THE WISDOM – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 14 Jun 2023 07:17:24 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เดอะวิสดอมกสิกรไทย ชวนกูรูสายวีไอ เฟ้นกลยุทธ์ลงทุนช่วงตลาดผันผวน ดอกเบี้ยขาขึ้น https://positioningmag.com/1433968 Wed, 14 Jun 2023 10:00:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1433968

ภายใต้สภาวะตลาดหุ้นไม่เป็นใจ ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนจากธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาได้ประกาศขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรง และรวดเร็ว ทำให้สินทรัพย์หลายประเภทเกิดความผันผวนอย่างมาก ขณะเดียวกันตลาดหุ้นไทยเองก็ได้รับผลดังกล่าวด้วยเช่นกัน และยังรวมถึงปัจจัยสำคัญก็คือการเลือกตั้งในช่วงที่ผ่านมา

คำถามที่น่าสนใจก็คือ ในช่วงนี้เราควรจะลงทุนอะไรดี?

Positioning ได้รวบรวมแนวความคิดจากกูรูชื่อดังอย่าง คุณเฉลิมเดช ลีวงศ์เจริญ ซึ่งเป็นนายกสมาคมนักลงทุน เน้นคุณค่า (ประเทศไทย) หรือที่เรารู้จักดีคือไทยวีไอ (Thai VI) คุณทิวา ชินธาดาพงศ์ เซียนหุ้นสายวีไอชื่อดังของเมืองไทย รวมถึง คุณวีระพล บดีรัฐ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายพัฒนาการให้คำปรึกษาลูกค้า ของธนาคารกสิกรไทย เข้าร่วมให้ความรู้ ในงาน THE WISDOM WEALTH DECODED EXCLUSIVE DINNER TALK ที่บริการเดอะวิสดอม ธนาคารกสิกรไทย จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยการเชิญนักการเงิน ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนมาแลกเปลี่ยนมุมมองและโอกาสการลงทุนในช่วงสถานการณ์สำคัญๆ


การเมืองส่งผลกระทบลงทุนระยะสั้น

คุณเฉลิมเดช ได้กล่าวถึงคำตอบในงานนี้อาจไม่เหมือนที่เคยได้ยินมาก่อน เนื่องจากตัวเขาเองเป็นนักลงทุนสายวีไอ ที่เน้นการลงทุนระยะยาว ทำให้แนวคิดการลงทุนอาจแตกต่างกับนักลงทุนทั่วไป โดยดูได้จากจำนวนสมาชิกของสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย) นั้นมีสมาชิกเพียงแค่ 10,000 คน เทียบกับจำนวนของบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ 500,000 กว่าบัญชี

นายกสมาคมไทยวีไอ ยังได้ชี้ถึงหลักการของการลงทุนแนวเน้นคุณค่าว่าเหมือนกับนักธุรกิจ คือดูธุรกิจเป็นหลัก หาธุรกิจที่ดี มีหนี้น้อย มีกระแสเงินสด แตกต่างกับนักลงทุนทั่วไปที่ดูกราฟเป็นหลัก ขณะเดียวกันก็มองการลงทุนเหมือนกับการทำธุรกิจเป็นระยะยาวสิบปีขึ้นไป เขาชี้ว่าการเมืองไม่ได้สร้างผลกระทบต่อการลงทุน ไม่ว่าจะมีการรัฐประหาร หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และเชื่อว่าประเทศไทยไม่ว่าจะพรรคการเมืองไหนมา ก็ไม่ต้องตกใจ  เพราะธุรกิจก็ต้องเดินหน้าทำต่อไป

ถ้ามองระยะสั้นนโยบายการเมืองก็อาจกระทบกับบริษัทบ้าง แต่ภาพใหญ่การเปลี่ยนแปลงนั้นค่อยเป็นค่อยไป อย่าไปมองข่าวสารแล้วตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากเกินไป ต้องพิจารณาว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นไปได้หรือไม่ หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และเชื่อว่าประเทศไทยไม่ว่าจะพรรคการเมืองไหนมา ก็ไม่ต้องตกใจ  เพราะธุรกิจก็ต้องเดินหน้าทำต่อไป

