สังเวียนการแข่งขันของโทรศัพท์มือถือ ที่กำลังดุเดือดเลือดพล่านเวลานี้ เป็นผลมาจากการต่อสู้ระหว่าง 2 ค่ายใหญ่ AIS และ DTAC
เริ่มตั้งแต่การออกแคมเปญ “โทรมาราธอน” ค่าโทรต่ำสุดนาทีละ 1.12 บาท เพื่อผลักดันยอดโทรของ GSM1800 ซึ่งทำหน้าที่เป็น fighting brand โดยใช้ภาพยนตร์โฆษณาบนหน้าจอโทรทัศน์เป็นสื่อ สร้างแรงจูงใจให้โทรนานๆ
ไม่นาน DTAC ตีโต้กลับด้วยโฆษณาของ Happy ที่มุ่งเน้นโทรเฉพาะเท่าที่จำเป็น
แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ “น้ำจิ้ม” เท่านั้น
ศึกใหญ่ที่ทำให้ DTAC ทนไม่ได้ก็คือ การที่ AIS เข็นแคมเปญ “สวัสดี” ที่มุ่งจับกลุ่มลูกค้าระดับรากหญ้าที่ใช้งานน้อยออกมาลงตลาด จุดเด่นของแคมเปญนี้อยู่ที่ราคาขาย 150 บาท ใช้ได้ 30 วัน ไม่ว่าจะเป็นชื่อบริการ หรือภาพยนตร์โฆษณา ล้วนแต่สะท้อนถึงลูกค้าเป้าหมายที่เป็นระดับมวลชน
การออกแคมเปญของ AIS ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการท้ารบกับ Happy ของ DTAC โดยตรง เพราะความสำเร็จของ DTAC จากการยกเครื่องบริการ Dprompt มาเป็น Happy Dprompt เป็นผลมาจากการวางตำแหน่งสินค้าที่มุ่งไปยังลูกค้าระดับมวลชน
ไม่ว่าจะเป็นการออก “เบบี้ซิม” ราคา 50 บาท ใช้ได้ 3 วัน หรือการจับมือเนสท์เล่ ขาย sim card ผ่านรถขายไอศกรีม และการจับมือกับสหพัฒนพิบูลย์ก็เพื่อต้องการสร้างช่องทางขายใหม่ ที่มุ่งเน้นตลาดระดับ mass
หลังจาก “สวัสดี” ปรากฏสู่ตลาดไม่กี่วันถัดมา วิชัย เบญจรงคกุล และซิคเว่ เบรคเก้ ซีอีโอคู่หู ต้องลุกขึ้นมาควงคู่จัดแถลงข่าว ใช้ชื่องานว่า Enough is Enough, DTAC Fight Back เป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำของคู่แข่ง AIS ล้วนๆ
เริ่มตั้งแต่ การนำข้อมูลจากหลักทรัพย์บัวหลวงมาใช้อ้างอิงเรื่องที่ AIS ไปให้ข้อมูลกับนักวิคราะห์ก่อนเปิดตัวโปรแกรมสวัสดีว่า ต้องการบุกไปยังกลุ่มลูกค้าระดับรากหญ้า ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับที่ DTAC ยึดครองมาก่อนหน้านี้
ซิคเว่ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า การออกแคมเปญ “สวัสดี”มาเพื่อเลียนแบบ “เบบี้ซิม”ของ DTAC จะเป็นชนวนที่ก่อให้เกิดสงครามราคาขึ้นมาอย่างแน่นอน และการแข่งขันได้เกินเลยเช่นนี้ เป็นผลมาจากการที่ AIS ใช้พลังเงิน หรือ power of money ทุ่มซื้อดีลเลอร์ และ strategic partner ของดีแทคไปแล้วไม่น้อยกว่า 10 ราย
“การแข่งขันเวลานี้ ได้เลยขอบเขตของการรักษาความเป็นสุภาพบุรุษไปแล้ว DTAC รู้สึกรุนแรงกับการกระทบครั้งนี้ และยิ่ง DTAC ประสบความสำเร็จมากเท่าใด AIS ยิ่งใช้วิธีสกปรกมากขึ้นเท่านั้น”
ซิคเว่ และวิชัยย้ำว่า เมื่อเสียเปรียบในเรื่องของขุมกำลัง จะต้องบุกแบบ “กองโจร” ที่อาศัยทั้งความรวดเร็ว แม่นยำ และคาดไม่ถึง
AIS ไม่ได้ออกมาตอบโต้เป็นเรื่องเป็นราว แต่ให้สัมภาษณ์เป็นกรณีเฉพาะกิจว่า เป็นเรื่องปกติของการแข่งขันที่ต้องออกสินค้าให้โดนใจลูกค้า แต่ก็อดหยอดใส่ไม่ได้ว่า หาก DTAC ต้องการเล่นบทกองโจรแล้ว AIS คงต้องเล่นบทตำรวจปราบโจร
ถัดจากนั้นไม่ถึง 2วัน DTAC ก็ทำใบปลิว ที่จั่วหัวว่า “สวัสดี…ลาก่อน” เพื่อเปรียบเทียบคุณสมบัติระหว่าง ซิมรุ่นเล็กของ Happy และสวัสดี จากวัน-ทู-คอล แจกเกลื่อนตามร้านขายโทรศัพท์มือถือ
การเปิดศึกของทั้งสองค่ายในครั้งนี้ หากมองในแง่ของธุรกิจแล้ว ต้องถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ที่ต้องเผชิญกับคู่แข่งที่ออกมาตอบโต้ หรือแม้แต่โดนดูดดีลเลอร์ แต่ที่ไม่ธรรมดาคือ อาการเดือดเนื้อร้อนใจที่มากกว่าปกติของ DTAC จะทำให้ถูกตั้งข้อสังเกตว่า ถนัดแต่เกมรุก ไม่ถนัดเกมตั้งรับ
ก่อนหน้านี้ DTAC ได้เคยส่งสัญญาณไปยังนักวิเคราะห์หุ้น ว่าไม่ควรมองโลกในแง่ดีนัก แม้ว่าผลประกอบการในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้จะดีขึ้นผิดหูผิดตา แต่ไม่ได้หมายความว่า 3 ไตรมาสสุดท้ายจะดีเช่นเดียวกับไตรมาสแรก
การจัดแถลงข่าวของ DTAC ในครั้งนี้เพื่อต้องการบอกว่า โจทย์ยากของ DTAC ที่ต้องเผชิญ มีสาเหตุมาจากการที่ต้องแข่งขันกับคู่แข่งที่มีข้อได้เปรียบทุกๆ ด้านอย่าง AIS โอกาสชนะย่อมไม่ง่าย
หากจำได้ เมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว AIS และ DTAC ก็เคยเปิดศึกน้ำลายถล่มกันไปมา ตกเป็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ไม่เว้นแต่ละวันจนเป็นเรื่องธรรมดา กำลังกลับมาเป็นศึกภาคที่ 2 หลายคนมองว่ากรณีนี้ไม่ต่างไปจากศึกน้ำดำระหว่าง “โค้ก” และ “เป๊ปซี่” ต่อกรกันมาตลอด เบาบ้างหนักบ้าง เพื่อกระตุ้นตลาดให้มีสีสัน ไม่เงียบหายไป
จะมีก็แต่ Happy เท่านั้น ที่ดูจะไม่ Happy เท่าไหร่นัก
Website
www.dtac.co.th