"ชิดชอบ" เชื้อ "ทักษิณ" คุมกระดานอำนาจ ผงาดทั้งทำเนียบ-รัฐสภา

ไม่มีเครือข่ายการเมืองใด ที่ตระกูล “ชิดชอบ” ไม่สังกัด โดยเฉพาะเครือข่ายความขัดแย้งทางการเมืองที่แหลมคม โดยเฉพาะเครือข่ายในสังกัดโครงสร้างอำนาจหลัก ทุกรูปแบบทั้งระบบใต้ดิน บนดิน ทั้งในสังกัดของฝ่ายบริหาร ที่มีรัฐมนตรีเครือข่ายมุ้ง “ชิดชอบ” เป็น “ตัวแทน” อยู่ถึง 4 คน กว้างขวางทั้งที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย ขยายไปถึงกระทรวงคมนาคม และลึกลงไปถึงกระทรวงศึกษาธิการ

ทั้งธีระชัย แสนแก้ว, สุพล ฟองงาม, ทรงศักดิ์ ทองศรี และพงศ์กร อรรณพพร นั้นมาจาก “โผ” ที่จัดให้โดย “ก๊กชิดชอบ”

จากนั้นผลัก “ชัย ชิดชอบ” ผงาดขึ้นเป็นผู้นำหมายเลข 1 ในสังกัดฝ่ายนิติบัญญัติในนามของ “ตัวจริง” บนบัลลังก์ “ประธานสภาผู้แทนราษฎร” คนที่ 24 ของประเทศไทย

นอกนี้ยังมีเครือข่ายอยู่สาย “ตุลาการ” อีกไม่ใช่น้อย เช่นเดียวกับเครือข่ายผลประโยชน์ระดับวีไอพีย่านสนามบินสุวรรณภูมิ

ไม่นับรวมเครือข่าย “สื่อ” ที่มีมุ้ง “ชิดชอบ” ไปพัวพันครอบคลุมถึงระดับ “มัลติมีเดีย”

เหนือสิ่งอื่นใด ไม่มีนักการเมืองคนไหนในพรรคพลังประชาชน จะไม่ยอมรับว่า “เนวิน ชิดชอบ” คือ “ทายาท” ทางการเมือง “ตัวจริง” ของ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร”

เพราะแม้ว่า “ส.ส.ในมือ” ของเครือข่ายชิดชอบ จาก จ.บุรีรัมย์ จะมีเพียง 7 คน จากทั้งหมด 10 คนทั้งจังหวัด

ทว่าการเข้าไปสร้างแนวร่วม ครอบคลุมเกาะกุมจิตใจเครือข่าย ส.ส. ภาคอื่นๆ ในพรรคนั้น “ก๊กชิดชอบ” ปฏิบัติการได้ “สมจริง”

ภายใต้ “มือจริง” ที่มาจาก ส.ส. ทั่วย่านอีสานเหนือถึงอีสานใต้ ซึ่งเตรียมพร้อมสนับสนุนทุกรูปแบบไม่ต่ำกว่า 50-60 มือ

ไม่นับรวมบรรดานักการเมืองระดับท้องถิ่น หัวคะแนน และเครือข่ายชาวบ้านร้านถิ่น ที่ยินยอมพร้อมใจร่วมรบกับ “ก๊กเนวิน” ทุกรูปแบบ ทั้งในนามของ “คาราวานคนจน” และแนวรบจรยุทธ์ในเมือง

ทำให้เครือข่าย “ชิดชอบ” ในกระดานอำนาจนับวันยิ่งทรงพลัง

ดังนั้น ทุกกระดานการเมือง ทุกความขัดแย้ง ทุกกลุ่มผลประโยชน์ ล้วนมีอำนาจของเครือข่าย “ชิดชอบ” เข้าไปสังกัด

แทบทุกโผการโยกย้าย ทั้งฝ่ายข้าราชการ ตำรวจ ทหาร พลเรือน ทั้งระดับจังหวัด ระดับภาค และระดับประเทศ ล้วนถูกกล่าวขวัญว่า เครือข่าย “ชิดชอบ” เข้าไปพัวพัน

แม้กระทั่ง “กรณีเขาพนมรุ้ง” ที่ลือลั่น ก็ยังเกี่ยวพันกับเครือข่ายของคนในตระกูล “ชิดชอบ”

