รายงานภาวะตลาดหุ้นและการเงิน ประจำวันที่ 7 กรกฎาคม 2547

ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้

ตลาดหุ้นไทยในวันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม ปรับตัวลดลงไปในวันนี้ ไปปิดที่ 659.14 จุด ลดลง 7.29จุด หรือร้อยละ 1.09 จากการขายทำกำไรหลังจากที่ราคาหุ้นได้ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องหลายวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกลุ่มของนักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนรายย่อย ประกอบกับความวิตกกังวลเกี่ยวกับการระบาดของโรคไข้หวัดนกอีกครั้ง

– ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดลดลงไปในวันนี้ โดยปิดที่ระดับ 12,119.75 จุด ลดลงไปถึง 200.15 จุด หรือร้อยละ 1.63 จากการร่วงลงของราคาหุ้นในกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ในจีน และการที่แรงซื้อในหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ได้เริ่มชะลอตัวลง

– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้ปิดตลาดปรับตัวลงเป็นวันที่ห้าติดต่อกัน โดยลดลงไปอยู่ระดับต่ำสุดในรอบห้าสัปดาห์ในวันนี้ ที่ 11,322.23 จุด ลดลงไป 62.63 จุดหรือ ร้อยละ 0.55 จากการปรับลงของราคาหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากนักลงทุนเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการที่อาจลดลงของบริษัทในกลุ่มดังกล่าวในสหรัฐฯ ประกอบกับความกังวลถึงผลการเลือกตั้งในวันที่11 ก.ค.นี้

– ตลาดหุ้น Dow Jones วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม ปิดตลาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยเพิ่มขึ้นไป 20.95 จุด หรือ ร้อยละ0.21 ไปปิดที่ระดับ 10,240.29 จุด หลังจากที่นักลงทุนได้กลับเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีอีกครั้งหลังจากที่ได้ขายหุ้นกลุ่มดังกล่าวออกไปในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

– เงินดอลลาร์สหรัฐฯได้แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนและเงินบาทในวันนี้ โดยอยู่ที่ระดับ 109เยน/ดอลลาร์ฯ และ 40.8บาท/ดอลล่าร์ฯ แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินยูโรที่ 1.236 ยูโร/ดอลลาร์ฯ

ภาวะตลาดหุ้น

Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยในวันนี้ ปิดตลาดลดลงจากวันก่อน โดยปิดที่ระดับ 659.14 จุด ลดลงไป 7.29 จุด หรือร้อยละ 1.09 จากการที่นักลงทุนโดยเฉพาะกลุ่มของนักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนรายย่อยได้เริ่มขายหุ้นออกมาเพื่อทำกำไรหลังจากราคาได้ปรับขึ้นหลายวันติดต่อกัน ประกอบกับการกลับมาอีกครั้งของโรคไข้หวัดนกทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจในการซื้อขาย

Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดลดลงเป็นวันที่ห้าติดต่อกันในวันนี้ โดยลดลงไปอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบห้าสัปดาห์ ที่ระดับ 11,322.23 จุด ลดลงไป 62.63 จุด หรือร้อยละ 0.55 ทั้งนี้ราคาหุ้นในกลุ่มเทเลคอม และกลุ่มอินเทอร์เน็ต ได้ปรับลงอย่างมากจากการที่นักลงทุนยังคงมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการที่อาจลดลงของหุ้นในกลุ่มดังกล่าวในสหรัฐฯ ประกอบกับความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกในวันที่11 ก.ค.นี้ ซึ่งพรรครัฐบาลอาจจะประสบความพ่ายแพ้

