หุ้นแอปเปิล (Apple) ดิ่งเหว ต่ำกว่า 91 เหรียญสหรัฐเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี โดยส่วนหนึ่งคาดว่ามาจากบริษัทซัปพลายเออร์ของแอปเปิลในไต้หวันออกมาเผยว่า บริษัทอาจมีผลประกอบการที่ไม่ค่อยดีนักในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้นั่นเอง
สำหรับที่มาของข่าวที่ทำให้หุ้นแอปเปิลร่วงกระฉูดนี้มาจาก Nikkei Asian Review ซึ่งได้อ้างอิงแหล่งข่าวใกล้ชิดของบริษัทผู้ผลิตชิปจากไต้หวันอย่าง TSMC และเป็นซัปพลายเออร์รายใหญ่ให้แอปเปิลออกมาเปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ บริษัทได้รับคำสั่งซื้อชิปจากแอปเปิลเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่อีกแหล่งข่าวอ้างว่า ยอดการสั่งซื้อชิป A10 จากแอปเปิลในช่วงเดือนมิถุนายน-ธันวาคมปีนี้จะหดตัวราว 70-80% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าเลยทีเดียว
โดย TSMC เป็นซัปพลายเออร์ชิปรายใหญ่ของโลก และครองส่วนแบ่งมากกว่า 55 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจากรายได้มหาศาลนี้ แอปเปิล คือ ลูกค้ารายใหญ่ที่สามารถทำรายได้ให้บริษัทถึง 16 เปอร์เซ็นต์ของรายได้รวม
การออกมาคาดการณ์ตัวเลขรายได้ที่ลดลงของ TSMC ในช่วงครึ่งปีหลังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่กำลังเกิดต่อลูกค้ารายใหญ่ของ TSMC อย่างแอปเปิลได้เป็นอย่างดี แม้นักลงทุนบางรายจะมองโลกในแง่ดีว่า ยอดขายไอโฟน 7 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดของบริษัทอาจเข้ามาช่วยกอบกู้สถานการณ์ให้ดีขึ้น แต่จากยอดการสั่งซื้อชิปที่น้อยลงนี้ก็อาจคาดการณ์ได้ว่า ไอโฟน 7 ก็อาจประสบปัญหาด้านยอดขายไปด้วยเช่นกัน
นาทีนี้สำหรับนักลงทุน และแอปเปิลจึงไม่ได้อยู่ที่การออกมาแถลงแก้ข่าว หรือจุดกระแสใหม่แบบวันต่อวัน เพราะตลาดหุ้นวอลล์ สตรีทให้ความสำคัญต่อการ “เติบโต” ขององค์กรมากกว่า ซึ่งในขณะนี้ แม้ว่าแอปเปิลจะมีกำไรนับหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่ากำไรของเฟซบุ๊ก (Facebook) เป็น 2 เท่า แต่สำหรับวอลล์ สตรีทแล้ว แอปเปิลต้นนี้ได้หยุดการเจริญเติบโตในสายตาของนักลงทุนไปแล้วเรียบร้อยนั่นเอง
ที่มา: http://manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000048168