ถ้ามองระยะสั้นนโยบายการเมืองก็อาจกระทบกับบริษัทบ้าง แต่ภาพใหญ่การเปลี่ยนแปลงนั้นค่อยเป็นค่อยไป อย่าไปมองข่าวสารแล้วตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากเกินไป ต้องพิจารณาว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นไปได้หรือไม่

คุณเฉลิมเดช ลีวงศ์เจริญ – นายกสมาคมนักลงทุน เน้นคุณค่า (ประเทศไทย)

ท่องเที่ยวไทย แหล่งรายได้ของประเทศไทย

คุณเฉลิมเดช มองว่า ประเทศไทย มีอุตสาหกรรมหลักคือภาคการท่องเที่ยว และภาคการท่องเที่ยวยังเกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมอื่นไม่ว่าจะเป็นโรงแรม สปา หรือแม้แต่สนามบิน โดยประเทศไทยได้รับความนิยมต่อเนื่องเพราะระยะทางการบินราว 6 ชั่วโมงเท่านั้น ถือว่าใกล้เคยงกับประเทศอื่น เช่น ญี่ปุ่น จีน อินเดีย ทำให้การท่องเที่ยวยังเป็นแหล่งสร้างรายได้ที่สำคัญของประเทศไทย โดยถ้าเทียบกับ GDP นั้น ถือว่าสูงมาก


ตลาดหุ้นจีนและสหรัฐอเมริกายังน่าสนใจ

“เซียนมี่”หรือคุณทิวา ชินดาพงศ์ เซียนหุ้นชื่อดังของเมืองไทย มองว่าตลาดจีนมีอนาคต หากมองภาพการลงทุนในระยะยาวๆ โดยเปรียบตลาดหุ้นจีนเหมือนตลาดหุ้นอเมริกาเมื่อ 40 ปีที่แล้ว หากพิจารณาจากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มจำนวนของมหาเศรษฐี แผนการเพิ่มชนชั้นกลางของรัฐบาลจีน หรือแม้แต่จีนมีคนที่จบการศึกษาด้าน STEM (Science, Technology, Engineering และ Mathematics) สาขาละ 4.6 ล้านคนต่อปี

คุณทิวา มองว่า ปัจจัยดังกล่าวเป็นแรงส่งเศรษฐกิจจีนเติบโตแบบก้าวกระโดด และคาดว่าจะไปอยู่ในจุดที่อเมริกายืนอยู่ในอีก 10 ปีข้างหน้าได้ แต่ในการเข้าลงทุนสำหรับตลาดที่ใหญ่อย่างจีนนั้น ต้องอาศัยจังหวะและกลยุทธ์ที่ดี เนื่องจากหุ้นจีนนั้นเวลาขึ้นก็ขึ้นแรง เวลาลงก็ลงลึกกว่าที่คิด จึงควรศึกษาเป้าหมายของผู้บริหาร ความสามารถทางการแข่งขัน กลยุทธ์ที่จะนำพาธุรกิจเติบโตในระยะยาว

คุณทิวา ชินดาพงศ์ เซียนหุ้นชื่อดังของเมืองไทย แลกเปลี่ยนมุมมองกับ คุณวีระพล บดีรัฐ – ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายพัฒนาการให้คำปรึกษาลูกค้า ธนาคารกสิกรไทย

ขณะที่หุ้นสหรัฐอเมริกาดัชนีฟื้นตัวขึ้นจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Meta, NVIDIA, Microsoft, Tesla, Google  ที่ออกมาตรการรัดเข็มขัดปลดพนักงานทั่วโลก เพื่อลดต้นทุนให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ปีนี้คาดว่าจะเกิดเศรษฐกิจถดถอย

แต่คุณทิวามองว่าในรอบนี้เป็นเศรษฐกิจถดถอยที่สามารถควบคุมได้ และผู้เล่นรายใหญ่มองข้ามช็อตไปยังศึกเลือกตั้ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้าแล้ว เขามองว่าอเมริกาจึงนับเป็นอีกตลาดที่น่าสนใจ แต่ต้องตัดสินใจเข้าตลาดให้ถูกจังหวะและถูกกลุ่มอุตสาหกรรมด้วย


