ทิศทางของตลาดค้าปลีกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพราะด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปเช่นกัน ทำให้ในการผุดห้างค้าปลีกสักห้างจำเป็นต้องมีคอนเซ็ปต์ที่แตกต่าง เพื่อดึงดูดผู้บริโภค
ในช่วงหลัง “เซ็นทรัล” จึงได้สร้างคอนเซ็ปต์ให้ศูนย์การค้าในแต่ละแห่งแต่ละทำเลและเน้นความพรีเมียมมากขึ้นด้วยปัจจัยจากประชากรกลุ่มคนชั้นกลางมีมากขึ้นและถึงแม้เศรษฐกิจไม่ดีกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อก็ไม่กระทบเท่าไร
เซ็นทรัลได้ปั้นโมเดลที่เรียกว่าคอลเลกชั่น “ลักชัวรี่” ขึ้นมาในการบุกตลาดห้างสรรพสินค้าระดับลักชัวรี่ที่ต้องมีทั้งดีไซน์หรูทำเลอยู่ใจกลางเมืองแล้วห้างที่มีอายุยาวนานก็อยู่ในเครือด้วยในประเทศไทยมีเซ็นทรัลเอ็มบาสซี่และเซ็นทรัลชิดลม
แต่ว่าในประเทศไทยตลาดลักชัวรี่ไม่ค่อยมีการเติบโตมากนัก เนื่องจากคนไทยนิยมไปช้อปปิ้งต่างประเทศ เพราะเรื่องค่าเงินและภาษีนำเข้า และปัจจุบันคนไทยก็ท่องเที่ยวมากขึ้น มีสายการบินโลว์คอส ทำให้เซ็นทรัลต้องไปบุก “ยุโรป“
เซ็นทรัลได้เริ่มทำการซื้อกิจการห้างสรรพสินค้าสำคัญๆ ในยุโรปตั้งแต่ปี 2011 เริ่มจาก La Rinascente ประเทศอิตาลี มีทั้งหมด 11 สาขา และได้ทำการปรับปรุงแต่ละสาขามาโดยตลอด แต่สาขาที่เป็นแฟลกชิพอยู่ที่มิลาน และโรม ที่จะเปิดในปี 2017
ในยุโรปเซ็นทรัลยังมีอีก 2 แบรนด์ก็คือ ILLUM มี 1 สาขา ประเทศเด็นมาร์ก และ KaDeWe Group มี 3 สาขา ประเทศเยอรมัน แต่ว่าแต่ละเมืองจะมีชื่อเรียกต่างกันไป ได้แก่ Alsterhaus ตั้งอยู่ที่เมือง Hamburg และ Oberpollinger ตั้งอยู่ที่เมือง Munich
สาเหตุที่เซ็นทรัลเลือกยุโรปในการปั้นคอลเลกชั่นลักชัวรี่ เพราะว่ายุโรปเป็นเดสติเนชั่นของนักท่องเที่ยวทั่วโลก และตลาดลักชัวรี่ในหลายๆ ธุรกิจก็มีการเติบโตทั้งอสังหาริมทรัพย์, รถยนต์และศิลปะ
ในปี 2014 มีนักท่องเที่ยว 590 ล้านคนไปท่องเที่ยวยุโรป และคาดการณ์ว่าในปี 2030 จะมีนักท่องเที่ยว 750 ล้านคน
สำหรับการลงทุนห้างสรรพสินค้าในยุโรป เซ็นทรัลได้ลงทุนรวม 40,000 ล้านบาท และจะมีการลงทุนเพิ่มอีก 10,000 ล้านบาท ภายในปี 2020 ส่วนใหญ่เป็นในการปรับปรุง และรีโนเวต
ในปีนี้ได้ตั้งเป้ารายได้จากห้างในยุโรป 1,300 ล้านยูโร และให้แตะ 2,000 ล้านยูโรในปี 2020 มีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 20%
ภาพรวมของธุรกิจในกลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้าตั้งเป้ารายได้ 120,000 ล้านบาท ส่วนปี 2020 ตั้งเป้ารายได้ 180,000 ล้านบาท และแบ่งสัดส่วนรายได้จากห้างในประเทศไทย 60% และจากยุโรป 40%