ดารา นักร้องไทยนั้นนอกจากจะเป็นที่ยอมรับทั้งในวงการบันเทิงไทยและต่างประเทศแล้ว ยังถือเป็น Soft Power ที่สร้างอิมแพคให้กับประเทศไทย ผ่านผลงานต่างๆ มากมาย นอกจากนี้การมีส่วนร่วมของแฟนๆ ชาวไทยในการให้การสนับสนุนศิลปินก็เป็นขุมกำลังที่แข็งแกร่งในการผลักดันศิลปินให้เข้าสู่ตลาดทั้งในประเทศ และตลาดสากลได้

ก่อนหน้านี้ธุรกิจ Talent Agency ในประเทศไทยอาจไม่ใช่ธุรกิจใหญ่มากนัก โดยที่ค่ายเพลงใหญ่ๆ หรือค่ายหนัง ค่ายละครใหญ่ๆ เท่านั้นที่จะมีหน่วยบริหารจัดการศิลปิน แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เราได้เห็นการเติบโตของธุรกิจ Talent Agency มากขึ้น มีผู้เล่นรายใหม่ลงมาเปิดบริษัทอย่างเต็มตัว หรือแม้แต่ตัวศิลปินเองก็เปิดบริษัทบริหารศิลปินเองก็มี เทรนด์นี้ช่วยสร้างมิติใหม่ให้วงการบันเทิงไทยได้อย่างดี และด้วยกระแสอันร้อนแรงขนาดนี้ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จํากัด ผู้นำด้านการให้บริการแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีชั้นนำของประเทศไทย ที่มีแพลตฟอร์มด้านความบันเทิงมากมาย ก็ไม่พลาดที่จะร่วมขบวนนี้เช่นกัน

จึงเป็นที่มาของการเปิดตัว “เฮดไลเนอร์ ไทยแลนด์” (HEADLINER THAILAND) ธุรกิจบริหารจัดการ และพัฒนานักแสดง-ศิลปินแบบครบวงจร ที่เน้นการเฟ้นหาคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพและความสามารถที่โดดเด่นทั้งด้านการแสดง การร้องเพลง และการเต้น ป้อนเข้าสู่วงการบันเทิง พร้อมใช้จุดแข็งของการอยู่ภายใต้        เทนเซ็นต์ ประเทศไทย เปิดโอกาสให้ศิลปินได้โชว์ศักยภาพได้อย่างเต็มที่ผ่านการนำเสนอผลงานที่หลากหลายผ่านบริการต่างๆ ทั้งบนแพลตฟอร์มของบริษัท รวมถึงจากบริษัทพันธมิตรต่างๆ ในอนาคต รวมถึงการผลักดันและสร้างโอกาสเติบโตบนเส้นทางบันเทิงในระดับภูมิภาคให้กับศิลปินในสังกัด

เฮดไลเนอร์ ไทยแลนด์ วางแผนธุรกิจด้วย 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่

  1. การพัฒนาศักยภาพของศิลปินในสังกัด เริ่มตั้งแต่การค้นหาศิลปินหน้าใหม่เพื่อร่วมโปรเจกต์ซีรีส์ที่มีการวางแผนผลิตไว้แล้ว และค้นหาศิลปินมาเป็นเด็กฝึกในสังกัด ควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะ ศักยภาพ ของศิลปินในสังกัดด้วยคลาสเรียนการแสดง การสื่อสาร การปรับบุคลิกภาพ เพื่อให้ศิลปินพร้อมทำงานในวงการบันเทิงทุกรูปแบบ
  2. การสร้างคอมมูนิตี ส่งเสริมความชื่นชอบในตัวศิลปินทั้งกับกลุ่มคนทั่วไป กลุ่มแฟนคลับ และสื่อมวลชน ผ่านการจัดกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ เพื่อเข้าถึงทุกคอมมูนิตีที่ชื่นชอบในตัวตนของศิลปินได้ทุกกลุ่ม
  3. การจับมือพันธมิตรในหลากหลายแวดวง ทั้งแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิงชั้นนำในไทย เช่น WeTV การจับมือกับกลุ่มผู้ผลิตไทยที่กำลังมาแรง รวมถึงการร่วมมือกับเครือข่ายสายการพัฒนาศิลปิน เช่น โรงเรียนสอนการแสดง โรงเรียนสอนบุคลิกภาพ และคลินิกเสริมความงาม เพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้ศิลปินในสังกัดครบรอบด้าน

สำหรับการเปิดรับศิลปินในช่วงแรก เฮดไลเนอร์ ไทยแลนด์ จะเฟ้นหา ศิลปินชาย อายุ 15 – 25 ปี ที่มีใจรักการแสดง รักการเป็นศิลปิน พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ  มีวินัย ต้องการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ สื่อสารได้ 2 ภาษาขึ้นไป เพื่อมาร่วมเป็นนักแสดงในสังกัด และเดินหน้าเฟ้นหาศิลปิน และนักร้องต่อไปในอนาคต เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายในด้านธุรกิจ ทั้งฝั่งผู้ผลิต สตูดิโอที่มองหานักแสดงร่วมแสดงในผลงานต่างๆ และกลุ่มแบรนด์สินค้าต่างๆ รวมไปถึงบริษัทจัดงานอีเวนต์ทั้งในไทยและต่างประเทศ

โดยในปี 2566 นี้ เฮดไลเนอร์ ไทยแลนด์ ประเดิมการคัดเลือกศิลปินเข้าสังกัดด้วยการเฟ้นหานักแสดงหน้าใหม่ลงจอในโปรเจกต์ซีรีส์วายเรื่อง Twelfth Night บ้านอลวน คืนอลเวง ซีรีส์แนว Boy Love ที่หยิบยกเอาประเด็นความสัมพันธ์ของวัยรุ่นชายชายในปัจจุบันมาเล่าพร้อมควบคู่ไปกับการให้ความรู้เรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ (Sex edutainment) อย่างถูกต้อง ผลิตโดยกองทัพ โปรดักชั่น ผู้ผลิตคอนเทนต์ชื่อดัง และจะเดินหน้าออดิชันศิลปินตลอดปีเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับโปรเจกต์อื่นๆที่น่าสนใจในอนาคต

ทั้งนี้เฮดไลเนอร์ ไทยแลนด์ ได้ตั้งเป้าในการผลิตศิลปินที่มีคุณภาพ และศักยภาพครบถ้วนส่งเข้าสู่วงการบันเทิงไทย และต่างประเทศ เพื่อตอบโจทย์ทั้งในแง่ธุรกิจไม่ว่าจะเป็น ผู้ผลิต แบรนด์สินค้าต่างๆ และบริษัทจัดงานอีเวนต์ทั้งของไทย และต่างประเทศ รวมถึงในแง่มุมของผู้บริโภคที่เป็นการเปิดโอกาสสำคัญให้กับคนมีฝันได้ตามความฝันในการเป็นศิลปินทำงานในวงการบันเทิงไทย และต่างประเทศ นอกจากนี้ยังเตรียมขยายความร่วมมือกับพันธมิตรด้านต่างๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับการดำเนินงานของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

สามารถติดตามความเคลื่อนไหวและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง https://www.facebook.com/HEADLINER.Th

 

]]>
1435554
“เซ็นทรัลพัฒนา” เตรียมจัด THAILAND’S SONGKRAN FESTIVAL 2023 ดันสงกรานต์ไทย เป็น Soft Power ระดับโลก https://positioningmag.com/1427069 Tue, 11 Apr 2023 13:00:41 +0000 https://positioningmag.com/?p=1427069