ลงทุนในสิ่งที่ตัวเองรู้

คุณเฉลิมเดช ได้ชี้ว่า การลงทุนลองคิดว่าเหมือนเราใส่เงินลงทุนในธุรกิจหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างโรงงาน แล้วคิดว่าเงินที่ลงทุนไปนั้นจะได้กำไรกลับมาเท่าไหร่ ภายในระยะเวลาที่ต้องการ ซึ่งเขาชี้ว่าการลงทุนแบบวีไอก็คิดแบบนักธุรกิจเช่นกัน แค่ดูหุ้นทั้งตลาดหุ้น และมองว่ามีธุรกิจไหนที่มองแล้วเข้าใจ มองระยะยาวว่าลงทุนอะไรที่จะได้กำไรหรือไม่ ถ้าหากคาดการณ์ถูกเราก็จะได้ตังค์ แต่ถ้าคาดการณ์ผิดก็เสียเงิน ไม่ต่างอะไรกับการทำธุรกิจ จำนวนหุ้นในตลาดหุ้นไทยมีราวๆ 800 บริษัท ก็เท่ากับ 800 ธุรกิจ ทำให้เลือกได้ว่าจะลงทุนตัวไหน ตัวไหนระยะยาวจะมีกำไร เพราะท้ายที่สุดหุ้นจะขึ้นได้ก็เพราะบริษัทเหล่านี้มีกำไร และยังรวมถึงลงทุนในราคาที่เหมาะสม

เขาได้ยกตัวอย่างหุ้นเครื่องสำอางที่เคยลงทุนจากมูลค่าบริษัทหลักร้อยล้านบาททุกวันนี้บริษัทมีมูลค่าตลาดถึงหนึ่งหมื่นล้านบาท ภายในระยะเวลา 15 ปี และมองว่าเครื่องสำอางของไทยไม่แพ้กับเครื่องสำอางแบรนด์ดัง ของต่างประเทศ

นายกสมาคมนักลงทุน เน้นคุณค่า (ประเทศไทย) ยังได้กล่าวว่าแนวทางการลงทุนแบบวีไอก็เปรียบเหมือนกับลูกค้าเดอะวิสดอมที่ทำธุรกิจประสบความสำเร็จเช่นกัน สำหรับการดูวิธีว่าบริษัทที่เราลงทุนจะประสบความสำเร็จหรือไม่เขาได้ชี้ว่าต้องดูว่าบริษัทมีความสามารถในการแข่งขันแค่ไหน แต่ละธุรกิจก็ไม่เหมือนกัน โดยการหาข้อมูลจากหลายแห่ง หรือแม้แต่การถามคู่แข่ง ซัพพลายเออร์ ฯลฯ ทำให้เราจะเห็นข้อมูลลึกมากขึ้น และจะเห็นว่าบริษัทไหนเป็นผู้ชนะ

คุณเฉลิมเดชชี้ว่าถ้าหากเรารู้ในธุรกิจต่างๆ เราจะเข้าใจในอุตสาหกรรมเป็นยังไง เช่น ถ้าหากเราเป็นซัพพลายเออร์อาหารสัตว์ เราจะรู้ว่าบริษัทที่ผลิตอาหารสัตว์แต่ละรายเป็นเช่นไร ซึ่งเขาแนะนำว่าให้ลงทุนกับอุตสาหกรรมที่เรารู้ก่อน ก่อนที่จะไปลงทุนในอุตสาหกรรมอื่น


ลงทุนสไตล์ VI ยุคนี้ ต้องทำอย่างไร

สำหรับเรื่องพอร์ตการลงทุนสายวีไอนั้น คุณเฉลิมเดชได้ให้แนวคิดว่าส่วนใหญ่แล้วจะมีหุ้นจำนวนไม่มาก และหุ้น 3 ตัวที่มีสัดส่วนการลงทุนมากที่สุดนั้นจะทำผลตอบแทนให้พอร์ตการลงทุนมากที่สุด

