ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ หรือช้อปออนไลน์ กลายเป็นธุรกิจที่ผู้เล่นค้าปลีกในตลาดต่างลงมาจับจองพื้นที่กันอย่างเหนียวแน่น เพราะด้วยเทรนด์ของการใช้อินเทอร์เน็ตในยุคดิจิทัล ที่ทำให้ทุกสิ่งอย่างอยู่บนโลกออนไลน์ ในประเทศไทยเองก็เห็นเทรนด์นี้มาสักพักใหญ่แล้ว
ตลาดในประเทศไทยเองมีทั้งผู้เล่นอีคอมเมิร์ซรายใหญ่จากต่างประเทศเข้ามาลงทุน และผู้เล่นในตลาดค้าปลีกก็ลงมาจับตลาดช้อปออนไลน์เช่นกัน เพื่อผนวกการขายระหว่างออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกัน
เทสโก้ โลตัสได้เริ่มชิมลางช้อปออนไลน์ตั้งแต่ปี 2556 แล้ว แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของเทสโก้ โลตัสแบ่งออกเป็น 2 ช่องทางด้วยกัน คือ เว็บไซต์ Tesco Lotus Shop Online มีสินค้ากว่า 20,000 รายการ ทั้งอาหารสด และของใช้ต่างๆ
และอีกช่องทางเป็นร้านค้าบนเว็บไซต์ลาซาด้าที่ทางบริษัทแม่ได้เข้าไปถือหุ้น มีสินค้าจำหน่าย 9,000 รายการ เป็นสินค้านอนฟู้ด เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ช่องทางเว็บไซต์ลาซาด้าเพิ่งมีการทำตลาดราว 1 ปีครึ่ง เพื่อเป็นการเจาะตลาดเข้าสู่ต่างจังหวัด ซึ่งรายได้จากช่องทางนี้ 65% มาจากต่างจังหวัด
วิวัฒนาการในการปั้นแพลตฟอร์มช้อปออนไลน์ของเทสโก้ โลตัสได้เริ่มจากโจทย์ที่เป็นจุดอ่อนของอีคอมเมิร์ซในไทยก็คือเรื่อง “ความมั่นใจ” ของลูกค้า สาเหตุส่วนใหญ่ที่ลูกค้าไม่ช้อปออนไลน์เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัยในเรื่องสินค้า และการชำระเงิน
เทสโก้จึงมีการลงทุนอย่างหนักในช่วงแรกในการสร้างฐานลูกค้า มีการอัดโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อให้เกิดการลองใช้ครั้งแรก หลังจากนั้นทำให้มีลูกค้ากว่า 60% เกิดการซื้อซ้ำ หลังจากที่มีฐานลูกค้าก็เริ่มใช้ข้อมูลบิ๊กดาต้าของลูกค้าที่มีจากฐานคลับการ์ดในการทำการตลาดแบบ Personalize ซึ่งทำให้ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคมากขึ้น
อย่างล่าสุดก็ได้เพิ่มอีก 3 บริการเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ในการช้อปออนไลน์ สำหรับการสั่งสินค้า และเลือกบริการในการรับสินค้าได้ ซึ่งจากเทรนด์ของ “สตาร์ทอัพ” กำลังฮือฮาในไทย ทำให้เทสโก้จับมือกับพาร์ตเนอร์ที่เป็นสตาร์ทอัพในการเพิ่มบริการ ได้แก่
- บริการ ShopBox24 (เดิมคือซินไฉฮัว) ส่งสินค้าที่ตู้ล็อกเกอร์ที่ตั้งอยู่ในคอนโดมิเนียม 48 แห่ง
- บริการ Click & Collect เลือกรับสินค้าได้ที่สโตร์ 3 สาขา คือ พระรามสี่, ศรีนครินทร์ และหางดง จ.เชียงใหม่
- ส่งสินค้าทางมอเตอร์ไซต์ จับมือกับทาง Happy Fresh ในการจัดส่งสินค้าภายใน 2 ชั่วโมง
วรรณา สวัสดิกูล ประธานกรรมการบริหารฝ่ายธุรกิจออนไลน์ เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า “ตอนนี้สัดส่วนของอีคอมเมิร์ซในตลาดค้าปลีกรวมมีเพียงแค่ 3.8% เท่านั้น ในขณะที่ต่างประเทศมีราว 10-15% แล้ว แต่ก็ใช้เวลาในการสร้างพอสมควร ปัญหาหลักของธุรกิจนี้เป็นเรื่องการสร้างความมั่นใจในการใช้ เราก็ต้องลงทุนระบบหลังบ้านให้ดี เพิ่มบริการและนวัตกรรมให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค“
ในสมรภูมิอีคอมเมิร์ซที่ผู้เล่นค้าปลีกลงมาจับตลาดกันพร้อมกัน วรรณามองว่าก็เป็นการช่วยกระตุ้นตลาดได้ดี ช่วยกันสร้างมูลค่า โดยที่เทสโก้ได้วางจุดยืนเป็น Food Market Place Online ที่ชัดเจนในเรื่องอาหารสดที่ผู้เล่นอื่นในตลาดเล่นยาก เหมือนอย่างที่เทสโก้ที่ประเทศอังกฤษประสบความสำเร็จมาแล้ว ใช้เวลากว่า 10 ปี มีสัดส่วนรายได้จากออนไลน์ 15% ของรายได้รวม ในประเทศไทยก็หวังตัวเลขนี้เช่นกัน
ปัจจุบันรายได้จากออนไลน์ของเทสโก้มีอยู่ราว 1-3% เท่านั้น แต่เรื่องการเติบโตมากขึ้นทุกปี ตอนนี้มีลูกค้าหลักแสนราย ตั้งเป้าเพิ่มอีกเท่าตัวให้ได้ในปีนี้
