AIT เจ๋ง โชว์งบปี 52 ฟันกำไรโต 43%

บริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT โชว์งบปี 52 เติบโตโดดเด่น กำไรเพิ่มกว่า 43% บอร์ดใจป้ำอนุมัติจ่ายปันผลครึ่งปีหลังอีกในอัตราหุ้นละ 2.25 บาท ขณะที่ครึ่งปีแรกจ่ายแล้ว 1.25 บาท รวมจ่ายปันผลทั้งปีหุ้นละ 3.50 บาท ผู้บริหารมั่นใจธุรกิจแข็งแกร่งเดินหน้ารุกธุรกิจเต็มสูบ รับอุตสาหกรรมเติบโตต่อเนื่อง ดันผลงานทั้งปีแตะ 4 พันล้านบาท

นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT เปิดเผยถึงผลประกอบการงวดปี 2552 (มกราคม – ธันวาคม 2552) ว่าบริษัทฯ มีรายได้รวม 3,876 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17 % จากปีก่อนซึ่งมีรายได้รวม 3,324 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 311.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93.17 ล้านบาท หรือเกือบ 43 % เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 217.87 ล้านบาท และมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 5.18 บาท เพิ่มขึ้น 47 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีกำไรต่อหุ้น 3.52 บาท

นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมบริษัทฯ ยังมีมติให้จ่ายเงินปันผลรวมทั้งปี 2552 ในอัตรา หุ้นละ 3.50 บาท หรือประมาณ 68% ของกำไร ซึ่งบริษัทฯได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 1.25 บาท ดังนั้น จึงจะจ่ายเงินปันผลเพิ่มเติมสำหรับครึ่งหลังของปีในอัตราหุ้นละ 2.25 บาท โดยจะปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 7 พฤษภาคม 2553 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 21 พฤษภาคม 2553

สำหรับรายได้และกำไรสุทธิในงวดปี 2552 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้นเนื่องจากมีการส่งมอบงานวางระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังได้งานเพิ่ม โดยเฉพาะงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ รวมถึงภาคเอกชนที่มีความจำเป็น ในการลงทุนพัฒนาเรื่องของระบบเทคโนโลยี

“ผลประกอบการงวดปี 52 ถือว่าโดดเด่นเพราะทั้งรายได้และกำไรเราดีกว่าปีก่อนมาก จากการส่งมอบงานจำนวนมาก โดยเฉพาะงานของลูกค้าใหญ่ๆ ทั้งทีโอที และกสท รวมถึงเรายังได้งานใหม่เพิ่มอีกในช่วงปลายปี” นายศิริพงษ์ กล่าว

ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AIT กล่าวว่า สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมไอทีและสื่อสารโทรคมนาคมของไทยในปีนี้ คาดว่า ยังมีการเติบโตและการลงทุนของลูกค้าค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ประกอบการด้านบริการสื่อสารโทรคมนาคมที่จำเป็นจะต้องลงทุนเพื่อการให้บริการลูกค้าที่ดีกว่า เร็วกว่า และหลากหลายกว่า ตามเทรนด์ของเทคโนโลยีของโลกที่เปลี่ยนแปลงและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา

ขณะเดียวกันงานภาครัฐในปีนี้คาดว่าจะมีการเปิดประมูลเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ทั้งกระทรวงไอซีที กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงงานรัฐวิสาหกิจอย่างบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ดังนั้นจึง ถือเป็นโอกาสของบริษัทฯที่จะทำให้ผลประกอบการในปี 2553 นี้เป็นไปตามเป้ารายได้ที่ตั้งไว้ 4,000 ล้านบาท