เซ็นทรัลพัฒนา เดินหน้าสร้างแรงกระเพื่อมของ “สงกรานต์” หนึ่งใน Festival แห่งปีของประเทศไทย ให้ดังไกลระดับโลก เตรียมจัดงาน “THAILAND’S SONGKRAN FESTIVAL 2023” กระตุ้นการท่องเที่ยวแบบเต็มคาราเบล ดันสงกรานต์ไทยเป็น Soft Power ขึ้นแท่น Festival ระดับโลก ปั้น Festival Landmark ในเมืองหลัก-เมืองรองผ่านศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ ด้วยกลยุทธ์ 2 มิติ ผสาน Culture แบบไทยๆ กับ Entertainment คึกคัก คาดทราฟฟิกเพิ่มขึ้น 20-30% ทั่วประเทศ

ประเทศไทยขึ้นชื่อว่าเป็นเดสนิเนชั่นอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ทั้งในแง่ของการมาเที่ยวพักผ่อน หรือการมาเกษียณอายุอยู่ที่ประเทศไทย แต่อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกก็คือ “เทศกาลสงกรานต์” นักท่องเที่ยวหลายคนพร้อมใจกันมาร่วมสนุกสนานสาดน้ำคลายร้อนกับเทศกาลสงกรานต์

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีแลนด์มาร์กใหญ่ๆ ในประเทศไทย ล้วนมีการจัดงานสงกรานต์กันอย่างคึกคัก เรียกว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี โดยแลนด์มาร์กที่สำคัญของไทยที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ “เซ็นทรัลเวิล์ด” งานนี้ถึงเวลาปั้นสงกรานต์ให้เป็น Soft Power ระดับโลกต่อไป

ในปีนี้ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้จับมือร่วมกับพันธมิตรชั้นนำทั้งภาครัฐ โดยกระทรวงวัฒนธรรม, กรมส่งเสริมวัฒนธรรมและพันธมิตรชั้นนำ ได้แก่ บริษัท ช้างอินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด, บริษัท ไทยเบฟมาร์เก็ตติ้ง จํากัด, บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จํากัด, บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จํากัด เตรียมจัดงาน THAILAND’S SONGKRAN FESTIVAL 2023 สงกรานต์มหาบันเทิง ภายใต้แนวคิด “สนุก สืบสาน ส่งต่อ และรักษาวัฒนธรรมประเพณีไทย” พร้อมผลักดันสงกรานต์ไทยขึ้นแท่น Festival ระดับโลก เป็น Magnet ดึงดูดทั้งคนไทย-ต่างชาติเที่ยวไทยตลอดเดือนเมษายน

หลังจากผ่านช่วงของการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ปีนี้ได้กลับมาจัดงานแบบยิ่งใหญ่ จัดเต็มรูปแบบด้วยกิจกรรมมากมายที่ผสานวัฒนธรรมประเพณีสงกรานต์ และเอ็นเตอร์เทนเมนท์แบ่งกิจกรรม เป็น 6 ไฮไลต์มหาบันเทิง ตอบโจทย์ทุกเจเนอเรชั่นโดยงาน THAILAND’S SONGKRAN FESTIVAL 2023 สงกรานต์มหาบันเทิงทั่วไทย จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 7-16 เม.ย.2566 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 38 สาขาทั่วประเทศ

ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

“เซ็นทรัลพัฒนา มีกลยุทธ์ในการจัดงานด้วยการตั้งเป้าหมายระดับโลก ที่ผ่านมาเราเป็นผู้ริเริ่มปั้นให้งาน Countdown ไทยประสบความสำเร็จจนได้รับการจัดให้อยู่ในลิสต์งาน Countdown ระดับโลก และทำให้เซ็นทรัลเวิลด์เป็น Time Square of Asia มาแล้ว ครั้งนี้ถึงเวลาที่สงกรานต์ปีใหม่ไทยจะเป็นหนึ่งในลิสต์เทศกาลระดับโลก เหมือน Chinese New Year ที่ผู้คนทั่วโลกต่างฉลองพร้อมกัน ซึ่งสงกรานต์ไทยเต็มไปด้วย Element ที่แตกต่าง ทั้งการสรงน้ำพระ การละเล่นส่งเสริมเอกลัษณ์ไทย ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติมามีประสบการณ์กับวัฒนธรรมไทย มีความสนุก ทั้งเล่นน้ำ คอนเสิร์ต วัฒนธรรมการกิน เป็นช่วงเวลาอบอุ่นของครอบครัว

โดยมี 3 จุดแข็งหลัก ที่พร้อมผลักดันให้สงกรานต์ไทยไปสู่ระดับโลกได้คือ

1) สร้าง Big impact ทั้งในระดับประเทศ และระดับโลก เราไม่ได้สร้าง Impact แค่จุดเดียว แต่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมได้ทั่วประเทศทั้งในระดับโลกไปจนถึงระดับท้องถิ่นด้วย Location ใน 38 สาขาทั่วไทย ตั้งแต่ระดับ Global ที่เซ็นทรัลเวิลด์กับการจัดเทศกาลดนตรีระดับโลกถึง 2 งานใหญ่ ในสาขา Tourist malls เมืองท่องเที่ยวหลัก อย่าง อาทิ เซ็นทรัล ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ ไปจนถึง Local tourism ในเมืองรอง โปรโมทการท่องเที่ยวท้องถิ่น ช่วยกระจายรายได้ทั่วประเทศพร้อมการสร้าง International Awareness ผ่าน Tourist Platform ทั่วโลก อาทิ Klook และ WechatPay

2) Music Festival Phenomenon กับงาน “SUPERFLUID CentralwOrld x 4nologue” เทศกาลดนตรีระดับโลกท่ามกลางสายน้ำสุดยิ่งใหญ่ พบกองทัพศิลปินระดับโลก แสง สี เสียง แบบจัดเต็มจัดต่อเนื่อง 14 – 16 เม.ย. 66 พบศิลปินดังทั้ง T POP และ K POP  อาทิ 8TURN บอยแบนด์มาแรงจากเกาหลี และ G Circuit สุดยอดธีมปาร์ตี้ระดับโลก รวม DJ ดังที่ทุกคนรอคอยกับ 4 ธีม Super Exclusive กับผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 5,000 คนจาก 50 ประเทศทั่วโลก 13-16 เมษายน 2566 ที่ Centara Grand Convention Center, CentralPattana X Spicy Disc สร้างซัมเมอร์ Vibe ด้วยเพลง “สาดความสุข” ที่แต่งขึ้นพิเศษ โดยศิลปินดัง “ว่าน- ธนกฤต” และสร้าง Thailand’s Songkran Music Festival ในสาขาต่างๆ ทั่วประเทศ อาทิ เซ็นทรัล ภูเก็ตกับงาน Big Island Water Fun 2023 EDM concert และเซ็นทรัล พัทยาในงาน Central Pattaya Songkran Festival และวันไหล Festival เป็นต้น

3) Culture & Entertainment Co-creation ชู 6 ไฮไลต์ สงกรานต์มหาบันเทิงที่ตอบโจทย์ทั้งวัฒนธรรม และความบันเทิงที่เซ็นทรัลทั่วประเทศ ปั้น Songkran Entertainment ทั่วไทยดังไกลระดับโลกและรวมการแสดงหาชมยาก อาทิ หนังใหญ่วัดขนอน ที่เซ็นทรัล พระราม 3 ซึ่งได้รับรางวัล Asia/Pacific Cultural Centre for UNESCO


ชู 6 ไฮไลต์ สงกรานต์มหาบันเทิงทั่วไทย ตอบโจทย์ ALLGEN ENJOY

  1. ดนตรีมหาบันเทิงระดับโลก ปักหมุด Songkran Entertainment ทั่วไทย ด้วยเทศกาลดนตรีระดับโลกท่ามกลางสายน้ำ ชูไฮไลต์ที่ centralwOrld และ Tourist Malls ในเมืองท่องเที่ยว อาทิ เซ็นทรัล ภูเก็ต , พัทยา, เชียงใหม่, เชียงใหม่ แอร์พอร์ต, ระยอง, อยุธยา, หาดใหญ่, โคราช, อุดรฯ

