โมด อิมเมจ คืนวงการ เชื่อมั่นรัฐบาลปลอดคอรัปชั่น ต้องใช้ฝีมือล้วนๆ

โมด อิมเมจ บริษัทที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์และสื่อสารการตลาดครบวงจร ประกาศคืนวงการอีกครั้งจาก 10 ปี ที่หายไปหลังจากสร้างผลงานปั้นโครงการกรุงเทพฯ เมืองแฟชั่น จนกระหึ่มไปทั่วโลก เนื่องจากผู้ก่อตั้งซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดเกิดความอิ่มตัวในธุรกิจจึงผันตัวไปเป็น นักคิด นักเขียน ที่ปรึกษาและอาจารย์พิเศษให้กับองค์กรชั้นนำ โดยการกลับมาในครั้งนี้ตั้งเป้าหมายเป็นเอเจนซี่ประชาสัมพันธ์และสื่อสารการตลาดมหภาค(การตลาดภาคอุตสาหกรรม) อันดับหนึ่งของประเทศภายในสามปี

นายเทพรัตน์ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการผู้ก่อตั้ง โมด อิมเมจ ซึ่งควบอีกตำแหน่งเป็นนักวางกลยุทธ์สร้างสรรค์ของบริษัทกล่าวว่า “จริงๆ แล้วในช่วงที่หยุดดำเนินกิจการชั่วคราว โดยส่วนตัวก็ไม่ได้ห่างหายไปเลยทีเดียว เนื่องจากเป็นคนชอบคิดและทำงานสร้างสรรค์โดยเฉพาะด้านแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ ผลงานใหญ่ระดับอินเตอร์ที่ไปทำมาในฐานะผู้ออกแบบและกำกับอีเวนต์มืออาชีพก็คือการควบคุมและกำกับโชว์ครั้งใหญ่ของชาแนลที่ฮ่องกง ซึ่งเป็นงานดินเนอร์และเอ็กส์ซิบิชั่นเครื่องประดับชั้นสูง (High Jewelry) พร้อมบริหารการซื้อสินค้าของลูกค้าระดับมหาเศรษฐีของเอเชีย โดยทำงานร่วมกับทีมจากสำนักงานใหญ่ของชาแนล ฝรั่งเศส นอกจากนั้นยังได้รับเชิญไปเป็นผู้กำกับงานแฟชั่นโชว์เวทียาวที่สุดในโลกบันทึกลงกินเนสต์บุ๊ค ครั้งที่ 3 ที่ฮ่องกง ซึ่งโชคดีที่เมื่อครั้งงานนี้จัดขึ้นที่ประเทศไทยครั้งแรกก็ได้เป็นผู้กำกับ ทำให้ตอนนี้มีผลงานในระดับเวิร์ล เรคคอร์ด 3 ครั้ง รวมที่ทำงานโชว์บนกำแพงเมืองจีนเป็นครั้งแรกของโลกให้รัฐบาลจีนด้วย”

นอกจากนั้นในช่วงสิบปีที่ผ่านมา เทพรัตน์ สงเคราะห์ ยังผันตัวไปเป็นนักอภิปรัชญา นักเขียน โดยมีผลงานเขียนเบสต์เซลเลอร์แนวอภิปรัชญาและสร้างพลังใจหลายเล่ม โดยได้รับเลือกจากกองบรรณาธิการนิตยสารเปรียวให้เป็น 1 ใน 10 อัจฉริยะของประเทศในฐานะนักคิดและนักเขียน และยังเป็นที่ปรึกษาด้านสื่อสารการตลาด โดยคิดค้นทฤษฎีใหม่ทางการตลาด ‘จิตวิญญาณการตลาด – Mentality Marketing(TM)’ และอาจารย์พิเศษที่สร้างหลักสูตรประจำด้านพัฒนาศักยภาพจิตใจบุคลากรให้องค์กรระดับโลก เช่น เอสซีจี และอีกหลายๆ องค์กร ก่อนที่จะมาขมวดรวมตกผลึกองค์ความรู้ทั้งหมดที่มีและก้าวสู่เวทีแข่งขันในธุรกิจประชาสัมพันธ์และสื่อสารการตลาดอีกครั้ง

“จุดเด่นของ โมด อิมเมจ คือเราเป็นบริษัทขนาดกลางที่มีความคล่องตัวในการทำงานสูง เนื่องจากเราไม่มีระบบเออี แต่เราใช้ซีเนียร์ในการประสานงานกับลูกค้าและผมตัดสินใจโดยตรงเพียงสองขั้นตอน และมีเครือข่ายสุดยอดมืออาชีพในทุกสาขา เรามีจุดเด่นด้านแผนกลยุทธ์สร้างสรรค์ ด้วยองค์ความรู้เฉพาะด้านการสื่อสารการตลาดมหภาค(ภาคอุตสาหกรรม) ที่เกิดจากประสบการณ์ทำงานภาครัฐ 25 ปี ผสานรวมกับหลักการด้านการตลาดที่เราคิดค้นมาจากรากเหง้าของจิตใจคน รากฐานของสังคม และความจริงแท้ในการดำเนินอยู่ของสรรพสิ่ง เป็นปรัชญาที่ได้นำมาประยุกต์เป็นหลักการที่เรียบง่ายและนำมาใช้ได้อย่างเกิดผลจริง นั่นทำให้ตั้งแต่เมื่อ โมด อิมเมจ เปิดตัวใหม่ครั้งแรกเมื่อปลายปีที่ผ่านมาเราก็ประมูลงานใหญ่ของรัฐบาลได้ถึง 6 งาน จาก 9 งาน อาทิ งาน Made in Thailand งาน Thailand Innovation and Design Expo งาน Organic and Natural Expo และงาน THAIFEX World of Food Asia ที่ในปีนี้เราก็ชนะประมูลอีกเป็นปีที่สอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติ โดยมีทั้งส่วนวางกลยุทธ์และดำเนินการประชาสัมพันธ์ และส่วนการบริหารงานแสดงสินค้าและก่อสร้าง(เทิร์นคีย์) ส่วนภาคเอกชนยังคงเลือกรับงานเฉพาะลูกค้ารายสำคัญ เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเราได้เป็นผู้จัดงานเลี้ยงครั้งใหญ่ของเครือแกรนด์ ไฮแอท สำนักงานใหญ่ และงานเปิดตัวร้าน Van Cleef & Arpels จิวเวลรีแบรนด์อันดับสามของโลกครั้งแรกในเมืองไทย สิ่งที่ผมคาดหวังคือการทำงานที่ปราศจากการแทรกแซงของการเมืองเหมือนในช่วงนี้ ซึ่งจะทำให้เราสร้างสรรค์งานได้อย่างมีความสุขและสร้างผลงานที่ก่อประโยชน์ให้ชาติอย่างเต็มประสิทธิภาพ ดังปรัชญาของบริษัทที่ว่า ‘เราดำเนินธุรกิจด้วยผลงานที่สร้างประโยชน์สุขต่อผู้อื่นและสังคม’ โดยในปีนี้ตั้งเป้าบิลลิ่ง 100 ล้าน และ 200 ล้าน ในอีกสามปีข้างหน้า เพื่อขึ้นเป็นบริษัทประชาสัมพันธ์และสื่อสารการตลาดมหภาค(ภาคอุตสาหกรรม) อันดับหนึ่งของประเทศภายในปี 2561” เทพรัตน์ กล่าวในท้ายสุด