ลุคใหม่ ดูดลูกค้าผู้ชาย

ต้องบอกว่า “สยามดิสคัฟเวอรี่” ลุคใหม่ สดใส และตอกย้ำความชัดเจนใน Positioning ที่แตกต่างมากยิ่งขึ้น เป็นการครบรอบ 10 ปีที่ภาคภูมิใจของชฎาทิพ จูตระกูล กับเงินลงทุนเพื่อปรับปรุงโฉมใหม่กว่า 80 ล้านบาท ทำให้วันนี้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางตามแผนการที่วางไว้

การแบ่งประเภทร้านค้าและบริการออกตามแนวคิด One Floor One Concept ในยุคนั้น นับเป็นการสร้างจุดขายที่โดดเด่นและแตกต่าง จนเป็นต้นแบบให้กับศูนย์การค้าอื่นๆ ในเวลาต่อมา ในโอกาสก้าวเข้าสู่ปีที่ 11 สยามดิสคัฟเวอรี่ได้ตระหนักถึง Positioning เดิมที่เคยมีมาโดยไม่แปรเปลี่ยน แต่สิ่งที่ก้าวสู่มิติใหม่มากขึ้น คือ การนำข้อมูล ฐานลูกค้า ที่มีมานับทศวรรษ มาใช้เพื่อปรับศูนย์ฯ โดยใช้เวลาอยู่กว่า 1 ปีครึ่ง

ด้วยสัดส่วนลูกค้าครึ่งต่อครึ่งเป็นผู้ชาย นับเป็นศูนย์การค้าที่มีฐานลูกค้า “พิเศษ” เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วลูกค้าผู้ชายจะมีสัดส่วนเพียง 30-40% เท่านั้น ขณะที่เหลือกว่า 60-70% จะเป็นลูกค้าผู้หญิง จากฐานข้อมูลที่โดดเด่นนี่เอง ทำให้ส่งผลต่อการเลือกสีในการรีดีไซน์ รีโลโก้ของสยามดิสคัฟเวอรี่ จากเดิมที่ดูออกแนววิทยาศาสตร์ ให้ดูมีเอกลักษณ์มากขึ้น

“เมื่อเรารู้ว่าลูกค้าเรามีสัดส่วนชายหญิงเท่าๆ กัน สีที่เราจะใช้ก็ต้องเลือกสีที่ทั้งชายหญิงชื่นชอบเหมือนกัน จึงมาลงตัวที่สีเขียวอมฟ้า ซึ่งเป็นสีกลางๆ เป็น Unisex เราเน้นคำว่า Discovery ให้ใหญ่กว่าคำว่า SIAM ขณะที่ตัวอักษร D จะใหญ่กว่าตัวอักษรอื่นๆ หมายถึงสิ่งดีๆ ที่ค้นพบ และเป็นสิ่งดีๆ ซึ่งสามารถหาได้ที่สยามดิสคัฟเวอรี่”

นอกจากนี้พื้นที่ที่เพิ่มขึ้นเพื่อเอาใจลูกค้าผู้ชาย คือ ในส่วนของเครื่องประดับยนต์ ขณะที่ร้านเครื่องนอนและสินค้าตกแต่งบ้านได้ขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 1 ชั้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า

“เราเป็นศูนย์การค้าขนาดกลาง ไม่มีห้างฯ ดังนั้น แต่ละร้านค้าจะต้องมีแบรนด์ที่แข็งแรงและเป็นแมกเน็ตช่วยกันดึงดูดคนมาเข้าศูนย์ไม่ใช่ให้พื้นที่ใครไปเปิดอะไรก็ได้ ทำให้ทุกวันนี้ 80% ของสินค้าและบริการกว่า 120 ร้านค้าที่สยามดิสคัฟเวอรี่ไม่มีขายที่อื่น”

แม้หลายคนจะมองว่าทราฟฟิกของศูนย์แห่งนี้ไม่เยอะเท่าศูนย์การค้าใกล้เคียง ชฎาทิพให้เหตุผลว่า

“เราไม่ได้อยากได้ลูกค้าเนืองแน่นหรือมาเหยียบกันตาย ลูกค้าของเราเป็นลูกค้าที่มาเดินแล้วซื้อจริง โดยเฉพาะชาวต่างชาติยอดใช้จ่ายต่อบิลต่อคนต่อครั้งสูง เฉลี่ยมากกว่า 5,000 บาท ขณะที่คนไทย 3,000 บาท แต่สำหรับสมาชิกของเราที่มีกว่า 30,000 คนนั้น มียอดเฉลี่ยต่อคนสูงถึง 12,000 บาทเลยทีเดียว ขนาดเราไม่มีร้านเพชรมาฉุดยอดขายนะ (หัวเราะ) เป็นสิ่งสะท้อนชัดเจนว่า CRM เราแข็งแรง”

ชฎาทิพรำลึกถึงความหลังก่อนที่จะเปิดสยามดิสคัฟเวอรี่ว่า “การทำอะไรที่ไม่เหมือนคนอื่น เป็นเรื่องไม่ง่ายเลย ต้องใช้เวลาในการอธิบายมาก แต่พอทุกคนเข้าใจและเราทำได้ ทุกอย่างก็ไปได้สวย”

การทยอยเปิด Flagship Store ภายในปีหน้าของหลากหลายแบรนด์ อาทิ Lucky Brand Jeans และ Izod จากสหรัฐฯ และ Pleats Please ในเครือ Issey Miyake จากญี่ปุ่น ก็เป็นสิ่งตอกย้ำได้ว่าสิ่งที่เธอริเริ่มมาเมื่อ 10 ปีที่แล้วยังใช้ได้ไม่เปลี่ยนแปลง และสิ่งที่เคยเป็นเรื่องยากกลับกลายเป็นเรื่องง่ายไปแล้ว

Did you know?

โลโก้ใหม่ของสยามดิสคัฟเวอรี่ ออกแบบโดย ดลชัย บุญยะรัตเวช บริษัท แบรนด์สเคป จำกัด ซึ่งเคยมีผลงานในการออกแบบโลโก้ของศูนย์การค้าเอสพลานาด รัชดามาแล้ว

สัดส่วนลูกค้าที่ใช้บริการสยามดิสคัฟเวอรี่ (by nation)
คนไทย 65%
คนต่างชาติ (นักท่องเที่ยว) 35%

www.siamdiscoverycenter.co.th