  1. สุขมหาบันเทิงครบจบในที่เดียว ร่วมสืบสาน culture สงกรานต์ของไทย และกิจกรรมเสริมสิริมงคล อาทิ สักการะและสรงน้ำพระพุทธรูป รับน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากวัดดัง
  2. ไทยมหาบันเทิง พบกับศิลปะการแสดงนาฏศิลป์พื้นถิ่นไทย และนิทรรศการร่วมอนุรักษ์ และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว และชูอัตลักษณ์ความเป็นไทย อาทิ เซ็นทรัล พระราม 3 พาคุณสืบสาน อนุรักษ์ งานศิลป์ “หนังใหญ่วัดขนอน” ชมการแสดงเรื่อง รามเกียรติ์ ตอน ศึกทศกัณฐ์ ครั้งที่ 5 (ยกรบ), เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ชมการแสดงโขน ชุดพิเศษบ้านนราศิลป์ นางเลิ้งที่หาชมยาก, สนุกกับ Swing Dance กับวง Stumbling Swingout, เซ็นทรัล อุดร ประกวด ส้มตำ ลีลามหาบันเทิง และเซ็นทรัล ศาลายา โขนจิ๋ว รร. สาธิต มศว.ประสานมิตร
  3. อร่อยมหาบันเทิง ฉลองสงกรานต์และวันครอบครัวกับอาหารร้านดังของแต่ละพื้นที่มากมาย ในคอนเซ็ปต์ “ตลาดไทยมหาบันเทิง” ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทุกสาขา
  4. เที่ยวมหาบันเทิง กิจกรรมพิเศษ เที่ยวสนุกได้ทั้งครอบครัว อาทิ เซ็นทรัล สุราษฎร์ธนี งาน Surat Summer Kite การแสดงว่าวนานาชาติ เเชมป์โลก 50 ตัว, เซ็นทรัล อยุธยา มีขบวนนางสงกรานต์บนรถแห่ตุ๊กตุ๊กหน้ากบ รอบเมือง

  1. ช้อปมหาบันเทิง พบโปรโมชั่นใหญ่รางวัลรวมมูลค่ากว่า 1.7 ล้านบาท* สมาชิก The 1 ช้อปครบรับสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลใหญ่รถยนต์ New Nissan KICKS e-POWER รุ่น V, สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า MONOWHEEL, ตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ ภายในประเทศ* NOK AIR, คูปองเงินสดจาก SUPERSPORTS และรางวัลอื่นๆ รวม 60 รางวัล Top Spenders 10 ท่านแรก รับแพคเกจที่พักสุดหรู SILAVADEE KOH SAMUI , ช้อปครบรับสิทธิ์แลกซื้อ Summer Bag, สมาชิก The 1 Exclusive รับคะแนนสูงสุด X4 เท่า, สมาชิก The 1 รับคะแนน X3 เท่า และโปรโมชั่นบัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 10%* ไม่ต้องแลกคะแนน หรือแลกรับเครดิตเงินคืนหรือบัตรของขวัญ สูงสุด 20%* หรือผ่อน 0%* กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ และสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย

สามารถชมคลิปมหาบันเทิง  https://youtu.be/Jcu3VVCTZp0 และเช็คพิกัด “สงกรานต์มหาบันเทิง” http://bit.ly/3LYj5Bs

ร่วมกันสืบสานประเพณีไทย กับเทศกาลสงกรานต์ไปกับเซ็นทรัลพัฒนา เป็นการผสาน Culture และ Entertainment ได้อย่างลงตัว สามารถปั้นสงกรานต์ให้เป็น Festival ระดับโลกได้จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้รู้จักประเทศไทยมากยิ่งขึ้นไปอีก อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มหาศาลอีกด้วย

]]>
1427069
“เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์” เจ้าภาพร่วมอีเวนต์วงการหนังระดับโลก “CineAsia” โอกาสทองสร้าง Soft Power จาก “หนังไทย” https://positioningmag.com/1413947 Tue, 27 Dec 2022 10:00:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1413947

สถานการณ์โควิด-19 ทำให้หลายอุตสาหกรรมปั่นป่วนรวมถึงธุรกิจ “โรงภาพยนตร์” แต่หลังโรคระบาดคลี่คลาย ตัวเลขผู้ชมที่กลับสู่โรงหนังอีกครั้งเป็นข้อพิสูจน์แล้วว่า ‘Cinema Never Die’ โรงภาพยนตร์ยังคงเป็นส่วนสำคัญในธุรกิจ และงานอีเวนต์เทรดโชว์ระดับโลกที่จะจัดในภูมิภาคเอเชียอย่าง ‘CineAsia’ ได้เลือกเป็นพาร์ทเนอร์กับ “เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์” จัดงานอีเวนต์ในไทยสองปีต่อเนื่อง (2022-23) โอกาสครั้งสำคัญในการผลักดันภาพยนตร์ไทยเข้าสู่เครือข่ายวงการภาพยนตร์ระดับสากล

ธุรกิจ “โรงภาพยนตร์” ทั่วโลกเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา จากโรคระบาดโควิด-19 ทำให้โรงภาพยนตร์ถูกสั่งปิดชั่วคราว ผู้ชมเริ่มหันไปหาความบันเทิงผ่านช่องทางอื่น เช่น สตรีมมิ่งแพลตฟอร์ม จนเกิดเป็นคำถามว่า “ถ้าโรงหนังเปิดทำการอีกครั้ง ผู้ชมจะยังกลับมาหรือไม่?”

อย่างไรก็ตาม หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ธุรกิจโรงภาพยนตร์ได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งแล้วว่า โรงหนังยังมีความสำคัญต่อผู้ชมและศิลปะ โดยในปี 2021-2022 ซึ่งโรงภาพยนตร์ส่วนใหญ่ในโลกกลับมาเปิดทำการแล้ว มีภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ถึง 2 เรื่องที่ได้รับการตอบรับในโรงสูงจนติดอันดับภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงที่สุดตลอดกาล ได้แก่ Spider-Man: No Way Home (ปี 2021) ขึ้นแท่นอันดับ 6 และเรื่อง Top Gun: Maverick (ปี 2022) ขึ้นไปติดอันดับ 11

กรณีประเทศไทย “วิชา พูลวรลักษณ์” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เฉพาะรายได้จากโรงภาพยนตร์เมเจอร์ ปี 2565 มีผู้ชมกลับเข้ามาแล้ว 70% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 และยังเปิดเผยแผนปี 2566 เตรียมลงทุน 600 ล้านบาท เปิดโรงภาพยนตร์ใหม่ถึง 13 สาขา รวม 49 โรง เป็นสัญญาณชัดเจนว่าอนาคตโรงหนังจะกลับมาสดใส

บรรยากาศงาน CineAsia 2022 ในโรงภาพยนตร์ไอคอน ซีเนคอนิค

เหตุที่โรงภาพยนตร์ยังเป็นส่วนสำคัญ และผู้ชมยังต้องการกลับมาแม้จะมีตัวเลือกอย่างสตรีมมิ่งแพลตฟอร์ม เป็นเพราะโรงภาพยนตร์มี “เสน่ห์” ที่หน้าจออื่นชดเชยไม่ได้ เช่น เทคโนโลยีการฉายภาพยนตร์ในระบบพิเศษต่างๆ เพื่อให้ได้อรรถรสการชมอย่างเต็มที่, บรรยากาศการชมภาพยนตร์ร่วมกับคนหมู่มาก สัมผัสถึงอารมณ์ร่วมกันทั้งโรง หรือบางอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นข้อเสียแต่จริงๆ แล้วกลายเป็นข้อดี คือ การกดหยุดระหว่างชมไม่ได้และมารยาทในโรงหนังที่ไม่ควรใช้โทรศัพท์มือถือ ซึ่งทำให้ผู้ชมมีสมาธิ ‘อิน’ ไปกับหนังได้มากกว่า ทั้งหมดทำให้ ‘Cinema Never Die’ โรงภาพยนตร์ยังเป็นสถานที่ที่ผู้ชมชื่นชอบ


