นักลงทุนกดดันหนัก ซีอีโอ “อูเบอร์” ยอมลาออกแล้ว

ทราวิส คาลานิก (Travis Kalanick) ผู้ร่วมก่อตั้ง และซีอีโอของอูเบอร์ (Uber Technology) ถูกนักลงทุนกดดันหนัก ล่าสุด ลงจากตำแหน่งซีอีโอแล้ว

โดยสื่ออย่างนิวยอร์กไทม์ รายงานความเคลื่อนไหวครั้งนี้โดยระบุว่า นักลงทุนรายใหญ่ 5 ราย รวมถึง Benchmark เวนเจอร์แคปิตอลเฟิร์มรายใหญ่ได้ส่งจดหมายเรียกร้องให้ซีอีโออูเบอร์ลาออกจากตำแหน่ง และต้องมีผลทันที โดยจดหมายดังกล่าวส่งถึงทราวิส คาลานิก ขณะที่เขาอยู่ที่ชิคาโก และนำไปสู่การลาออกจากตำแหน่งในที่สุด

การลาออกของซีอีโออูเบอร์ครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางปัญหาต่าง ๆ ที่เข้ามารุมเร้าอูเบอร์อย่างหนัก นับตั้งแต่กรณีที่ถูกพนักงานหญิงรายหนึ่งอ้างว่า ภายในองค์กรมีการล่วงละเมิดทางเพศ และการเหยียดเพศ จนนำไปสู่การไล่พนักงานระดับสูงออกนับสิบคน

โดยในหัวจดหมายที่นักลงทุนส่งถึงทราวิส คาลานิก จั่วหัวว่า “Moving Uber Forward” หรือก็คือ การที่นักลงทุนมองว่า อูเบอร์ในเวลานี้ต้องการการเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วน และไม่ใช่สถานการณ์ที่ทราวิส คาลานิก จะสามารถรับมือได้อีกต่อไปแล้ว

นิวยอร์กไทม์ อ้างว่า คาลานิกมีการปรึกษากับคณะกรรมการบอร์ดของอูเบอร์ อย่างน้อย 1 คน รวมถึงนักลงทุนบางรายร่วมอยู่ด้วย เขาจึงตัดสินใจลาออก แต่คาลานิกยังคงมีตำแหน่งอยู่ในบอร์ด

เอกสารที่อูเบอร์เผยแพร่ออกมานั้น ระบุว่า คาลานิกมีคำพูดส่งท้ายด้วยว่า เขานั้นรักอูเบอร์มากกว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ และนี่เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมากสำหรับเขา การที่เขายอมรับคำขอของนักลงทุน และลงจากตำแหน่งก็เพื่อให้อูเบอร์ได้เติบโตต่อไป แทนที่จะนำไปสู่การต่อสู้อื่น ๆ ที่ไม่จำเป็น หรือทำให้บริษัทต้องหลงไปจากทิศทางที่ควรจะเป็น

การลาออกจากตำแหน่งของทราวิส คาลานิก ถือเป็นการโบกมือลาของผู้บริหารระดับสูงรายล่าสุดของอูเบอร์ โดยเมื่อไม่นานมานี้ประธานฝ่ายการเงิน “เกาทัม กุปตา” (Gautam Gupta) ก็ยกธงลาบริษัทตามหลังผู้จัดการสำนักงานนิวยอร์ก “โจช โมห์เรอร์” (Josh Mohrer) และหัวหน้าทีมพัฒนารถไร้คนขับ “แอนโธนี่ เลเวนโดสกี” (Anthony Levandowski) ด้วย

สำหรับปีนี้คงต้องบอกว่า เป็นปีที่โหดร้ายสำหรับ ทราวิส คาลานิก พอสมควร เพราะก่อนหน้านี้เขาเพิ่งประสบกับข่าวร้ายนั่นคือ ต้องสูญเสียบุพการีจากอุบัติเหตุทางเรือ ขณะที่บริษัทที่ตั้งมากับมือก็เจอกับมรสุมครั้งใหญ่ และทำให้เขาต้องถูกลดบทบาทลงในที่สุดด้วย


ที่มา : http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000063255