“เสี่ยใหญ่” เผย 10 ไฮไลท์ “สหพัฒน์” ปี 59 ลุยธุรกิจอาหาร-ร่วมทุนต่างประเทศ

นานๆ จะออกงานมาพบเจอกับผู้สื่อข่าว แต่สำหรับงานสหกรุ๊ปแฟร์ ที่แม้จะวางมือให้กับ บุญเกียรติ โชควัฒนา ประธานกรรมการบริษัทและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) นั่งเป็นประธานจัดงานมาหลายปีแล้วก็ตาม แต่เสี่ยใหญ่” บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ ไม่เคยพลาดที่จะมาร่วมงาน

สหกรุ๊ปแฟร์ ถือเป็นบิ๊กอีเวนต์” ของกลุ่มสหพัฒน์จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในปีนี้ได้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 20 แล้ว ภายในงานได้ขนสินค้าในเครือมาจำหน่ายในราคาพิเศษ ในปี 2558 ที่ผ่านมาได้มีผู้เข้าร่วมงาน 1 ล้านคน และมีเงินสะพัด 300 ล้านบาท ในปีนี้ได้ตั้งเป้าเพิ่มผู้เข้าร่วมงาน เพราะมีการเพิ่มไฮไลท์ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ให้ช้อปออนไลน์ ผ่านอีคอมเมิร์ซเป็นครั้งแรก

web_s1

ที่สำคัญ “เสี่ยใหญ่” บุณยสิทธิ์ ยังได้บอกถึงทิศทางของสหพัฒน์ในปี 2559 มีไฮไลท์ที่น่าสนใจ 10 ข้อด้วยกัน

  1. กลุ่มธุรกิจ “อาหาร” เป็นกลุ่มพระเอกในปีนี้ที่ทางสหพัฒน์จะผลักดันเป็นพิเศษ เพราะมีการเติบโตมากกว่ากลุ่มอื่น ในขณะที่กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย และสินค้าลักซัวรี่มีการเติบโตลดลงมากที่สุด
  2. สาเหตุที่ไฮไลท์กลุ่มธุรกิจอาหาร เพราะผู้บริโภคต้องทานทุกวัน รวมทั้งชาวต่างชาติก็ชอบอาหารไทย ทำให้มีโอกาสเติบโตอยู่
  3. ในปีนี้ไม่มีธุรกิจตัวไหนต้องยกเลิก เพราะได้ผ่านจุดที่เติบโตน้อยที่สุดมาตั้งแต่ปีก่อนแล้ว
  4. มีการลงทุนเพิ่ม ในลักษณะของการร่วมทุนกับต่างประเทศหลายโครงการ จากเดิมที่ส่วนใหญ่จะร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่น ในปีนี้มีการร่วมมือกับประเทศมาเลเซีย และประเทศเมียนมาในการขยายธุรกิจต่างๆ
  • บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชนได้เซ็นสัญญากับ Japanese Ramen ประเทศญี่ปุ่นเพื่อดำเนินกิจการร้านราเมง
  • บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เซ็นสัญญากับ MayFlower Group ประเทศมาเลเซียเพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการทัวร์ที่มีความหลากหลายและครบวงจร
  • เครือสหพัฒน์ เซ็นสัญญากับ World Co.,Ltd ก่อตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อว่า World Saha Fashion
  • บริษัท ไทยอรุซ จำกัด เซ็นสัญญากับ MK GROUP ก่อตั้งบริษัท Arusu Myanmar ขยายธุรกิจทางด้านการออกแบบตกแต่งไปยังประเทศเมียนมา 

5. เหตุผลที่มีการร่วมทุนกับต่างประเทศมากขึ้น เพราะต้องการอาศัย Know How จากต่างชาติทั้งในเรื่องการค้าและตลาด มาผสมกับศักยภาพของประเทศไทย
6. ลงทุนที่เขตเศรษฐกิจพิเศษที่อำเภอแม่สอด จ.ตาก ลงทุนทำโรงงานและผลิตสินค้าในกลุ่มธุรกิจสิ่งทอและพลาสติก ที่เลือกทำเลนี้เพราะได้ใช้แรงงานพม่าได้
7. มีการใช้ดิจิทัลมากขึ้นทั้งในเรื่องอีคอมเมิร์ซผ่านเว็บไซต์ ethailandbest.com และนำเทคโนโลยีร้านค้าเสมือนจริง QR Code มาใช้ซื้อขายในงานสหกรุ๊ปแฟร์ เพื่อเชื่อมไปซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์
8. ภายในงานสหกรุ๊ปแฟร์ยังมีร้านค้าเสมือนจริง 3D (Virtual Augmented Reality Store) จำลองห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อเพื่อสร้างประสบการณ์ซื้อเสมือนจริง ถือเป็นการทดลองไปในตัว หากได้รับผลดี อาจนำมาใช้ในอนาคต
9. การลงทุนต่างๆ ไม่มากกว่าปีที่แล้ว แต่จะลงทุนอย่างระมัดระวังมากขึ้น เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนเร็ว และอาจจะมีปัจจัยอื่นๆ อย่างภัยธรรมชาติ หรือเรื่องการเมืองที่อาจะคาดไม่ถึง
10. ตั้งเป้าภาพรวมรายได้เติบโต 5-6%