Hang Seng
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดลดลงไปอย่างหนักถึง 200.15 จุด หรือร้อยละ 1.63 โดยปิดที่ระดับ 12,119.75 จุด จากการร่วงลงไปของราคาหุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ในจีนหลังจากการรายงานยอดขายรถยนต์ของจีนในเดือน มิ.ย.ที่ลดลงไปถึงร้อยละ 7.1 ประกอบกับการที่การซื้อขายหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในวันก่อนได้เริ่มชะลอตัว และความวิตกกังวลเกี่ยวกับหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดสหรัฐและญี่ปุ่นก็ได้ส่งผลกระทบถึงหุ้นในกลุ่มเดียวกันในตลาดฮ่องกงและเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ดัชนีปรับลดลงในวันนี้

US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันที่ 7 กรกฎาคม ปิดตลาดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในวันนี้โดยปิดที่ระดับ 10,240.29 จุด เพิ่มขึ้นไป 20.95 จุด หรือร้อยละ 0.21 จากการที่นักลงทุนได้กลับเข้ามาซื้อหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีอีกครั้งหลังจากที่ได้ขายออกไปในช่วงหลายวัน ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ดัชนีไม่ได้ปรับขึ้นไปมากนักเนื่องจากนักลงทุนยังมีความวิตกกังวลถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในช่วงหลายไตรมาสข้างหน้าที่อาจจะลดลง และการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อาจเริ่มชะลอตัว

US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ได้ปรับเพิ่มขึ้นไปเช่นเดียวกันในวันนี้ โดยปิดที่ระดับ 1,966.08 จุด เพิ่มขึ้นไป 2.65จุด หรือร้อยละ0.13 โดยตลาดได้แรงหนุนจากการที่ราคาของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีบางตัวได้ปรับสูงขึ้นหลังจากที่นักลงทุนได้เริ่มกลับเข้ามาซื้ออีกครั้ง

สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

Baht/USD
เงินบาท/เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในวันนี้อ่อนค่าลงไปเช่นเดียวกับค่าเงินในภูมิภาคส่วนใหญ่ที่ปรับลดลงไปตามการอ่อนค่าของค่าเงินเยน นอกจากนั้นตรวจพบการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดนกอีกครั้งในประเทศไทย ก็ได้เป็นอีกปัจจัยที่มากดดันค่าเงินบาทในวันนี้

Yen/USD
เงินดอลลาร์สหรัฐฯได้แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนในวันนี้ ถึงแม้ว่าเงินเยนจะได้รับปัจจัยบวกจากการที่ตัวเลขคำสั่งซื้อเครื่องจักรหลักในเดือน พ.ค.ได้ลดลงไปเพียงร้อยละ 2.1น้อยกว่าที่คาดไว้ว่าจะลดลงไปถึงร้อยละ 3.8 แต่เงินเยนยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งวุฒิสภาญี่ปุ่นที่จะมีขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งหากว่าพรรครัฐบาลพ่ายแพ้การเลือกตั้ง ก็จะส่งผลต่อนโยบายการปฏิรูปเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ทำให้เงินเยนอ่อนค่าลงไปในวันนี้

USD/Euro
เงินดอลลาร์สหรัฐฯได้อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินยูโร โดยได้รับแรงกดดันจากรายงานตัวเลขการจ้างงานเดือนมิ.ย.เมื่อวันศุกร์ที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดไว้ และตัวเลขดัชนีภาคบริการที่ปรับลดลงไปมากกว่าความคาดหมายเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปอีกมากนัก

สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้

Thai Gov. Bond
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 11,474.85ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนร้อยละ 40.3 อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นเคลื่อนไหวแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน ในขณะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวเคลื่อนไหวในช่วงตั้งแต่ -1ถึง 3 bps.

Us Treasury Bond 10 Years
ราคาพันธบัตรของสหรัฐฯปรับลดลงไปในวันนี้ จากการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5ปี มูลค่า 15 พันล้านบาทที่ออกใหม่ในวันนี้ได้เป็นไปอย่างซบเซา อัตราผลตอบแทนของ 10 years Treasury Bond ยังอยู่ในระดับเดิมจากวันก่อน จากการที่นักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างมาก