หลังจากที่หัวเว่ยได้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมา 19 ปีแล้ว และได้ก่อตั้งสำนักงานใหญในไทยเมื่อปี พ.ศ. 2542 ซึ่งตลาดในประเทศไทยถือว่าสร้างรายได้อันดับต้นๆ ของหัวเว่ยเลยทีเดียว ในช่วง 5 ปีนี้ในประเทศไทยสามารถสร้างรายได้ 660 ล้านเหรียญสหรัฐ จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่หัวเว่ยมองตลาดประเทศไทยสำคัญอีกตลาดหนึ่ง
ทำให้ในปีนี้หัวเว่ยได้ตัดสินใจเปิดสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขึ้นที่ประเทศไทยเสียเลย ตั้งอยู่ที่อาคารจีพีเอฟ วิทยุ ทาวเวอร์ บี ชั้น 10-13 มีพื้นที่รวม 4,380 ตารางเมตร ใช้งบลงทุน 12 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในสำนักงานใหญ่ได้ประกอบด้วยศูนย์นวัตกรรมโซลูชั่น และการเรียนรู้ และศูนย์ฝึกอบรมแห่งใหม่
แต่สาเหตุที่หัวเว่ยได้เลือกประเทศไทยเป็นยุทธศาสตร์หลักของภูมิภาค นอกจากเรื่องรายได้แล้ว ยังมีเรื่องทำเลที่ตั้งที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค รวมไปถึงนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลที่มีการสนับสนุนให้บริษัทข้ามชาติมาเปิดสำนักงานในไทย โดยที่จะมีสิทธิ์พิเศษให้อย่างเช่นเรื่องภาษี เป็นต้น
โดยที่การบริหารงานมีการแยกกันชัดเจนระหว่างของหัวเว่ย ประเทศไทย และในระดับภูมิภาค มีการดูแลครอบคลุม 12 ประเทศไทย ได้แก่ ไทย, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, พม่า, บังกลาเทศ, ศรีลังกา, ไต้หวัน, ฮ่องกง, มาเก๊า ลาว, กัมพูชา และเนปาล
เดวิด ซุน ประธานบริหาร หัวเว่ยเทคโนโลยี่ประจำภูมิภาพเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “หัวเว่ยทำตลาดในประเทศไทยมายาวนาน ต้องมองหาอะไรใหม่บ้าง ในปีนี้มีความพร้อมในหลายๆ อย่าง ทั้งในประเทศไทยตอนนี้สถานการณ์การเมืองก็นิ่งขึ้น เศรษฐกิจก็ดีขึ้น พร้อมทั้งเรื่องนโยบายของทางภาครัฐที่สนุบสนุนเรื่องไอซีทีชัดเจน ทำให้มีโอกาสอย่างมากในประเทศไทย”
ปัจจุบันมีจำนวนพนักงานในส่วนของสำนักงานใหญ่มีอยู่ราว 1,200 คน และพนักงานในส่วนของภูมิภาค 535 คน