หลังกลับมาสู่ตลาดสมาร์ทโฟนจีนด้วย Huawei Mate 60 เรือธงรุ่นแรกที่รองรับ 5G แถมใช้ชิปขนาด 7 นาโนเมตรของตัวเอง และปีนี้ Huawei ได้เปิดตัวเรือธงรุ่นใหม่ Mate 70 ซีรีส์ ที่ทำงานบน HarmonyOS NEXT ระบบปฏิบัติการมือถือที่พัฒนาขึ้นเองเต็มรูปแบบรุ่นแรกของบริษัท
หัวเว่ย (Huawei) ได้เปิดตัวซีรีส์ Mate 70 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดที่เป็นรุ่นต่อจาก Mate 60 ซึ่งถือเป็นรุ่นที่ส่งแรงกระเพิ่มในตลาดจีนอย่างมาก รวมถึงยังตอกกลับ สหรัฐฯ ที่จำกัดการเข้าถึงชิป ด้วยการเป็นรุ่นแรกที่รองรับ 5G ด้วยชิปขนาด 7 นาโนเมตรที่พัฒนาเองในประเทศ
และอย่างที่หลายคนรู้ว่าหัวเว่ย ถูกแบนจากการทำธุรกิจกับบริษัทสหรัฐฯ ทำให้หัวเว่ยไม่สามารถใช้งานระบบปฏิบัติการ Android ของ Google ตั้งแต่ปี 2019 ทําให้ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีนต้องพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเองซึ่งก็คือ HarmonyOS
อย่างไรก็ตาม ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS เวอร์ชันแรก ๆ ของบริษัทสร้างขึ้นยังคงรองรับระบบปฏิบัติการ Android อยู่ แต่ Huawei Mate 70 ซีรีส์นี้ จะทํางานบน HarmonyOS NEXT ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการมือถือที่พัฒนาขึ้นเองเต็มรูปแบบตัวแรกของบริษัท
โดยหัวเว่ยตั้งเป้าจะเลิกใช้ระบบปฏิบัติการ Android อย่างสมบูรณ์ภายในปี 2569 และในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หัวเว่ยจะอัปเกรดซอฟต์แวร์ให้สินค้ารุ่นเก่าบางรุ่นให้ใช้ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS NEXT ใหม่นี้ ซึ่งการที่หัวเว่ยจะเลิกพึ่งพาระบบปฏิบัติการ Android ถือเป็นการแสดงให้เห็นว่า ไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีสหรัฐฯ
สำหรับ Mate 70 ซีรีส์ จะมีหน่วยประมวลผลที่ได้รับการยกระดับ ซึ่งดำเนินการด้วยระบบปฏิบัติการ HarmonyOS Next ของหัวเว่ยเอง ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพขึ้น 40% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน โดย Mate 70 ซีรีส์จะมีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่
- Mate 70 (เริ่มต้น 5,499 หยวน หรือราว 26,300 บาท)
- Mate 70 Pro (เริ่มต้น 6,499 หยวน หรือประมาณ 31,000 บาท)
- Mate 70 Pro+ (เริ่มต้น 8499 หยวน หรือประมาณ 40,700 บาท)
นอกจากนี้ หัวเว่ยยังเปิดตัว Mate X6 สมาร์ทโฟนจอพับ ราคาเริ่มต้นที่ 12,999 หยวน หรือราว 62,159 บาท
โดยหลังจากเปิดให้จอง Mate 70 ซีรีส์ ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา สามารถทำยอดจองได้ถึง 3 ล้านเครื่อง อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงยอดจองเท่านั้น ไม่ใช่ยอดขาย ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา หัวเว่ยอยู่ อันดับ 3 ตามหลัง Apple ที่อยู่อันดับ 2 ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 15.3% โดยการจัดส่งสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยเพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบเป็นรายปี ตามข้อมูล IDC