ด้วยอายุของรายการที่ผ่านมาถึง 84 ปี ถ้าเปรียบกับอายุคนเวทีประกวดนางสาวไทยเข้าสู่วัยชรา และหากเปรียบเป็น “แบรนด์” ก็จัดเป็นแบรนด์เก่าแก่ที่อยู่คู่กับเมืองไทยมานาน
เมื่อเวลาเปลี่ยนไม่ว่าจะมีรายการประกวดสาวงามเกิดขึ้นใหม่อีกหลายรายการที่เข้ามาเป็นคู่แข่งแล้ว ทำให้มีตัวเลือกในการรับชมไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมของคนดูก็เปลี่ยนไป
ล้วนแต่เป็นโจทย์ท้าทายให้กับบริษัทอินเด็กซ์ครีเอทีฟวิลเลจ ผู้ที่ได้รับมอบจากสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย ให้มาเป็นผู้ดำเนินการประกวดนางสาวไทยปี 2559 ที่ต้องชุบชีวิตให้เวทีนางสาวไทยซึ่งห่างหายจากความสนใจของคนดูมานาน ให้ทันกับยุคสมัยอยู่ในสปอร์ตไลท์อีกครั้ง
ทำให้อินเด็กซ์จึงกลับไปขบคิดจนออกมาเป็นรูปแบบของรายการแบบ “เรียลลิตี้โขว์” แทนที่จะเป็นเวทีประกวดแบบเดิมๆ
เนื่องจากรูปแบบรายการที่ออกอากาศต่อเนื่อง 8 สัปดาห์จะช่วยทำให้คนดูได้รู้จักกับผู้ประกวดมากขึ้น แทนที่จะออกอากาศสดครั้งเดียววันตัดสินผลประกวดเหมือนอย่างที่ผ่านมา ทำให้คนดูแทบไม่รู้จักว่าเป็นนางสาวไทย
รายการแบบเรียลลิตี้โขว์นอกจากจะทำให้คนดูคอยตามดูตามเชียร์ คุ้นเคยสัมผัสกับตัวตนของผู้เข้าประกวด ยังทำให้รายการมีสีสันด้วยการให้ผู้เข้าประกวดต้องพิสูจน์ความสามารถภายใต้คอนเซ็ปต์ “Challenge Your Limits” กับ 8 Challenge + 1 Final Round
แทนที่นางสาวไทยจะต้องจัดกิจกรรมในแนวรักเด็ก หรือไปไหว้พระอย่างที่เคยทำมาตลอดหลายปี ก็เปลี่ยนมาตัดสินกันที่ความรู้ความสามารถซึ่งสามารถขยายผลได้ในอนาคต
ยกตัวอย่าง การให้สวมบทบาทของผู้ประกาศข่าวซึ่งจะมีผู้สื่อข่าวหรือผู้ประกาศข่าวจากช่อง 7 มาสอนเทคนิค หรือการสวมบทนางเอกช่อง 7 ที่จะต้องเน้นแอ็กชั่น
ด้วยคอนเซ็ปต์ของรายการในลักษณะนี้ จะทำให้เส้นทางของนางสาวไทยไม่จบอยู่แค่การเดินสายออกอีเวนต์ขึ้นเวทียืนยิ้มสวยๆ เท่านั้น แต่สร้าง “แวลลูเชน” ให้กับผู้เข้าประกวดสามารถต่อยอดไปเป็นนักแสดงหรือพิธีกรข่าว ไม่ต่างจากการปั้นนักร้องนักแสดงจากรายการ “เรียลลิตี้”
เมื่อเส้นทางของนางสาวไทยไม่ได้ไปสู่การขึ้นเวทีประกวดในต่างประเทศอีกต่อไป คุณสมบัติของผู้เข้าประกวดจึงถูกปรับให้เหมาะสม แทนที่จะต้องสูงถึง 170-180 ซม. ก็ลดลงเหลือแค่ 160 ซม.จะทำให้มีผู้ที่สามารถเข้ามาประกวดได้มากขึ้น
อินเด็กซ์เองก็สามารถขยายผลกลายเป็น “อาร์ตทิสแมเนจเมนต์” ทำหน้าที่บริหารจัดการนักแสดงหรือพิธีกรให้กับช่อง 7
ช่อง 7 เองยอมให้เวลากับ “เวทีประกวดนางสาวไทย” ให้กลับมาออกอากาศได้อีกครั้งหลังจากที่ไปออกอากาศที่ช่อง 9 มานานหลายปีนอกจากจะมาออกอากาศในช่วงเวลาเดิมที่เคยเป็นเวลาของรายการ “ชิงร้อยชิงล้าน” ที่ออกอากาศทุกคืนวันพุธ ซึ่งเมื่อเวิร์คพอยท์ถอนรายการไปออกช่องของตัวเองช่อง 7 ก็ยังไม่มีรายการอื่นมาแทน
นอกจากนี้ ทุกวันนี้ช่อง 7 ต้องแข่งขันกับช่องอื่นๆ หลังจากมีดิจิทัลทีวีเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งรายการนี้ยังช่วยให้ช่อง 7 ได้มีเวทีในการเลือกเฟ้นนักแสดงและพิธีกรข่าวมาป้อนให้กับทางช่องด้วย