โอปป้า! สูตรปั้นแบรนด์สาหร่าย “มาชิตะ”

ตลาดสาหร่ายเปิดเกมรุกตั้งแต่ต้นปี 2 ค่ายใหญ่คว้าบอยแบนด์จากแดนกิมจิเป็นพรีเซ็นเตอร์ “เถ้าแก่น้อย” คว้าวง GOT7 เป็นพรีเซ็นเตอร์คนล่าสุด เป็นพรีเซ็นเตอร์บอยแบนด์เกาหลีวงที่ 2 ต่อจากวง 2PM ที่เคยใช้เมื่อหลายปีก่อน จากนั้นเถ้าแก่น้อยได้ใช้เป็นพรีเซ็นเตอร์ผู้หญิง “พลอย เฌอมาลย์” และ “ใหม่ ดาวิกา”

ทางด้าน “มาชิตะ” จากค่ายสิงห์ คอร์เปอเรชั่น ได้คว้าวง NCT เป็นพรีเซ็นเตอร์คนล่าสุดเช่นกัน เป็นบอยแบนด์จากค่าย SM Entertainment ค่ายเดียวกับ “คยูฮยอน” พรีเซ็นเตอร์คนก่อนที่มาชิตะได้ใช้มายาวนานถึง 5 ปี

มาชิตะได้ใช้กลยุทธ์พรีเซ็นเตอร์ตั้งแต่เริ่มทำตลาดตั้งแต่ปีแรกแล้ว เพราะด้วยการที่เพิ่งเข้ามาในตลาด จำเป็นต้องใช้ทางลัดในการสร้างการจดจำของผู้บริโภค และเลือกใช้พรีเซ็นเตอร์เกาหลีเพื่อย้ำภาพลักษณ์ความเป็นสาหร่ายเกาหลี และได้ทำการตลาดที่เกี่ยวข้องกับบันเทิงเกาหลีมาโดยตลอด ทั้งกิจกรรม และคอนเสิร์ต

การเปลี่ยนพรีเซ็นเตอร์ของมาชิตะครั้งนี้ นอกจากจะสร้างความแปลกใหม่แล้ว เพราะใช้พรีเซ็นเตอร์คนก่อนมายาวนานถึง 5 ปี ยังช่วยลดอายุให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นได้อีก อายุ 12-25 ปี จากเดิมที่อายุ 15-30 ปี และพรีเซ็นเตอร์ใหม่มาพร้อมกัน 5 คน มีแฟนคลับส่วนตัวของแต่ละคนอยู่แล้ว ยิ่งช่วยเพิ่มพลังในการเข้าถึงได้อีก

1_m

ธิติพร ธรรมาภิมุขกุล ผู้อำนวยการกลุ่มการตลาด ธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่ม บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด เล่าให้ฟังว่า

word_icon

มาชิตะได้เริ่มใช้พรีเซ็นเตอร์เป็นศิลปินเกาหลีมาตั้งแต่เริ่มทำตลาดแล้ว เพราะถ้าจะให้บอกว่าสินค้าอร่อยอย่างเดียวมันยาก ต้องมีคนมาช่วยบอก และศิลปินเกาหลีมีแฟนคลับที่เหนียวแน่นในไทย ทำให้เข้าถึงได้ง่าย

word_icon2

หลักในการเลือกพรีเซ็นเตอร์ของมาชิตะนั้น ดูว่าเทรนด์ในตอนนั้นคนไทยชอบใครอยู่ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาวง NCT เป็นวงน้องใหม่ที่กำลังได้รับความนิยม ประกอบกับทางค่ายต้นสังกัดมีแผนที่จะโปรโมตวงในเอเชียด้วย จึงได้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ของมาชิตะ

2_m

หลังจากที่ได้ใช้กลยุทธ์พรีเซ็นเตอร์เกาหลีมา 5 ปี ธิติพรบอกว่าได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างเหมือนกัน เช่น ได้เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคที่เป็นแฟนคลับเกาหลีมากขึ้น ทำให้สามารถวางกลยุทธ์วิธีในการโปรโมตกิจกรรมได้ง่ายขึ้น ซึ่งมาชิตะต้องการคงจุดยืนในการนึกถึงบันเทิงเกาหลี นึกถึงมาชิตะ เพราะมีการสนับสนุนมาโดยตลอด

แคมเปญนี้มาชิตะได้ใช้งบการตลาดรวม 50 ล้านบาท และได้ใช้งบด้านออนไลน์เพิ่มมากขึ้นเป็นสัดส่วน 30-40% จากเดิมใช้ 10-20% โดยจะมีภาพยนตร์โฆษณา 2 เวอร์ชั่นทั้งในโทรทัศน์ และออนไลน์

สำหรับตลาดสาหร่ายในปี 2559 ที่ผ่านมามีการเติบโต 5% มีมูลค่า 2,600 ล้านบาท เถ้าแก่น้อยยังคงเป็นเบอร์ 1 มีส่วนแบ่งตลาด 60% ส่วนมาชิตะเป็นเบอร์ 2 มีส่วนแบ่งตลาด 17% ในปีนี้ได้ตั้งเป้าการเติบโต 20% และมีส่วนแบ่งตลาดเกิน 20%