CineAsia เลือกไทยเป็นสถานที่จัดงาน “เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์” ร่วมเป็นเจ้าภาพ

เมื่อภาพยนตร์ยังไม่ตาย ทำให้อีเวนต์ที่เกี่ยวข้องยังคงจัดอย่างต่อเนื่อง โดยหนึ่งในผู้จัดอีเวนต์ด้านภาพยนตร์แถวหน้าของโลกอย่าง Film Expo Group” กลับมาจัดงานอีเวนต์ “CineAsia” หลังหยุดไป 3 ปีจากเหตุโควิด-19 และทั้งสองครั้งเลือก “ประเทศไทย” เป็นสถานที่จัดงานแทนเกาะฮ่องกงที่เคยเป็นเจ้าภาพ


โอกาสนี้ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ได้เป็นเจ้าภาพร่วมจัดงาน CineAsia ระหว่างวันที่ 5-8 ธันวาคม 2022 และ 4-7 ธันวาคม 2023 จัดขึ้น ณ โรงภาพยนตร์ไอคอน ซีเนคอนิค และ ทรูไอคอน ฮอลล์ ต้อนรับผู้เข้าร่วมงานทั้งกลุ่มผู้สร้าง ผู้กำกับ นักแสดง ผู้ผลิตและจำหน่าย ค่ายหนัง ตัวแทนโรงภาพยนตร์ รวมกว่า 2,000 คนจาก 50 ประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐฯ ออสเตรเลีย จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เวียดนาม อินโดนีเซีย เป็นต้น

งาน CineAsia ถือเป็นงานใหญ่ของวงการ เนื่องด้วยจะมีการจัดฉายไลน์อัพภาพยนตร์ล่วงหน้าของปีถัดไป ยกตัวอย่างปี 2022 ที่ผ่านมาจะจัดฉายหนังของปี 2023 โดยมีสตูดิโอระดับโลกร่วมแนะนำภาพยนตร์ในปีหน้า เช่น 20th Century Fox, Paramount, Sony Pictures, Universal, Walt Disney, Warner Bros, ฯลฯ ทั้งหมดเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพาร์ทเนอร์โรงภาพยนตร์ว่า ในปีถัดไปสตูดิโอใหญ่จะมีภาพยนตร์ที่น่าสนใจออกฉายอย่างต่อเนื่อง

เทรดโชว์นวัตกรรมและอุปกรณ์เกี่ยวกับภาพยนตร์

นอกจากนี้ กลุ่มผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ยังมีการนำเสนอและจัดแสดงสินค้าเทคโนโลยีและอุปกรณ์ใหม่ๆ เพื่อให้ทุกฝ่ายได้เห็นภาพอนาคตของวงการ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเสียง จอภาพยนตร์ ลำโพง เครื่องฉาย กล้องถ่ายทำ เก้าอี้โรงหนัง เครื่องจำหน่ายตั๋ว เครื่องจำหน่ายป๊อปคอร์น โดยในงาน CineAsia ปี 2022 จะเห็นได้ว่านวัตกรรมใหม่ยังคงมีการจัดแสดงภายในงาน สะท้อนภาพการพัฒนาตัวเองที่ไม่หยุดยั้งในโลกภาพยนตร์ แม้ว่าจะต้องเผชิญสถานการณ์โควิด-19 ก็ตาม


โอกาส ‘Soft Power’ จากภาพยนตร์ไทย

วิชา พูลวรลักษณ์ ซีอีโอแห่ง “เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์” ยังมองด้วยว่า โอกาสของการมีอีเวนต์เครือข่ายธุรกิจภาพยนตร์ระดับโลก CineAsia มาจัดในไทยคือ ช่วงเวลาที่ประเทศไทยจะได้นำเสนอผลงานจากวงการภาพยนตร์ไทยด้วยเช่นกัน ทั้งผลงานภาพยนตร์ ผลงานการกำกับ ผลงานนักแสดง จนถึงสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ภายในประเทศไทย เหล่านี้คือโอกาสที่ไทยจะได้ประโยชน์ต่อเนื่องหลังงานอีเวนต์ลักษณะนี้

เมเจอร์ฯ เองมองว่าบริษัทต้องการช่วยผลักดันให้ไทยขึ้นแท่นเป็น King of Content Hub โดยเทียบชั้นกับ ‘เกาหลีใต้’ ซึ่งเป็นต้นแบบของการส่งออกอุตสาหกรรมบันเทิงสู่สายตาชาวโลก เกาหลีใต้นั้นเป็น role model แห่งความสำเร็จ ทำให้เห็นว่าการผลักดัน ‘Soft Power’ นั้นมีประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ผู้ชมเมื่อได้ซึมซับวัฒนธรรมผ่านความบันเทิงแล้ว จะนำมาซึ่งการขายสินค้าของประเทศได้หลากหลาย เช่น อาหาร เครื่องสำอาง สมาร์ทโฟน รถยนต์ การท่องเที่ยว ภาพยนตร์จึงกลายเป็นรากฐานหนึ่งในการสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศ

จากความมุ่งมั่นของเมเจอร์ฯ และความแข็งแกร่งในฐานะโรงภาพยนตร์อันดับ 1 ของไทย เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จึงได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจจาก Film Expo Group เพื่อเป็นพาร์ทเนอร์เจ้าภาพร่วมจัดงาน CineAsia ถึงสองปีซ้อนในปี 2022 และ 2023

บรรยากาศภายในงาน CineAsia 2022 ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จด้วยดี สองเจ้าภาพหลักทั้ง  วิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) และ Andrew Sunshine Managing Director of CineAsia ได้เนรมิตงานเลี้ยงปูพรมแดง ‘CineAsia RECEPTION PARTY’ ในบรรยากาศสุดหรู ณ นภาลัย เทอเรส ไอคอนสยาม โดยมี Dr.Man-Nang Chong Founder, Chairman & CEO ของ GDC Technology Limited ให้เกียรติเป็นประธานในงาน พร้อมผู้สนับสนุนรายใหญ่ บุญชัย อัศวฤทธิพรหม์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด อีกทั้งทีมผู้สร้าง ผู้กำกับ และนักแสดง ตบเท้าเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

ทั้งนี้ งานครั้งต่อไป CineAsia 2023” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-7 ธันวาคม 2023 มีผู้สนับสนุนหลักในการจัดงานคือ Pepsi (เป๊ปซี่) และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมร่วมกันผลักดันวงการภาพยนตร์ในประเทศไทยให้ไปสู่เวทีโลก

โดยเมเจอร์ฯ ยังคงพร้อมเปิดรับผู้สนับสนุนงาน CineAsia 2023 และกิจกรรมการตลาดเพื่อสนับสนุนภาพยนตร์ไทย ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือการสร้าง ‘Soft Power’ จากภาพยนตร์ไทยให้สำเร็จ

]]>
1413947
ฝันอันยิ่งใหญ่ของ “นพพร วาทิน” แห่ง “ไทยไฟท์” ต่อยอด “มวยไทย” เป็น Soft Power ระดับโลก https://positioningmag.com/1406830 Fri, 04 Nov 2022 10:21:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1406830 ย้อนไปเมื่อ 13 ปีที่แล้ว เวทีมวย “ไทยไฟท์” เริ่มต้นขึ้นในรูปแบบที่แปลกแหวกแนวไปจากตลาด เพราะมาพร้อมกับระบบแสงสีเสียงอลังการ แม้จะจัดแข่งเพียง 8 แมตช์ต่อปี แต่ได้รับความนิยมสูงและเรียกสปอนเซอร์ดึงเม็ดเงินได้หลักร้อยล้านบาท อย่างไรก็ตาม เมื่อทิศทางลมเปลี่ยนมาพร้อมกับโอกาส ทำให้ “นพพร วาทิน” ผู้จัดเวทีมวยไทยไฟท์ เห็นช่องทางต่อยอดมวยไทยให้เป็น Soft Power ระดับโลก

