“ไทยประกันชีวิต” ผุดกรมธรรม์โดนใจออมทรัพย์ระยะสั้น ผลตอบแทนสูง พร้อมสัญญาคุ้มครอง 44 โรคร้าย ต้นเหตุคร่าชีวิตคนไทย

“ไทยประกันชีวิต” เปิดศักราชปีวอก รุกตลาดหนักเร่งสร้างสรรค์กรมธรรม์และสัญญาพิเศษใหม่ ให้ความคุ้มครองทุกความต้องการของลูกค้า ล่าสุดออก 2 กรมธรรม์ออมทรัพย์ระยะสั้น ผลตอบแทนสูงกว่าแบงก์พร้อมสัญญาพิเศษเพิ่มเติม คุ้มครอง 44 โรคร้ายแรง รวม 10 โรคยอดฮิตของคนไทย ชี้เป็นหัวหอกกวาดเบี้ย 1,500 ล้านในไตรมาสแรก

นายปรีดี ขวัญงาม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด เปิดเผยว่า ในรอบปี 2546 ที่ผ่านมา บริษัทยังคงรักษาความเป็นบริษัทประกันชีวิตชั้นนำของคนไทย ด้วยผลงานผลิตเบี้ยประกันรับใหม่ รวมทั้งสิ้น 8,281 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 30% ขณะที่เบี้ยประกันรับทั้งระบบโตเพียง 17% สำหรับเป้าหมายสิ้นปี 2547 บริษัทกำหนดอัตราการเติบโตไว้ที่ 40% เป็นเงิน 6,800 ล้านบาท ซึ่งแนวทางการผลักดันให้ประสบความสำเร็จทางหนึ่งมาจากการนำเสนอสินค้าใหม่ๆ ที่มีคุณค่าและเป็นที่ต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมายออกสู่ตลาด

โดยในเดือนมีนาคม 2547 บริษัทเปิดตัวกรรมธรรม์ใหม่พร้อมสัญญาพิเศษเพิ่มเติม ได้แก่ กรมธรรม์ประกันชีวิต แบบธนทรัพย์ 120 และแบบธนทรัพย์ 130 ซึ่งเป็นกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มุ่งเน้นการออมทรัพย์สูง แต่ชำระเบี้ยระยะสั้นพร้อมเงินปันผล เพื่อให้สอดคล้องกับการลงทุนในภาวะปัจจุบัน และรองรับความต้องการของลูกค้าผู้มีเงินออม ซึ่งพบว่าลูกค้ากลุ่มนี้มีความต้องการกรมธรรร์ชำระเบี้ยสั้น แต่ให้ผลตอบแทนน่าพอใจเป็นหลัก โดยชำระเบี้ยเพียง 2 ปี และ 4 ปี ระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปี เงินปันผลในอัตรา 3-4% เทียบอับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือนอยู่ที่ 1-1.5% ต่อปี และเมื่อครบกำหนดอายุสัญญาจะได้รับผลประโยชน์สูงสุดถึง 125-135% ของทุนประกัน ขณะเดียวกัน สามารถหักลดหย่อนภาษีได้ถึง 50,000 บาท ทั้งนี้กำหนดทุนประกันขั้นต่ำ 50,000 บาท

นอกจากนี้ บริษัทได้ออกสัญญาเพิ่มเติมแบบ ทร.44 ให้ความคุ้มครองการเสียชีวิตและทุพพลภาพจากโรคร้ายแรงรวมทั้งสิ้น 44 โรค โดยมี 10 โรคร้ายแรงที่เป็นต้นเหตุของการเจ็บป่วยและเสียชีวิตของคนไทยรวมอยู่ด้วย อาทิ โรคมะเร็ง, โรคหัวใจ, โรคเกี่ยวกับตับ, โรคปอด, โรคประสาท, โรคความดันโลหิตสูง และกลุ่มโรคเลือดและอวัยวะสร้างเลือด เป็นต้นง

สัญญาพิเศษแบบ ทร.44 นี้ บริษัทได้ปรับปรุงและพัฒนาเงื่อนไขที่ให้ประโยชน์แก่ลูกค้าเหนือกว่าสัญญาทั่วไปที่มีอยู่ในตลาด โดยมีอัตราเบี้ยประกันภัยต่ำกว่า ให้ความคุ้มครองเสียชีวิตในทุกกรณีรวมถึงอุบัติเหตุ และให้ความคุ้มครองทันทีเมื่อเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ สามารถเปิดค่ารักษาพยาบาลได้สูงสุดขณะเจ็บป่วย จึงนับได้ว่าเป็นจุดเด่นที่จะได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างดี

นายปรีดีกล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยสินค้าใหม่ที่มีคุณค่าและสนองตอบความต้องการของลูกค้าที่บริษัทนำออกสู่ตลาดในครั้งนี้ คาดว่าจะช่วยให้ฝ่ายขายและตัวแทนสร้างเบี้ยประกันรับที่เป็นธุรกิจใหม่ได้ไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท ภายในไตรมาสแรกของปี และทำให้เป้าหมายเบี้ยประกันรับ 6,800 ล้านบาท บรรลุผลสำเร็จได้ก่อนสิ้นปี 2547 อย่างแน่นอน