เป็นตำนานของแบรนด์กล้องระดับโลกอีกแบรนด์หนึ่งสำหรับ “Leica (ไลก้า)” ที่มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปี สาวกที่ชื่นชอบกล้องถ่ายรูป หรือนักสะสมคงจะรู้จักกันเป็นอย่างดีว่าไลก้าเป็นแบรนด์กล้องที่มีมีราคาที่ค่อนข้างสูง เพราะด้วยนวัตกรรม และกระบวนการผลิตเฉพาะตัว ทำให้การวางจุดยืนของไลก้าจึงอยู่ในระดับไฮเอนด์
ในประเทศไทยไลก้าได้เข้ามาทำตลาดได้ราว 5-6 ปีแล้ว แต่เป็นการจำหน่ายผ่านดีลเลอร์ ซึ่งได้เพิ่งหมดสัญญาไปไม่นาน ทางไลก้า คาเมร่าจากประเทศเยอรมันก็ได้มองหาพันธมิตรรายใหม่ แต่ไม่ใช่ผู้จำหน่ายสินค้าประเภท “กล้อง”เหมือนเคย แต่กลับเป็น บริษัท เอ-ลิส คอร์ปอเรท จำกัด ที่เป็นผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่น
เอ-ลิสฯ แต่เดิมอยู่ในธุรกิจด้านรีเทลแฟชั่นมากว่า 10 ปีแล้ว มีแบรนด์ในมืออยู่ 7 แบรนด์ เป็นแบรนด์ในระดับไฮเอนด์ และลักชัวรี่ทั้งสิ้น แบ่งเป็นแบรนด์ของตัวเอง 4 แบรนด์ อย่าง Boudoir by Disaya, Disaya , Something Boudoir , The Only Son และแบรนด์นำเข้าอีก 3 แบรนด์ ได้แก่ Chloe, Jimmy Choo และ Valentino เพราะฉะนั้นในการทำตลาดไลก้าครั้งนี้จึงเป็นการแตกไลน์มายังสินค้าเป็นครั้งแรก
เนื่องจาก การขยับเข้าสู่ตลาดครั้งนี้ ไลก้าต้องการ “ฉีก” จาก รูปแบบการทำตลาดจากการขายกล้องแบบเดิมให้เป็นการขายในรูปแบบของ “สินค้าลักชัวรี่” เน้นความหรูหรา ต้องหาช่องทางใหม่ และมาลงตัวที่ เอ-ลิสฯ ที่ก็ต้องแตกไลน์ขายสินค้าไลฟ์สไตล์ด้วยเช่นกัน
ในการร่วมมือครั้งนี้ ทั้งคู่ได้มีการจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาเป็น บริษัท ไลก้า ไทยแลนด์ จำกัด เป็นการลงทุนกันคนละครึ่งของทั้ง บริษัท เอ-ลิส คอร์ปอเรท จำกัด และ ไลก้า คาเมร่า ซึ่งเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับสิทธิ์ในลักษณะนี้
สำหรับแบรนด์ไลก้า นอกจากจะเป็นความชอบส่วนตัวของ “ดนัย สรไกรไกรกิติกูล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ-ลิส คอร์ปอเรท จำกัด ที่ได้สะสมเลนส์ไลก้ามากว่า 10 ปีแล้ว ดนัยยังมองถึงโอกาสของแบรนด์นี้ว่ายังมีอีกมาก เนื่องจากลูกค้าไลก้าในประเทศไทยมีอยู่พอสมควร และเป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ รวมถึงปัจจุบันคนรุ่นใหม่ชื่นชอบสินค้าที่มีประวัติ มีตำนาน ที่สามารถสะท้อนตัวตนของผู้ใช้ได้
กลยุทธ์ในการทำตลาดไลก้าในประเทศไทย ดนัยบอกว่าเน้นการเข้าหากลุ่มผู้ใช้โดยตรงในการสร้างเอ็นเกจเมนต์ผ่านช่องทางไลก้า สโตร์ที่ศูนย์การค้าเกษรพลาซ่า ซึ่งอยู่ในโซนแฟชั่น และสร้างคอมมูนิตี้ของคนชื่นชอบแบรนด์ไลก้า มีการจัดเวิร์กชอป รวมถึงจัดนิทรรศการผลงานของช่างภาพที่ใช้กล้องไลก้า ใช้งบการตลาดในปีแรก 10 ล้านบาท
มีแผนในการขยายสาขาเพิ่มเติมอีก 2-3 สาขาภายใน 2 ปี แต่ในปีนี้มีแฟล็กชิพสโตร์ที่เกษรพลาซ่าสาขาเดียว แต่จะมีโมเดลป็อปอัพ สโตร์ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี และสยามดิสคัฟเวอรี่
และมีการตั้งเป้ารายได้ให้เติบโต 2 เท่า ภายใน 2 ปี จากปีที่แล้วที่มีรายได้ 200 ล้านบาท ที่มีการจำหน่ายผ่านดีลเลอร์