“ถ้าเดินแค่ในไทย โอกาสน้อย เราต้องมองให้ถึงต่างประเทศ ผลักดันลิขสิทธิ์ของไทยที่ขายไปให้คนอื่นซื้อ” นพพร วาทิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยไฟท์ จำกัด กล่าวถึงวิสัยทัศน์ที่จะปั้นไทยไฟท์ให้ถึงระดับโลก “อังกฤษมีฟุตบอลพรีเมียร์ลีก สหรัฐฯ มีอเมริกันฟุตบอล NFL เรามองแล้วกีฬามวยไทยของเราก็เป็นไปได้”

ก่อนจะก่อตั้งไทยไฟท์ นพพร วาทิน ไม่ใช่คนนอกวงการทั้งด้านคอนเทนต์และกีฬามวย เพราะเขาโลดแล่นเป็นเบื้องหลังการจัดละครและรายการทางโทรทัศน์มามาก ละครเรื่องที่ดังที่สุดที่เขาเป็นผู้จัดคือ “มือปืน” นำแสดงโดย หนุ่ย-อำพล ลำพูน และ นก-ฉัตรชัย เปล่งพานิช ออกฉายเมื่อปี 2542 รวมถึงเป็นผู้ริเริ่มรายการ “ศึกจ้าวมวยไทย” ทางช่อง 3

นพพร วาทิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยไฟท์ จำกัด

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นแล้วว่าวงการสื่อไทยเริ่มซบเซา เรตติ้งละครตกลง และเมื่อละครฉายจบ การต่อยอดหารายได้ก็ทำได้ยาก นพพรจึงเบนเข็มมามอง “กีฬามวยไทย” ซึ่งคนไทยชื่นชอบเป็นทุนเดิม เพียงแต่ขณะนั้นวงการกีฬามวยยังเป็นพื้นที่ ‘สีเทาๆ’ และการจัดการไม่ได้พัฒนาไปมาก เทียบกับต่างประเทศที่กีฬาต่อสู้มีส่วนผสมของความบันเทิงมากกว่า

ไอเดียการจัดเวทีมวย “ไทยไฟท์” จึงเริ่มขึ้น กลายเป็น “มวย+ความบันเทิง” ที่แปลกแตกต่างจากเดิม และไม่ได้ปักหลักเวทีถาวร ใช้วิธีเวียนจัดในสถานที่ใหม่ จังหวัดใหม่ รวมถึงในต่างประเทศ นับถึงปัจจุบันไทยไฟท์มีการจัดมาแล้วมากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก เช่น ฮ่องกง จีน ญี่ปุ่น อังกฤษ อิตาลี ฝรั่งเศส รัสเซีย

 

มวยไทยที่ดึงสปอนเซอร์รายใหญ่ได้

“เรากล้าลงทุนเวทีแสงสีเสียงอลังการ ใช้เงินลงทุน 10 ล้านบาทต่อแมตช์ รวมค่าถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ จัดเต็มอย่างยิ่งใหญ่ และเป็นการแข่งขันชิงถ้วยพระราชทาน ซึ่งทำให้สปอนเซอร์กล้ามาลงกับเรา” นพพรกล่าวถึงกุญแจสำคัญที่ทำให้ไทยไฟท์เกิดได้

“อีกอย่างคือเราทำให้มวยไทยเป็นกีฬาที่ผู้หญิงดูกันมากขึ้น เราดึง ‘เสน่ห์’ ของนักมวยแต่ละคนออกมา ทุกคนขึ้นเวทีต้องดูดี พิธีกรหน้าตาดี ซึ่งการมีผู้หญิงดูมวยด้วยนั้นสำคัญมาก เพราะแปลว่าเราได้ฐานคนดูเพิ่มมากกว่าเวทีอื่น”

ไทยไฟท์
ความอลังการของเวทีมวยไทยไฟท์

ทุกเวทีไทยไฟท์ไม่มีการเก็บค่าเข้าชม ทำให้มีคนดูเรือนหมื่นทุกครั้ง เวทีที่เคยมีคนดูมากที่สุดเป็นประวัติการณ์คือที่ “จ.ยะลา” มีคนเข้าชมกว่า 80,000 คน

เมื่อไม่มีการขายตั๋ว แหล่งรายได้หลักของไทยไฟท์จึงมาจาก “สปอนเซอร์” ซึ่งสามารถเรียกสปอนเซอร์มาได้ทั้ง  เครื่องดื่มตราช้าง, PTTOR, อีซูซุ, ไทยประกันชีวิต ฯลฯ แพ็กเกจราคาสปอนเซอร์เริ่มตั้งแต่ 10 ล้านบาท สูงสุด 35 ล้านบาท

ถ้าเดินแค่ในไทย โอกาสน้อย เราต้องมองให้ถึงต่างประเทศ ผลักดันลิขสิทธิ์ของไทยที่ขายไปให้คนอื่นซื้อ…อังกฤษมีฟุตบอลพรีเมียร์ลีก สหรัฐฯ มีอเมริกันฟุตบอล NFL เรามองแล้วกีฬามวยไทยของเราก็เป็นไปได้

รวมถึงมาจากการขาย “สินค้าเมอร์ชานไดซ์” หน้าอีเวนต์ เคยขายได้มากที่สุดในอีเวนต์เดียวคือที่ “จ.ปัตตานี” งานเดียวกวาดไป 24 ล้านบาท

นพพรกล่าวว่า แม้แต่ในช่วงโควิด-19 รายได้ไทยไฟท์ก็ไม่ได้ลดลงมากนัก เนื่องจากสัญญาสปอนเซอร์เป็นสัญญาระยะยาว และสปอนเซอร์ยังต้องการสนับสนุนต่อเนื่อง รอวันที่เวทีมวยจะกลับมาจัดได้ปกติ ทำให้บริษัทมีรายได้เฉลี่ย 400-500 ล้านบาทต่อปี และมีอัตรากำไรสุทธิถึง 60%

 

“ไทยไฟท์” Soft Power สู่ธุรกิจอื่น

ในโลกของคอนเทนต์มีตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จมาแล้วอย่าง Soft Power ของเกาหลีใต้ ส่งออกซีรีส์ ภาพยนตร์ และดนตรี จนสามารถขายสินค้าอื่นตามมาได้อีกมาก

นพพรมองในมุมเดียวกันว่า วัฒนธรรมไทยมีความแข็งแรงพอที่จะเป็นสินค้าเช่นกัน โดยจะใช้ “มวยไทย” เป็นตัวนำในการส่งออกสินค้าอื่น เช่น อาหาร เครื่องดื่ม แหล่งท่องเที่ยว เชื่อว่ามวยไทยเข้าถึงคนทั่วโลกได้ เพราะกีฬาต่อสู้เป็น ‘สัญชาตญาณมนุษย์’ ทุกชาติชื่นชอบการต่อสู้ และมวยไทยเป็นการสู้ที่ ‘ถึงเลือดถึงเนื้อ’ ได้ใจคนดูได้ไม่ยาก อย่างที่เห็นว่าที่ผ่านมาเวทีไทยไฟท์ต่างประเทศมีจำนวนผู้ชมไม่แพ้ในไทย

มวยไทย ไทยไฟท์
คนทุกชาติมีสัญชาตญาณชอบศิลปะการต่อสู้ และเสน่ห์ “มวยไทย” คือต่อยจริง เจ็บจริง

ทำให้ตั้งแต่ปี 2566 กลยุทธ์ของไทยไฟท์จะเข้าสู่ “โลกออนไลน์” ที่ไปได้ทั่วโลก เริ่มบุกต่างประเทศชัดเจน และเริ่มเพิ่มสินค้าอื่นเพื่อใช้ประโยชน์จาก Soft Power แบ่งเป็น 4 หมวดธุรกิจ ดังนี้