เขายังชี้ว่าแต่ถ้าหากใครไม่ชอบลงทุน ชอบทำธุรกิจมากกว่า แล้วพอมีเหลือเงินบ้าง แนะนำให้กระจายการลงทุน ผ่านการซื้อกองทุนรวม หรือแม้แต่การลงทุนในพันธบัตร แต่เขาได้ชี้ว่าจะต้องลดความคาดหวังในการลงทุนลงมาด้วย เช่น ค่าเฉลี่ยหุ้นไทยนั้นเติบโตได้ 7-9% ต่อปี แล้วเรามีความสุขในการลงทุนหรือไม่

สำหรับการลงทุนในต่างประเทศ เขามองว่าโอกาสที่เศรษฐกิจในต่างประเทศจะถดถอยมีสูง แต่ในไทยกลับกำลังฟื้นตัวจากโควิด แต่การฟื้นตัวนั้นเป็นแบบ K-Shape ควรที่จะลงทุนในช่วงเวลาที่คนไม่สนใจ ไม่เป็นกระแส

แต่ถ้าหากลงทุนแล้วไม่เป็นตามที่คิดคุณเฉลิมเดชแนะนำให้ขาย ไม่ควรเก็บสิ่งที่แย่ๆ ในพอร์ตไว้ เพราะจะทำให้สุขภาพจิตเสีย ถ้าซื้อแล้วควรซื้อกิจการที่ดี เพราะซื้อแล้วจะขึ้นเสมอ ของห่วยไม่ควรเก็บไว้ และไม่ควรที่จะแห่ลงทุนตามคนอื่น อะไรที่คนอื่นแห่กันลงทุนก็เหมือนกับแห่ทำธุรกิจ เพราะท้ายที่สุดแล้วจะขาดทุนหมด

ในกรณีของกองทุนต่างประเทศ คุณวีระพล บดีรัฐ – ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายพัฒนาการให้คำปรึกษาลูกค้า ธนาคารกสิกรไทย แนะนำว่า กรณีของกองทุนรวมที่ลงทุนในจีน หรือกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐอเมริกา แล้วลูกค้าขาดทุนมากนั้น ถ้าหากมีสัดส่วนในการลงทุนในพอร์ตการลงทุนมากเกินไป ต่อให้สถานการณ์ดีขึ้น ก็ยังไม่ทำให้ผลตอบแทนของเรากลับมาเท่าเดิม และไม่ควรลงทุนเพิ่มเติมในสิ่งที่เรากำลังกังวลอยู่ แถมไม่มีใครการันตีให้ด้วย

นอกจากนี้คุณวีระพล ยังแนะนำให้ฟังข้อมูลหลายแหล่ง และถ้าหากมีสัดส่วนการลงทุนที่น้อยมาก ก็ค่อยๆ ซื้อเพิ่มได้ อย่าลงทุนเหมือนกับการแทงหวย และอย่าเชื่อในสิ่งที่คนอื่นบอกว่าดี ควรจะติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ถ้าอยากลงทุนแล้วประสบความสำเร็จเราจะต้องรู้ลึกในการลงทุนหรือถ้าอยากลงทุนแบบสบายใจก็ควรกระจายความเสี่ยงการลงทุนออกมาบ้าง

]]>
1433968
มองโอกาสเเละความเสี่ยง ‘การลงทุน’ ปี 2564 เมื่อ ‘วัคซีน’ ปรับทิศเศรษฐกิจโลก https://positioningmag.com/1323070 Mon, 15 Mar 2021 03:00:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1323070

โลกหลังโควิด-19 ยังเต็มไปด้วยความท้าทาย ‘วัคซีน’ กลายเป็นตัวชี้วัดสำคัญของทิสทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางตลาดที่ผันผวน ‘นักลงทุน’ ต้องเตรียมรับมือและวางแผนการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ให้ตามทันสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

แนวโน้มเศรษฐกิจ สถานการณ์โรคระบาดและธุรกิจท่องเที่ยวของปี 2564 จะส่งผลต่อการลงทุนอย่างไร ความร้อนแรง ‘สกุลเงินดิจิทัล’ น่าสนใจเเค่ไหน ‘ทองคำ vs Bitcoin’ เลือกอะไรดี ตลาดหุ้นไทยเเละสินทรัพย์ที่น่าลงทุนในปีนี้มีอะไรบ้าง

