Converse แบรนด์รองเท้าคู่ใจวัยมัน ด้วยรูปลักษณ์เรียบง่าย แต่มีสีสันให้เลือกทุกเฉดสี กระตุ้นตลาดปี 2548 ด้วยการประกาศเปิด Converse Shop 20-25 แห่งภายใน 3 ปี ใช้งบลงทุน 40 ล้านบาท และตั้งเป้าโต 30% จากเดิมที่มียอดขาย 610 ล้านบาท เป็น 790 ล้านบาท พร้อมเสริมกิจกรรมทางการตลาดที่ act local มากขึ้น
เชิดชาย ประสงค์ผลชัย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ริช สปอร์ต จำกัด ยังคงมุ่งเน้นพัฒนาออกแบบผลิตภัณฑ์เอง โดยทั่วโลกจะมีเพียง 5 แห่งเท่านั้น ที่มีลิขสิทธิ์พิเศษนี้ คือ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน ยุโรป และไทย
เป็นผลมาจากกระแสโลกที่คนชอบแต่งตัวลำลองมากขึ้น ทำให้ Converse ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ในไทยเองเด็กวัยรุ่นนิยมใส่ Converse เป็นรองเท้าลำลอง ทั้งใส่ไปเรียนและใส่ไปเที่ยว
แม้ Converse จะเป็น inter brand แต่การ localized ด้วยการนำผ้าไทยจากมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงมาผลิตเป็นรองเท้ารุ่นพิเศษ ทำให้ Converse ได้รับ Brand Image ที่ดีมากขึ้นด้วย
กลุ่มเป้าหมายหลักของ Converse คือกลุ่มวัยรุ่น การนำผ้าไทยที่ดูสัมพันธ์ห่างไกลกับวัยรุ่น มาเป็นวัสดุหลักในการทำรองเท้า ถือเป็นอีกหนึ่งผลงานที่สร้างสรรค์ได้ดีสำหรับแบรนด์รองเท้าสัญชาติอเมริกา แต่ยังคงสีสันที่หลากหลาย ฉูดฉาดบาดตาตรึงใจไว้เช่นเคย การใส่ลูกเล่นแพรวพราวครั้งนี้ของ Converse ย่อมทำให้คู่แข่งอดหวั่นมิได้ เพราะถึงแม้ด้วยราคาจะเป็นเส้นแบ่งผู้บริโภค แต่กระนั้นไนกี้ อาดิดาส พูม่า และรีบอค ก็คงอดที่จะแอบมองด้วยความอิจฉาไม่ได้
ส่วนแบ่งรองเท้ากีฬาและผ้าใบในประเทศไทย มูลค่ารวมประมาณ 2,510 ล้านบาท
Adidas 34%
Converse 17%
Nike 16%
Reebok 13%
Others 20%
สินค้ารุ่นปกติ 70%
สินค้าแฟชั่น 30%
Converse
Company :
บริษัท ริช สปอร์ต จำกัด มีกำลังการผลิต 4,000 คู่ต่อวัน
Positioning :
Casual Sport แบ่งออกเป็นหลายรุ่นอาทิ Jeans,Colorful, และ Premium Collection
Target :
Core Target ชายหญิงอายุ 15-22 ปี ราคาตั้งแต่ 700-2,000 บาท
Highlight :
“รองเท้าทำมือ” ใช้ผ้าไหมทอมือยกทอง จากช่างทอบ้านท่าสว่าง จ.สุรินทร์ เรียกรองเท้ารุ่นนี้ว่า คอนเวอร์ส มัลเบอร์รี่ ผลิต 8 คู่ จำหน่ายราคาคู่ละ 25,000 บาท โดยนำเงินส่วนหนึ่งไปใช้เป็นทุนเริ่มต้นในการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ผ้าทอ
Website