1.ธุรกิจอีเวนต์ ลิขสิทธิ์ และการก่อตั้ง “ไทยไฟท์ลีก”
  • อีเวนต์เวทีมวยของไทยไฟท์จะเริ่มปรับมามีเวทีถาวรที่ BEAT active ไบเทค บางนา (ร่วมทุนกับ กลุ่มภิรัชบุรี และพร้อมเปิดตัว 14 ธันวาคมนี้) จะจัดแข่งทุกวันเสาร์ มีแมตช์แข่งขัน 7-8 คู่ตลอดวัน
  • เมื่อมีการแข่งขันต่อเนื่อง ทำให้บริษัทเตรียมจัด “ไทยไฟท์ลีก” เพื่อให้เห็นคะแนนนักมวยชั้นนำของไทยที่ชัดเจน และนักกีฬาที่เข้าตาจะได้รับสัญญาเข้าค่ายไทยไฟท์
  • นอกจากเวทีไทยที่ไบเทคแล้ว บริษัทยังมี “สัญญาลิขสิทธิ์การจัดไทยไฟท์ในต่างประเทศ” ด้วย เริ่มแห่งแรกที่ “จีน” กับบริษัท Shandong TV ในมณฑลซานตง ซึ่งจะมีเวทีมวยในเมืองจีน จัดถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ เซ็นสัญญาลิขสิทธิ์ยาว 5 ปี โมเดลที่จีนจะเป็นโมเดลต้นแบบ และนพพรแย้มว่ามีประเทศอื่นๆ ที่สนใจซื้อลิขสิทธิ์อีก เช่น ตะวันออกกลาง
  • พิจารณา “ขายลิขสิทธิ์ให้กับเว็บไซต์ด้านการพนันออนไลน์” ในต่างประเทศ เพื่อรับประโยชน์รายได้แทนการสูญเสียรายได้ให้กับเว็บไซต์ที่ใช้แบรนด์โดยไม่ได้รับอนุญาต
ภาพจำลองเวทีมวยไทยไฟท์ที่ BEAT active ไบเทค บางนา
2.ธุรกิจสตรีมมิ่งออนไลน์

จากการตั้งเวทีมวยถาวรและจัดแข่งประจำ ทำให้ไทยไฟท์จะเริ่มตั้งระบบสตรีมมิ่งออนไลน์ เก็บค่าสมาชิกรายเดือน แฟนคลับรับชมได้ทางอินเทอร์เน็ตแทนการจัดถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ คาดว่าจะเริ่มเปิดระบบออนไลน์ได้ในปี 2567

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่คนไทยจะยอมเสียค่าใช้จ่ายเพื่อชมสิ่งที่เคยชมฟรี นพพรมองว่าขึ้นอยู่กับการจัดโปรโมชันประโยชน์ที่ได้ให้คุ้มค่า เช่น สมาชิกได้สิทธิชิดขอบสังเวียนเมื่อเข้าชมที่เวทีมวย, ได้รับส่วนลดซื้อสินค้าเมอร์ชานไดซ์, สิทธิจับสลากชิงโชคเพื่อบินลัดฟ้าไปชมแมตช์แข่งขันต่างประเทศ

3.ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ – โรงแรม ยิม ไลฟ์สไตล์
  • ไทยไฟท์ร่วมกับ กลุ่มศรีชวาลา เปิดโรงแรมธีมมวยไทยแห่งแรกแล้วที่ “ไทยไฟท์ โฮเทล เกาะสมุย” ใช้งบลงทุน 1,000 ล้านบาท ภายในตกแต่งในสไตล์รีสอร์ตร่วมสมัย มีคลาสมวยไทย นวดและสปาไทย โรงแรมนี้จะเป็นโมเดลต้นแบบในการรับจ้างบริหารด้วยเชนโรงแรมไทยไฟท์ พร้อมขยายทั้งในประเทศและต่างประเทศ (ชมคลิปรีวิวโรงแรมไทยไฟท์ โฮเทล เกาะสมุยบน TikTok ที่นี่)
ไทยไฟท์ โฮเทล
ไทยไฟท์ โฮเทล เกาะสมุย
  • ขยาย “ยิมมวย ไทยไฟท์” ไปทั่วประเทศด้วยโมเดลแฟรนไชส์ เชื่อว่าสามารถขยายได้ 40-50 สาขาภายในปี 2566 เนื่องจากแบรนด์ไทยไฟท์มีความแข็งแรง และกีฬามวยเองเป็นการออกกำลังกายที่คนรุ่นใหม่นิยมมากขึ้น เพราะช่วยลดน้ำหนักดี เป็นประโยชน์ด้านการป้องกันตัว
  • แหล่งไลฟ์สไตล์มวยไทย บริเวณด้านหน้าตึกแดง ตลาดนัดจตุจักร ลงทุน 40-50 ล้านบาทเพื่อสร้างยิมมวย แหล่งไลฟ์สไตล์ความเป็นไทยที่เกี่ยวข้องกับกีฬามวย เป็นแม่เหล็กใหม่ในด้านการท่องเที่ยว
4.ธุรกิจสินค้าค้าปลีก เช่น เมอร์ชานไดซ์ เครื่องดื่ม
  • เมอร์ชานไดซ์ จากการแข่งขันไทยไฟท์ จะมีการขยายให้มากกว่า 300 SKUs จากปัจจุบันที่มีจำหน่าย เช่น เสื้อโปโล กางเกงมวย นวมชกมวย กระสอบทราย
  • ลุยตลาด “เครื่องดื่มสปอร์ตดริงก์” ผ่านการใช้แบรนด์ไทยไฟท์ และร่วมกับเซเลปวงการมวยในค่าย เชื่อว่าจะสามารถชิงตลาดมาได้ โดยเตรียมร่วมทุนกับผู้ผลิตเครื่องดื่มรายหนึ่ง วางกำหนดจำหน่ายกลางปี 2566
ตัวอย่างเครื่องดื่ม ปัจจุบันมีน้ำดื่มจำหน่ายในแพ็กเกจธีมมวยไทย อนาคตตู้แช่ด้านหลังจะเป็นสปอร์ตดริงก์แบรนด์ไทยไฟท์

เตรียมเปิด IPO ปี 2567

ดังที่เห็นตามแผนงานของไทยไฟท์ จากเวทีมวยที่จัดปีละ 8 ครั้ง จะเร่งขยายตัวอย่างรวดเร็วทั้งการจัดแข่งขันและการทำธุรกิจต่อยอด รวมถึงแผนของนพพรยังต้องการจะดันไทยไฟท์เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในปี 2567 ด้วย

นพพรกล่าวว่า วิสัยทัศน์การเข้าตลาด SET ไม่ได้ติดปัญหาด้านเงินทุน การลงทุนในอนาคตของไทยไฟท์หลักๆ จะเป็นเรื่องระบบสตรีมมิ่ง แต่ประเด็นที่ต้องเป็นบริษัทมหาชน เพราะหากจะส่ง Soft Power ไทยไปให้ไกลระดับโลกผ่านการเจรจาลิขสิทธิ์หรือการเสนอรับจ้างบริหารโรงแรมในต่างประเทศ ความน่าเชื่อถือของบริษัทจะเป็นใบเบิกทางสำคัญ

“การสร้างแบรนด์คือการสร้างความเชื่อ ให้เขาเชื่อว่าเรามีศักยภาพ ให้เห็นชัดว่าเราทำได้จริง” นพพรกล่าวปิดท้าย

]]>
1406830
Crystal x APEC ส่งฉลาก “ไทยแลนด์ ลิมิเต็ดอิดิชัน” ไอเท็มต้อนรับแขกระดับโลกด้วยมิตรภาพ https://positioningmag.com/1403688 Sat, 08 Oct 2022 04:00:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1403688

ตลาดน้ำดื่มในปัจจุบัน นอกจากจะแข่งขันกันด้วยฟังก์ชันนอล ชูเรื่องคุณภาพของน้ำแล้ว ยังมีการชูเรื่อง “อีโมชันนอล” มากขึ้น ที่ผ่านมาจึงได้เห็นขวดน้ำดื่มที่มาพร้อมกับฉลากใหม่ ๆ สร้างความแปลกใหม่ และประสบการณ์ใหม่แก่ผู้บริโภค เรียกว่าเพิ่มความดึงดูดในการเลือกหยิบจากเชลฟ์สินค้าได้อยู่ไม่น้อย