วันนี้ Positioning จับประเด็นสำคัญจากงาน ‘THE WISDOM The Symbol of Your Vision: 2021 Economic Outlook & Investment Forum’ โดย  เดอะวิสดอม กสิกรไทย มาฝากกัน


เศรษฐกิจ ‘ฟื้นตัว’ บนความไม่เเน่นอน 

‘ขัตติยา อินทรวิชัย’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เเม่ทัพหญิงเเห่งค่าย KBank มองว่า เเม้สถานการณ์การเเพร่ระบาดโรคระบาดทั่วโลกจะมีเเนวโน้ม ‘ดีขึ้น’ กว่าปีก่อน เเต่ก็ยังเต็มไปด้วย ‘ความไม่เเน่นอน’ จากหลายปัจจัยโดยการเเพร่ระบาดการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ในช่วงต้นปี ได้ซ้ำเติมเศรษฐกิจที่เพิ่งฟื้นตัว ทำให้ทิศทางของธุรกิจต่างๆ มีความซับซ้อนมากขึ้น

“แม้ไม่มีมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดเท่ารอบเเรก เเต่ผลกระทบได้ขยายวงกว้าง ผู้ประกอบการเเละร้านค้าในห้าง ยังต้องเเบกต้นทุนเพิ่มขึ้น สวนทางกับรายได้ที่ลดลงกว่า 80-90%” 

ยิ่งไปกว่านั้น ผลกระทบในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โรงแรม เเละอสังหาริมทรัพย์ ที่มีรายรับหายไปติดต่อกันนานกว่า 12 เดือน นับเป็นธุรกิจที่ต้องให้ความช่วยเหลือเป็นพิเศษ เพื่อพยุงให้พวกเขาอยู่รอดผ่านวิกฤตนี้ไปได้

โจทย์สำคัญของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ จึงขึ้นอยู่กับความชัดเจนของการควบคุมโควิด-19 ความคืบหน้าของการกระจายวัคซีน เพื่อให้สังคมมี ‘ภูมิคุ้มกันหมู่’ (herd immunity) ช่วงเวลาเเละนโยบายการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ การใช้ ‘วัคซีนพาสปอร์ต’ เเละสิ่งที่ต้องจัดการหลังโควิด-19 ว่าจะเป็นอย่างไร

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า มีความเป็นไปได้ที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางมาไทย ในปี 2564 จะมีราว 2 ล้านคน โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายที่เป็น ‘ไฮซีซั่น’ เเละเพื่อสร้างความเชื่อมั่นเป็นเรื่องจำเป็นมากสำหรับคนที่ทำงานในภาคท่องเที่ยวไทย จะต้องได้รับวัคซีนเเล้วอย่างน้อย 2.2 แสนโดส ก่อนช่วงเดือนตุลาคม

อ่านเพิ่มเติม : ความหวัง ‘ท่องเที่ยวไทย’ เร่งฉีดวัคซีนให้ทัน ‘ไฮซีซั่น’ รับต่างชาติ 2 ล้านคน ระวัง ‘หนี้ครัวเรือน’ พุ่ง

Photo : Shutterstock

ท่ามกลางความฝืดเคืองของเศรษฐกิจไทย KBank พบว่า เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวจากลูกค้า โดยประเมินจากความสามารถ  ‘คืนเงินกู้’  ได้ในสัดส่วนที่ดีกว่าที่คาดไว้ มีการกลับมาชำระหนี้ได้ดีขึ้น เเม้จะต้องเจอการเเพร่ระบาดรอบใหม่ในช่วงปลายปี 2563 ก็ตาม ซึ่งทางธนาคารจะยังดำเนินมาตรการช่วยเหลือลูกค้าอย่างต่อเนื่องต่อไป

“ประเด็นวัคซีน และการผลักดันมาตรการต่างๆ ของทางการไทย ย่อมมีผลต่อแนวโน้มผลตอบแทนตราสารหนี้ อัตราดอกเบี้ย และค่าเงินบาทในระยะข้างหน้า” 

โดยทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ควรจับตา คือนโยบายของผู้นำสหรัฐคนใหม่อย่าง ‘โจ ไบเดน’ ที่ผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อฟื้นฟูประเทศ ซึ่งจะมีผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในระยะยาวปรับขึ้น  “คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะทยอยออกจากนโยบายผ่อนคลายทางการเงินในปี 2565”

ส่วนราคาน้ำมันนั้นจะได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ ควบคู่กับการปรับลดกำลังการผลิตของตะวันออกกลาง ขณะเดียวกันด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจเช่นนี้ ก็ไม่ได้ส่งผลดีต่อราคาทองคำมากนัก“จากเงื่อนไขเศรษฐกิจเเละปัจจัยความไม่เเน่นอน จะส่งผลต่อราคาสินทรัพย์แต่ละประเภทที่ต่างกัน นักลงทุนจะต้องจับจังหวะการลงทุนอย่างละเอียดเเละรอบคอบมากขึ้น พร้อมทั้งต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด”


ตลาดยังมีสภาพคล่อง ดอกเบี้ยต่ำ ดัน ‘คริปโต’ มาเเรง เเต่ ‘เสี่ยง’ 

เมื่อเจาะลึกไปที่ประเด็น ‘การลงทุน’ ในยามที่ตลาดมีความผันผวนสูง ‘ธิติ ตันติกุลานันท์’ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.หลักทรัพย์กสิกรไทย ฉายภาพให้เห็นทิศทางเศรษฐกิจและตลาดเงิน ทั้งในปัจจุบันเเละระยะต่อไปว่า ตอนนี้เริ่มมี ‘ข่าวดี’ เรื่องการกระจายวัคซีน โดยเฉพาะในประเทศเศรษฐกิจหลักอย่าง สหรัฐฯ ฉีดไปแล้ว 25% ส่วนสหราชอาณาจักร 35% เเละคาดว่าจะครอบคลุม 70% จนเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้ ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้

ขณะที่ในไทย คาดว่าจะมีการกระจายฉีดวัคซีนสู่ระดับ 50% ได้ ต้องใช้เวลาถึงไตรมาส 4 ของปีนี้ ส่วนประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนก็ยังฉีดวัคซีนได้น้อย จึงมองว่า ‘ข่าวดี’ ของเศรษฐกิจไทยจริงๆ อาจจะได้เห็นกันในช่วงปีหน้า 

เเม้ว่าการกระจายวัคซีนของไทยจะยังไม่ถึงขั้นสร้าง ‘herd immunity’ ได้เร็วภายในปีนี้ ก็มองว่ารัฐมีความจำเป็นที่ต้องพิจารณา ‘การเปิดประเทศ’ เพราะไทยเป็นชาติที่มีการพึ่งพาการท่องเที่ยวสูงมากกว่า 10% ของ GDP ดังนั้นการเปิดประเทศนานถึง 2 ปี จึงไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก

“แม้รายได้ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกจะลดลง แต่ราคาหุ้นกลับไม่ลดลงตามไปด้วย” 

โดยมองว่าการที่สภาพคล่องเยอะเกินไปก็ต้องระวัง เพราะคนจะไม่มองที่ความเสี่ยง เเต่จะไปเน้นหา ‘ผลตอบแทน’ ที่ได้มากขึ้น ยิ่งในช่วงที่ภาวะ ‘ดอกเบี้ยต่ำ’ เรายิ่งจะได้เห็นคนเเห่ไปเอาเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ความเสี่ยงสูงอย่าง ‘คริปโตเคอเรนซี่’ สกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น

“การลงทุนใน Bitcoin ในช่วงปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 540% เพราะตอนนี้เงินไม่มีที่ไป ปัจจัยหลักๆ มาจากนักลงทุนสถาบันเเละบริษัท เจ้าใหญ่ลงมาเล่นเเบบ ‘ชุบตัว’ ใหม่ ส่งผลให้ราคาขึ้น ต่างจากเดิมที่เคยเป็นรายย่อย การลงทุนก็ต้องมีการกระจายพอร์ตมากขึ้น”