สนามเลือกตั้ง จ.บุรีรัมย์ และถูกจับตามองว่าเป็นพื้นที่แดงเดือดสำหรับการเลือกตั้งทุกระดับโดยมี “ตระกูลชิดชอบ” เป็นตัวหลัก

ทุกๆ วันเสาร์-อาทิตย์ ที่บ้านไม่ต่ำกว่า 300 ไร่ ของตระกูล “ชิดชอบ” ใน จ.บุรีรัมย์ จะมีการชุมนุมหัวคะแนน นักการเมืองท้องถิ่นระดับ ส.จ. และ อบจ. คลาคล่ำ สนับสนุนบัลลังก์ “กรุณา ชิดชอบ”

การวางแผนการเลือกตั้ง การจัดการมวลชน การโฆษณา หาข่าว สร้างข่าว ล้วนเกิดจากปฏิบัติการบนบ้านหลังนี้

กิจการโรงโม่หินศิลาชัย คือกำลังธุรกิจที่สำคัญในการหล่อเลี้ยงเครือข่าย “ชิดชอบ” ผนวกกับธุรกิจโรงแรมของ “พ่อเลี้ยงใหญ่” จากตระกูล “สุภา” ในนาม “บริษัทเชียงใหม่ คอนสตรัคชั่น จำกัด” ยิ่งสามารถเพิ่มอำนาจวาสนาบารมีให้เบ่งบาน

ไม่มีอะไรหยุดเครือข่ายการเมือง “ชิดชอบ” ได้นอกจาก ผลของการการดำเนินคดี ปัญหาการครอบครองที่ดิน

การรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ของบริษัทศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) จำกัด ซึ่งเป็นของ ครอบครัว “ชิดชอบ” โดยตรง

ทว่าเมืองกระดานหกการเมืองเปลี่ยนข้างสลับขั้ว คดีนี้ก็ยังอยู่ในระหว่าง “ดำเนินการ” ไปอย่างเนิ่นช้ายิ่งกว่าช้า

บุตรชายกำนัน “ชัย” คนที่ 5 ที่ชื่อเนวิน ชิดชอบ วัย 50 ปี ที่ชื่อถูกสร้างขึ้นมาจาก ชื่อของนายพลเนวิน ผู้นำรัฐบาลเผด็จการทหาร ที่ปกครองประเทศพม่าในขณะนั้น กำลังบารมี “แก่กล้า”

แม้กระทั่ง “มังกรการเมือง” ระดับบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ยังกล้าๆ กลัวๆ ที่จะต่อกรด้วย ทั้งที่เป็นคนเคยอำนวยการให้เป็น “รัฐมนตรี” ครั้งแรกในชีวิต กลายเป็นคู่ขัดแย้งอย่างแหลมคมที่สุด

ตระกูล “ชิดชอบ” ที่เคยเป็นเจ้าของตำนาน “โขลงช้าง” มากกว่า 200 เชือกเมื่อ 50 ปีก่อน ผงาดขึ้นแทนทุกมุ้ง ทุกวัง ในพรรคพลังประชาชน

ด้วยต้นทุนทางการเมืองตระกูล “ชิดชอบ” ถูกขึ้นบัญชีตั้งแต่ยุคของจอมพลถนอม กิตติขจร ถึงยุคหลังสถานการณ์เดือนตุลาคม 2516 ผ่านยุคหลังสถานการณ์เดือนตุลาคม 2519 เข้าสู่ยุคประชาธิปไตยครึ่งใบของ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ต่อเนื่องถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์

สังกัดมาแล้วทั้งพรรค “ประชาธิปัตย์” พรรคสหประชาธิปไตย, พรรคสามัคคีธรรม, พรรคชาติไทย, พรรคเอกภาพ, พรรคไทยรักไทย และเป็นสมาชิกวุฒิสภา ในช่วงการเปลี่ยนจากระบอบทักษิณเป็นระบบรัฐประหาร

