บริษัทจดทะเบียนใน SET และ mai ประกาศจ่ายเงินปันผลประจำปี 2550 รวมมูลค่า 194,250 ล้านบาทเป็นมูลค่าเงินปันผลที่เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ร้อยละ 8.26 เผยกลุ่มบจ. ใน SET ที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) สูงสุด 3 อันดับแรก คือ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และกลุ่มวัตถุดิบและสินค้าอุตสาหกรรม ด้านบริษัทจดทะเบียนใน mai มีมูลค่าเงินปันผลรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 27 โดยบริษัทที่มี Dividend Yield สูงสุด 3 อันดับแรก คือ บมจ.มัลติแบกซ์ บมจ.ชูโอ เซ็นโก (ประเทศไทย) และ บมจ.ปิโก (ไทยแลนด์)
นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการสายงานศูนย์ระดมทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) รวม 277 บริษัท หรือร้อยละ 54 ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด 512 บริษัท [ไม่รวมบริษัทจดทะเบียนกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน (Non-Compliance:NC) และกลุ่มที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด (Non-Performing Group : NPG) ] ประกาศจ่ายเงินปันผลประจำปี 2550 โดยมีมูลค่าเงินปันผลที่ประกาศจ่ายรวมกันสูงถึง 194,250 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่จ่ายเงินปันผล 179,423 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.26 ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยของ SET และ mai (Average Dividend Yield) อยู่ที่ร้อยละ 3.63
“ ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ( SET) ที่จ่ายเงินปันผลมีจำนวน 245 บริษัท โดยมีมูลค่าเงินปันผลที่ประกาศจ่ายรวมกันสูงถึง 192,743 ล้านบาท เป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.01 เมื่อเทียบกับปี 2549 ซึ่งมีจำนวน 178,450 ล้านบาท โดยอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยของ SET (Average Dividend Yield) อยู่ที่ร้อยละ 3.61 ” รองผู้จัดการกล่าว
กลุ่มอุตสาหกรรมที่มี Dividend Yield สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่
1) กลุ่มเทคโนโลยี มี Dividend Yield เท่ากับร้อยละ 5.02 โดยหมวดชิ้นส่วนอิเลคโทรนิกส์มี Dividend Yield เท่ากับร้อยละ 6.73 รองลงมาคือ หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเท่ากับร้อยละ 4.73
2) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง มีDividend Yield เท่ากับร้อยละ 4.89 โดยกองอสังหาริมทรัพย์มี Dividend Yield สูงสุดเท่ากับร้อยละ 7.26 และรองลงมาคือหมวดวัสดุก่อสร้างเท่ากับร้อยละ 6.69
3) กลุ่มวัตถุดิบและสินค้าอุตสาหกรรม มี Dividend Yield เท่ากับร้อยละ 4.84 โดยหมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์มี Dividend Yield สูงสุดเท่ากับร้อยละ 5.24 และรองลงมาคือหมวดบรรจุภัณฑ์ เท่ากับร้อยละ 4.29
“ สำหรับบริษัทจดทะเบียนใน mai ที่ประกาศจ่ายเงินปันผลประจำปี 2550 แล้วมีจำนวน 32 บริษัท จากทั้งหมด 51 บริษัท รวมมูลค่าเงินปันผลจำนวน 1,507 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 27 หากเทียบกับปี 2549 ที่มีมูลค่าเงินปันผลรวมจำนวน 1,187 ล้านบาท โดยอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยของ mai (Average Dividend Yield) เท่ากับร้อยละ 5.95 สำหรับบริษัทที่มีอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนสูงสุด 3 อันดับแรก คือ บมจ.มัลติแบกซ์ (MBAX) ร้อยละ 12.84 บมจ.ชูโอ เซ็นโก (ประเทศไทย) (CHUO) ร้อยละ 10.47 และ บมจ.ปิโก (ไทยแลนด์) (PICO) ร้อยละ 9.37 ตามลำดับ” นายวิเชฐ กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมใน SET ที่มีมูลค่าการจ่ายเงินปันผลรวมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1) กลุ่มทรัพยากร จ่ายปันผลรวม 72,883 ล้านบาท ซึ่งบมจ.ปตท. ( PTT) มีมูลค่าเงินปันผลจ่ายสูงสุด 32,340.73 ล้านบาท (ปันผลในอัตราหุ้นละ 11.50 บาท) และมี Dividend Yield เท่ากับร้อยละ 3.36 2) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง จ่ายปันผลมูลค่ารวม 33,220 ล้านบาท โดยบมจ.ปูนซีเมนต์ไทย (SCC) มีมูลค่าเงินปันผลจ่ายสูงสุด 18,000 ล้านบาท (ปันผลในอัตราหุ้นละ 15 บาท ) มี Dividend Yield เท่ากับร้อยละ 6.94 3) กลุ่มเทคโนโลยี มีมูลค่าเงินปันผลรวม 26,677 ล้านบาท โดยบมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) มีมูลค่าเงินปันผลจ่ายสูงสุด 18,634.83 ล้านบาท (ปันผลในอัตราหุ้นละ 6.30 บาท) มี Dividend Yield เท่ากับร้อยละ 6 4) กลุ่มบริการ มีมูลค่ารวม 20,452 ล้านบาท โดย บมจ. การบินไทย (THAI) มีมูลค่าเงินปันผลจ่ายสูงสุด 3,822.53 ล้านบาท (ปันผลในอัตราหุ้นละ 2.25 บาท )มี Dividend Yield เท่ากับร้อยละ 6.98 และ 5) กลุ่มธุรกิจการเงิน มูลค่ารวม 18,811 ล้านบาท โดย บมจ. ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มีมูลค่าเงินปันผลจ่ายสูงสุด 4,783.87 ล้านบาท (ปันผลในอัตราหุ้นละ 2 บาท) มี Dividend Yield เท่ากับร้อยละ 2.27
ทั้งนี้ ยังมีบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ระหว่างการพิจารณาจ่ายเงินปันผล และจะทยอยประกาศมาให้ทราบเป็นระยะซึ่ง ผู้ลงทุนสามารถติดตามข้อมูลการจ่ายปันผลได้จากเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ www.set.or.th เว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอไอ ที่ www. mai.or. th และเว็บไซต์บริษัท เซ็ทเทรด ดอท คอม จำกัด ที่ www.settrade.com