จากการสำรวจความคิดเห็นของเหล่ามหาเศรษฐีเอเชีย ของ Lombard Odier ร่วมกับ KBank Private Banking พบว่า ผู้มั่งคั่งกว่า 78% มองว่าภาวะดอกเบี้ยตํ่าจะเป็นส่วนหนึ่งของโลกยุคหลังโควิด-19 และอาจดําเนินต่อเนื่องไปอีกทศวรรษ

อ่านเพิ่มเติม : เปิดความเห็น ‘เศรษฐีเอเชีย’ มองเทค บริหารเงินกงสี ความยั่งยืน ปรับพอร์ตลงทุนในตลาดผันผวน

สำหรับสถานการณ์ของ ‘ตลาดหุ้นไทย’ ตอนนี้ตลาดหุ้นอยู่ที่ราว 1500 จุด โดยปีนี้ประเมินว่า P/E Ratio (กำไรสุทธิต่อหุ้น) น่าจะอยู่ที่ราว 20-22 เท่า ซึ่งถือว่ายังสูงเมื่อเปรียบเทียบกับอดีต ขณะที่นักลงทุนเองก็ ‘ยอมซื้อ’ ในราคาที่สูงขึ้นด้วย

ทั้งนี้ ในอดีต P/E ratio ของไทยอยู่ที่ 17 เท่า เเละปีที่ผ่านมาเพิ่มเป็น 30 เท่า แม้รายได้จะตกลง 36% สะท้อนให้เห็นว่าเหล่านักลงทุนมองว่า เศรษฐกิจไทยจะผ่านวิกฤตนี้ไม่ไปได้ เพราะยังมีหลายบริษัทที่หลายธุรกิจที่ยังมีผลประกอบการที่เเข็งเเกร่ง

Photo : Shutterstock

ปี 2564 ลงทุนอะไรดี ? 

ด้านสินทรัพย์ที่น่าลงทุนเเละประเภทไหนที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในปี 2564 นั้น ผู้บริหาร KBank มองว่าปียังเป็นช่วงที่ลงทุนลำบาก เพราะสินทรัพย์มีราคาเเพง ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เองก็ P/E ขึ้นมา 26 เท่า เเต่นักลงทุนก็ยังซื้อเพราะต้องหาผลตอบเเทนที่มากขึ้นในภาวะดอกเบี้ยต่ำต่อเนื่อง

โดยในตลาดหุ้นไทย ธุรกิจที่จะฟื้นตัวได้ดีก็มี อย่างกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ กลุ่มธุรกิจพลังงาน ฯลฯ ขณะที่สินทรัพย์ที่มองว่ายังสามารถหาจังหวะลงทุนได้ คือ ทองและน้ำมัน

ส่วนคำถามที่ว่า ‘ทองคำ หรือ Bitcoin อะไรน่าจะลงกว่ากันนั้น ส่วนตัวของธิติมองว่า Bitcoin ก็เป็นการลงทุนตามเทรนด์ที่ยังไปต่อได้ เเต่มีความเสี่ยงเเละความผันผวนสูง เพราะทองคำมีสถิติเเละตัวชี้วัดของราคา เเต่ Bitcoin วิเคราะห์ไม่ได้เเละเงินดิจิทัลไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ ราคาขึ้นลงตามดีมานด์เเละซัพพลาย

“ผู้ลงทุนต้องทำใจรับความเสี่ยงที่มากกว่า ยอมรับการสูญเสียเกือบทั้งจำนวนได้ จึงควรลงทุนในสัดส่วนที่เหมาะสม ต้องมีเงินเย็นมากๆ เพื่อลงทุนระยะยาว เเต่ต้องติดตามความเป็นไปอย่างใกล้ชิด มีวินัยในการลงทุนเเละตัดสินใจตัดขาดทุนได้”

เมื่อโลกเปลี่ยนไป พฤติกรรมผู้คนเปลี่ยนไป เกิดธุรกิจใหม่เเละการปรับตัวของธุรกิจเก่าอย่างมากมาย ผู้ลงทุนจึงต้อง ‘เปลี่ยนวิธีคิดใหม่’ ตามไปด้วย

 

 

]]>
1323070