“น้ำดื่มคริสตัล” หนึ่งผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดน้ำดื่มในประเทศไทย นอกจากจะชูจุดขายด้วยคุณภาพมาตลอดแล้ว ยังเดินเกมกลยุทธ์การตลาดรอบด้าน ทั้งอีโมชันนอล และพรีเซนเตอร์ เพื่อสร้างการรับรู้อย่างต่อเนื่อง ให้เป็นแบรนด์น้ำดื่มที่อยู่ในใจคนไทย

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาสถานการณ์ COVID-19 เริ่มคลี่คลาย หลายประเทศมีการเปิดประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และเป็นที่ทราบกันดีว่าในปีนี้ประเทศไทยเตรียมพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดงานใหญ่อย่างการประชุมสุดยอดผู้นำ APEC 2022 มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 18-19 พฤศจิกายน 2565 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

คริสตัลจึงส่งแคมเปญล่าสุด Crystal x APEC ต้อนรับมิตรภาพ อย่างมีคุณภาพ” เพื่อร่วมฉลองไปกับงานใหญ่แห่งปี ผ่านการถ่ายทอดเอกลักษณ์ความเป็นไทยในมิติต่าง ๆ ให้ผู้ร่วมประชุม APEC จาก 21 เขตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และทั่วโลกได้รับรู้

นางสาวสุภรณ์ เด่นไพศาล ผู้อำนวยการสำนักการตลาด สายธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ประเทศไทย บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด กล่าวว่า

“ปกติแล้วเวลามีใครมาบ้านเราก็จะต้อนรับด้วยอาหาร และเครื่องใช้ที่ดี และมีคุณภาพ เช่นเดียวกับในครั้งนี้ที่น้ำดื่มคริสตัลพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการต้อนรับแขกระดับโลกในโอกาสที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation: APEC) หรือ ‘เอเปค’ ประจำปี 2565 ซึ่งได้จัดให้มีการประชุมที่เกี่ยวข้องตลอดทั้งปี 2565 โดยจะปิดท้ายอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค โดยน้ำดื่มคริสตัลได้เตรียมการแสดงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม และศิลปกรรมไทยที่ทรงคุณค่า ผ่านการสร้างสรรค์ฉลากขวดน้ำดื่มคริสตัลรุ่น ‘ไทยแลนด์ ลิมิเต็ดอิดิชัน’ ภายใต้แนวคิด‘ต้อนรับมิตรภาพ อย่างมีคุณภาพ’ ตลอดการประชุมเอเปค”

 

แคมเปญนี้คริสตัลได้ถ่ายทอดผ่านฉลากขวดน้ำดื่มรุ่น “ไทยแลนด์ ลิมิเต็ดอิดิชัน” ทำขึ้นมาใหม่เพื่องาน APEC 2565 โดยเฉพาะ ไอเดียของแคมเปญนี้เป็นการนำเสนอเรื่องราวความเป็นไทยให้ชาวโลกได้รับรู้ผ่านฉลาก 3 ดีไซน์ที่ประกอบด้วย

1. ดีไซน์แพตเทิร์นไทย ได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปหัตถกรรมการทอผ้าไทย รวมถึงลายเส้นต่าง ๆ ที่สะท้อนอัตลักษณ์ความเป็นไทย

2. ดีไซน์ประเพณีไท เทศกาลลอยกระทงหรือลอยประทีปที่เปรียบเสมือนการต้อนรับสิ่งดี ๆ ที่จะเข้ามา ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเดียวกันกับการจัดประชุมฯ

3. ดีไซน์การละเล่นไทย การรำกลองยาว แคน และชิงช้าสวรรค์ ที่แสดงถึงความสนุกสนานรื่นเริงของวัฒนธรรมประเพณีไทย

นอกจากฉลากขวดน้ำดื่มคริสตัลรุ่น “ไทยแลนด์ ลิมิเต็ด อิดิชัน” แล้ว คริสตัลยังพร้อมทำการจัดการสื่อสารแบบ 360 องศา จัดเต็มสื่อออนไลน์ และสื่อโฆษณานอกบ้านทั่วกรุงเทพฯ และหัวเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็น Metro Poster, Plan B TV, อุโมงค์ทางเดิน และ Light box บริเวณสถานีรถไฟฟ้า MRTและภายในขบวนรถไฟฟ้า MRTจำนวน 5 ขบวน รวมถึงสื่อบิลบอร์ดขนาดใหญ่ที่เป็นแลนด์มาร์กต้อนรับผู้เข้าร่วมการประชุม ณ บริเวณด้านหน้าศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ที่ผ่านมาเราได้เห็นคริสตัลสร้างความคึกคักให้กับตลาดน้ำดื่มมาโดยตลอด เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เรียกว่าเป็นฤดูแห่งการขายของน้ำดื่ม คริสตัลได้ส่งแคมเปญ “น้ำดื่มคริสตัล น้ำดื่มคุณภาพ หนึ่งเดียวที่นายมั่นใจ” เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านน้ำดื่มคุณภาพที่คนไทยทั่วประเทศสามารถมั่นใจได้ แม้ในช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ด้วยความพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการผลิตและความใส่ใจในหลากหลายมิติคุณภาพ จากแคมเปญนี้ได้สร้างอิมแพ็ค ทำให้คริสตัลสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดเชิงมูลค่าเป็นอันดับหนึ่งในตลาดน้ำดื่มช่วงเดือนสิงหาคม 2565 อยู่ที่ 18.7%

ส่วนแคมเปญ Crystal x APEC ต้อนรับมิตรภาพ อย่างมีคุณภาพ เชื่อว่าจะกระตุ้นการรับรู้ให้คริสตัลมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ผู้คนระดับโลกได้รับรู้ถึงความเป็นไทย เรียกว่างานนี้คริสตัลได้สร้าง Soft Power เบา ๆ ให้แก่ประเทศก็ว่าได้

 

]]>
1403688
“Soft Power” เรื่องเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ https://positioningmag.com/1381934 Tue, 19 Apr 2022 13:37:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1381934
การสร้างกระแส ข้าวเหนียวมะม่วง กับคำว่า Soft Power ของศิลปินมิลลิ  ถือว่าเป็นการสร้างกระแสที่ตรงกับ Concept Soft Power ถามว่า “Soft Power” คืออะไร คือ… การขยายการเปลี่ยนแปลงความคิดให้ทุกคนมีส่วนร่วม และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ในเชิงบวกโดยที่ “ไม่ได้” มีการใช้การขู่บังคับหรือว่าขู่เข็ญ

ตรงกันข้ามกับ Hard Power

การสร้าง Soft Power คือการเปลี่ยนแปลงความคิดโดยการที่ให้ทุกคนเกิดการมีส่วนร่วม โดยสมัครใจและรู้สึกว่าไม่ได้ถูกบังคับ แบบ Hard Power

ดังนั้นการสร้าง Soft Power ของ ศิลปินน้องมิลลิ ก็ตรงหลัก Concept ซึ่งการสร้าง Soft Power หลักการก็คือ ไม่ได้มีการบังคับขู่เข็ญแต่ให้ทุกคนมีส่วนร่วม

“Hard Power” คือ การบังคับโดยการที่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวมาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม

Photo : Facebook MILLI

ซึ่งน้องมิลลิได้สร้างหลัก Soft Power ได้ตรงหลัก Soft Power ต้องใช้หลัก  2 C   

C แรก ก็คือ Communication อีก C คือ Connection

Communication หมายถึง ว่าคือการต้องสื่อสาร ให้ถูกกลุ่ม แล้วก็ใช้วิธีสื่อสารให้เกิดการมีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็น เนื้อหาบุคลิกท่าทาง และข้อมูลอันนี้คือ C แรก Communication

