ยุโรปกำลังอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก เมื่อ COVID-19 กลับมาเเพร่ระบาดเป็น “ระลอกสอง” ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงนี้ ทำให้หลายประเทศต้องประกาศ “ล็อกดาวน์” เพื่อสกัดไวรัสอีกครั้ง
ล่าสุด นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศ “ล็อกดาวน์ทั่วประเทศ” รอบที่ 2 ตั้งเเต่วันที่ 5 พ.ย. ไปจนถึงวันที่ 2 ธ.ค. 2020 หลังพบผู้ติดเชื้อทะลุ 1 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 4.6 หมื่นราย โดยเเนะนำให้ประชาชนอยู่ในบ้าน ส่วนธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจบริการที่ไม่จำเป็นจะถูกสั่งปิดทั้งหมด อย่างไรก็ตาม โรงเรียนและสถานศึกษาอื่น ๆ ยังสามารถเปิดได้ ขณะที่ “เยอรมนี” เเละ “ฝรั่งเศส” ได้ประกาศยกระดับล็อกดาวน์ไปเเล้ว เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
“เราไม่อาจปล่อยให้ไวรัส มาทำลายอนาคตลูกหลานของเรามากไปกว่านี้แล้ว” บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ระบุ
สำหรับการล็อกดาวน์ในสหราชอาณาจักร (อังกฤษ สกอตแลนด์ ไอร์แลนด์เหนือ และเวลส์) นั้น จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย. – 2 ธ.ค. 2020 โดยร้านค้าเเละบริการที่ไม่มีความจำเป็น เช่น ร้านอาหาร ผับ และธุรกิจบริการต่าง ๆ จะต้องปิดนาน 1 เดือน ยกเว้นร้านอาหารที่เปิดให้บริการแบบ “เดลิเวอรี่”
พร้อมเเนะนำให้ประชาชนอยู่ในที่พัก เเละออกจากบ้านด้วยเหตุผลบางอย่างเท่านั้น เช่น เดินทางไปยังสถานศึกษาทำงาน ออกกำลังกาย การดูแลผู้อื่นตามหน้าที่ รวมถึงกรณีทางการแพทย์
“คริสต์มาสปีนี้จะไม่เหมือนเดิม แต่รัฐบาลจะทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวได้พบหน้ากันให้ได้ในช่วงคริสต์มาส”
ด้านประเทศยักษ์ใหญ่ในยุโรปอย่าง “เยอรมนี” ได้ประกาศล็อกดาวน์อีกครั้ง หลังมีผู้ติด COVID-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในช่วงใกล้ฤดูหนาวที่มีอากาศเย็น
โดยมาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ของเยอรมนี จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย. (ตามเวลาท้องถิ่น) และจะสิ้นสุดในวันที่ 30 พ.ย. ซึ่งร้านอาหาร คาเฟ่ และบาร์ จะต้องปิดให้บริการ การชุมนุมในที่สาธารณะอนุญาตให้ไม่เกิน 2 ครัวเรือน หรือไม่เกิน 10 คน ห้ามจัดงานเทศกาลขนาดใหญ่ ปิดโรงหนัง สระว่ายน้ำ ยิม ฟิตเนส ฯลฯ
ขณะที่ “ฝรั่งเศส” ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ครั้งที่ 2 โดยให้มีผลบังคับใช้ ตลอดเดือนพ.ย. จนถึงวันที่ 1 ธ.ค. “เป็นอย่างน้อย” โดยประชาชนจะสามารถออกนอกบ้านได้ เฉพาะกรณีที่ต้องไปทำงานที่จำเป็น หรือด้วยเหตุผลทางการแพทย์ เเละช่วงเคอร์ฟิวต้องอยู่แต่ในบ้านตั้งแต่ 21:00 – 06:00 น.เท่านั้น นอกจากนี้ ยังสั่งให้ธุรกิจที่ไม่มีความจำเป็นปิดบริการลงชั่วคราว เช่น ร้านอาหาร และบาร์ แต่โรงเรียนและโรงงาน ยังคงเปิดทำการได้เพื่อให้เศรษฐกิจยังดำเนินต่อไป
การประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ครั้งนี้มีขึ้น ขณะที่ฝรั่งเศสมียอดผู้เสียชีวิตรายวันจาก COVID-19 สูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. และเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อรายใหม่เพิ่มถึง 33,000 คน