นับเป็นครั้งแรกที่นักลงทุนด้านเทคโนโลยีชาวญี่ปุ่นได้วางเดิมพันในธุรกิจเช้าใช้รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า แม้ว่าหลายประเทศในยุโรปตอนนี้ ซึ่งรวมถึงประเทศ ‘เยอรมัน’ ซึ่งเป็นประเทศบ้านเกิดของบริษัท ‘Tier’ ได้ออกมาตรการล็อกดาวน์รอบสอง เพื่อชะลอการฟื้นตัวของผู้ติดเชื้อ ซึ่งมาตรการดังกล่าวทำให้การเดินทางเป็นไปได้ยากขึ้น

อ่าน >>> “อังกฤษ-ฝรั่งเศส-เยอรมนี” สั่งล็อกดาวน์ทั่วประเทศ รอบ 2 หลัง COVID-19 กลับมาระบาดหนัก

แน่นอนว่าการล็อกดาวน์ย่อมส่งผลกระทบต่อบริษัทสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าโดยตรงแน่นอน โดยในการล็อกดาวน์รอบแรกก็ทำให้บริษัทประเภทเดียวกันได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยมีผู้ให้บริการหลายรายที่ต้องลดพนักงานเพื่อเอาชีวิตรอด อย่างไรก็ตาม Tier ได้ระบุว่าไม่จำเป็นต้องปลดพนักงานใด ๆ แม้จะมีผลกระทบจากการระบาด ปัจจุบัน Tier ได้ดำเนินงานใน 55 เมืองใน 11 ประเทศ

ไม่ใช่แค่ไม่ต้องปลดพนักงาน แต่ Tier ยังระบุว่าบริษัทสามารถทำกำไรได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดย Lawrence Leuschner ซีอีโอของ Tier กล่าวว่า ในปีนี้เรากำลังเข้าใกล้การทำกำไรอย่างเต็มที่ และในส่วนของเงินทุนที่ได้มาใหม่นั้น บริษัทจะใช้เพื่อขยายธุรกิจในยุโรปและติดตั้งสถานีชาร์จหลายพันแห่งในเมืองต่าง ๆ

“ไมโครโมบิลิตี้จะช่วยเติมเต็มช่องว่างขนาดใหญ่ที่เหลือจากการใช้รถในเมืองแบบเดิม ๆ และนำเสนอทางเลือกที่เป็นไปได้สำหรับระบบขนส่งสาธารณะแบบเดิม Tier มีผลงานที่พิสูจน์แล้วในการสร้างความร่วมมืออันยาวนานกับเมืองและหน่วยงานกำกับดูแลรวมกับแนวทางที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาข้อเสนอของลูกค้าชั้นนำ” Yanni Pipilis หุ้นส่วนผู้จัดการของที่ปรึกษาการลงทุนของ SoftBank กล่าว

ทั้งนี้ จากข้อมูลของ Financial Times ได้ระบุว่าปัจจุบัน Tier มีมูลค่าเกือบแตะ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นั่นหมายความว่าใกล้จะไปสู่ระดับของ ‘ยูนิคอร์น’ ไปทุกที และตามที่ FT ระบุว่าเป็น บริษัท e-scooter ที่มีมูลค่ามากที่สุดเป็นอันดับสองรองจาก Bird โดยแซง Lime ไปแล้ว

Source