C ที่ 2 คือคำว่า Connection ต้องมีปฏิสัมพันธ์ กับผู้ที่จะสื่อสารด้วย

ผู้ที่จะสื่อสาร ให้เกิดคำว่า Soft Power ต้องมี Connection คือต้องมีส่วนร่วม และอารมณ์ร่วมกับผู้ที่สื่อสารด้วย Soft Power มันจะมีหลัก 2 ตัวคือ 1 คือ Communication กับ Connection ครับ ต้องสร้างการสื่อสารให้ตรงกลุ่ม และเกิดความเข้าใจ โดยที่ไม่ได้มีการบังคับขู่เข็ญ แต่ให้ทุกคนมีส่วนร่วมเปลี่ยนแปลงพัฒนาความคิดว่าเปลี่ยนแปลงทัศนคติซึ่งตรงกันข้ามกับคำว่า Hard Power

ศิลปินน้องมิลลิ ที่ได้ทำถือว่าเล็กน้อย แต่สร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่

การสร้าง Soft Power นี้สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ถ้ารู้จักกลุ่มที่จะสื่อสาร รู้จักหาจุดที่สื่อสาร และเปลี่ยนแปลงความคิดโดยไม่ได้ถูกบังคับ แต่สำคัญคนที่สร้าง Soft Power ต้องสร้างสิ่งสำคัญคือ Connection กับกลุ่มผู้สื่อสารให้เป็น โดยให้เขามีส่วนร่วม

ซึ่งเราจะเห็นว่าตัวอย่าง อย่างศิลปิน ลิซ่า ได้สร้าง Soft Power เช่นเดียวกัน โดยที่ผ่านมาก็สร้างกระแสลูกชิ้นยืนกิน เป็นต้น

“ดังนั้น Soft Power ถ้ากระแส ได้รับการตอบรับที่ดี ก็อาจจะทำให้เกิดคำว่า Social Movement ได้ คือ สังคมที่ขับเคลื่อนในแง่ดี ต่อไป..”

]]>
1381934
ส่อง 5 ประเด็นสำคัญ ที่คนไทยพูดถึงปรากฏการณ์ Squid Game บนโลกโซเชียล https://positioningmag.com/1357064 Mon, 18 Oct 2021 15:04:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1357064 จากกระแสความดังของซีรีส์เกาหลีเรื่อง Squid Game ที่ฉายผ่านทาง Netflix พร้อมกันทั่วโลก เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2564 ทำให้เกิดกระแสขึ้นมากมายบนโลกโซเชียล บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด จึงได้ทำการเก็บข้อมูลผ่านเครื่องมือ ZOCIAL EYE ระหว่างวันที่ 17 กันยายน – 17 ตุลาคม 2564 เพื่อวิเคราะห์ในประเด็นที่น่าสนใจต่างๆ และจากกระแสความนิยมพบว่ามีการพูดถึงซีรีส์เรื่องนี้ในโลกโซเชียลสูงถึง 95,112,359 เอ็นเกจเมนต์ 

โดยบนโลกโซเชียลมีการทำคอนเทนต์วิเคราะห์ และรีวิวซีรีส์ในหลากหลายแง่มุมซึ่งได้รับเอ็นเกจเมนต์สูงถึง 9,193,176 เอ็นเกจเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นภาพรวมของซีรีส์, การฉีกกรอบเดิมๆ ของซีรีส์เกาหลี, การสร้าง Soft Power ของเกาหลีใต้ผ่านซีรีส์ซึ่งได้สร้างปรากฏการณ์ไปทั่วโลก, เนื้อหาที่มีความรุนแรง, วิธีการดำเนินเนื้อเรื่องของผู้กำกับ, วิเคราะห์เรื่องของงานโปรดักส์ชั่น และอาร์ตไดเรกชั่น, บทความวิเคราะห์เปรียบเทียบกับซีรีส์แนวเอาชีวิตรอดเรื่องอื่นๆ

squid game

รวมถึงยังมีการวิเคราะห์ถึงวิธีการลงทุนสร้างซีรีส์ของแพลตฟอร์ม Netflix ที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จในระดับโลก

นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่น่าสนใจต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ ไวซ์ไซท์จึงทำการรวบรวมข้อมูล 5 ประเด็นฮอต โดยเรียงลำดับตามเอ็นเกจเมนต์ ดังนี้

การจำลองฉากเกมส์จากซีรีส์

51,801,373 เอ็นเกจเมนต์

เหล่าเกมเมอร์ชื่อดังสร้างคอนเทนต์เลียนแบบเกมในซีรีส์ ผ่านเกม Minecraft และ Roblox รวมถึงเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ที่ทำคอนเทนต์แข่งขันบนด่านต่างๆ โดยด่านที่ได้รับความนิยมได้แก่ ด่าน A E I O U และด่านแกะน้ำตาล

คอนเทนต์เกาะกระแส

9,288,103 เอ็นเกจเมนต์

squid game

มีการทำคอนเทนต์ออกมาในหลากหลายรูปแบบ เช่น การทำคอนเทนต์ของแบรนด์รองเท้านันยาง, การแกะน้ำตาลเป็นรูปต่างๆ และการทำคอนเทนต์ในรูปแบบของการสมมติว่าหากเป็นด่านของ Squid Game ในประเทศไทยจะมีรูปแบบอย่างไร เช่น สะกด ‘นะคะ’ ผิด ตาย, แกะยางมัดถุงแกงให้ได้ในเวลาที่กำหนด เป็นต้น 

แฟชั่นเครื่องแต่งกาย

4,709,189 เอ็นเกจเมนต์ 

squid game

มีการพูดถึงแฟชั่นเสื้อวอร์มและรองเท้าผ้าใบสีขาว ซึ่งทำให้ยอดขายรองเท้า Vans เพิ่มขึ้น 7,800% นอกจากนี้ยังมีเหล่าคนดัง, ศิลปิน, ดารา, นักแสดง และอินฟลูเอนเซอร์ต่างๆ ได้ออกมาแต่งตัวตามคาแร็กเตอร์ในซีรีส์ไม่ว่าจะแต่งเป็นผู้เข้าแข่งขัน และตุ๊กตาสังหาร กันอย่างคึกคัก อย่าง กิต จากวง Three Man Down, น้องมายู กำเนิดพลอย, นัท นิสามณี เป็นต้น 

Dalgona ขนมน้ำตาลแผ่นเกาหลี

4,139,459 เอ็นเกจเมนต์

‘ขนมทัลโกนา’ มีการพูดถึงขนมชนิดนี้กันอย่างคึกคักในโลกโซเชียล ทั้งกระแสที่ทำให้ขนมชนิดนี้กลับมาเป็นที่สนใจจนเจ้าของร้านที่ขายขนมชนิดนี้ที่เกาหลียอดขายเพิ่มขึ้นถล่มทลาย นอกจากนี้พบว่ามีการทำคอนเทนต์แจกสูตรพร้อมวิธีทำ และอุปกรณ์ที่ต้องใช้ ซึ่งทำให้กระแสการพูดถึงขนมน้ำตาลแผ่นนี้โด่งดังไปทั่วโลกและมีการจัดอีเวนต์ในต่างประเทศรวมถึงที่เกาหลีเองด้วยที่มีทั้งการขายขนมชนิดนี้และให้ลองแกะขนมชนิดนี้

นักแสดง

3,746,717 เอ็นเกจเมนต์

squid game

มีการพูดถึงนักแสดงในซีรีส์ ในแง่มุมที่ว่านักแสดงมีคาแร็กเตอร์ที่แตกต่างจากซีรีส์เกาหลีเรื่องอื่นๆ, ผลงานที่ผ่านมาของนักแสดง รวมถึงการตามหาอินสตาแกรมของเหล่านักแสดงซึ่งทำให้หลายคนมียอดผู้ติดตามเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

]]>
1357064