บางครั้งจึงสามารถกระทำการรุกรบ “แทน” วังจันทร์ส่องหล้าอย่างมีนัยสำคัญ

ตระกูลนักสู้กู้สิบทิศ วันนี้มีหัวหอกมีทั้ง “นายชัย ชิดชอบ” ดีกรีศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ผู้มีคร่ำหวอดวงการ เงินๆ ทองๆ ในกรรมาธิการงบประมาณมาชั่วชีวิต เก่าแก่ระดับเป็น ส.ส. สมัยแรก สมัยเดียวกันกับนายชวน หลีกภัย แห่งค่ายประชาธิปัตย์

ร่วมกับ “ตัวแทน” ในระดับฝ่ายบริหารในคณะรัฐมนตรี 4 คน ตามโควตาของ “เนวิน ชิดชอบ” ดีกรีระดับปฏิบัติธรรมที่ พุทธคยา ประเทศอินเดีย ปีละอย่างน้อย 2 ครั้ง

ร่วมกับเครือข่ายสัญลักษณ์สำคัญของนักการเมืองระดับสายตรง “ทักษิณ”

ร่วมกำหนดวาระการเมืองสำคัญ ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การต่อสู้คดียุบพรรค และการต่อกรกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

สปอตไลต์จึงต้องฉายส่องจ้องตลอดเวลาว่า “ญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ” จะถูกพลิกพลิ้วไปทาง ” สู้” หรือ “ถอย” ตามสไตล์นักการเมืองอิสราเอลที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษ
“โมเช่ ดายัน”

ทุกการต่อสู้ในสถานการณ์การเมืองที่ขัดแย้งรุนแรง แหลมคม ทุกระดับล้วนมีเครือข่ายจาก “ชิดชอบ” ร่วมอยู่ด้วย

เปิดกรุความมั่งคั่งตระกูล “ชิดชอบ”

นายเนวิน ชิดชอบ ยื่นบัญชีทรัพย์สินสมัยพ้นจากตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ ครบ 1 ปี เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2549 มีทรัพย์สิน 256,491,474 บาท หนี้สิน 115,742,497 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 140,748,977 บาท นางกรุณา ชิดชอบ ภริยา มีทรัพย์สินรวม 752,405,499 บาท

ขณะที่ “ชัย ชิดชอบ” ประธานสภาผู้แทนราษฎร พ่อของเนวิน ชิดชอบ มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 72,861,274 บาท แบ่งเป็น เงินสด 250,000 บาท เงินฝาก 27 บัญชี จำนวน 16,127,618 บาท เงินลงทุน 8,750,000 บาท ที่ดิน 12 แปลง จำนวน 10,173,656 บาท ซึ่งที่ส่วนใหญ่อยู่ใน อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ และ จ.สุรินทร์

รวมทั้งบ้าน 1 หลังราคา 31 ล้านบาท รถยนต์ 1 คัน มูลค่า 2 ล้านบาท

นอกจากนี้ ปู่ชัยยังมีทรัพย์สินอื่นๆ มูลค่ารวม 4,560,000 บาท ได้แก่ ช้าง 4 เชือก มูลค่า 4 แสนบาท อาวุธปืน 8 กระบอก มูลค่า 160,000 บาท พระเครื่อง 55 องค์ 3 ล้านบาท และงาช้าง 3 คู่ มูลค่าประมาณ 1 ล้านบาท

ส่วนนางละออง ชิดชอบ ภรรยาคู่ชีวิตของปู่ชัยวัย 79 ปี มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 78,126,975 บาท แบ่งเป็นเงินสด 250,000 บาท เงินฝาก 10 บัญชี 30,457,735 บาท เงินลงทุน 16,000,000บาท ที่ดิน 24 แปลง มูลค่า 27,939,240 บาท ซึ่งกว่า 20 แปลงเป็น น.ส. 3 ก และโฉนดที่ดิน อยู่ใน ต.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์

ขณะที่ทรัพย์สินอื่นๆ ของนางละออง ได้แก่ อัญมณี 37 รายการ มูลค่า 3 ล้านบาท และวัตถุโบราณ มูลค่า 4 แสนบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 3,480,000 บาท ที่น่าสนใจคือ ย่าละอองมีอาวุธปืน 2 กระบอก มูลค่า 8 หมื่นบาท

นอกจากนี้ ปู่ชัยและย่าละออง ยังมีธุรกิจโรงโม่หินและรับเหมาก่อสร้าง เล็กๆ 2 แห่งใน ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ. บุรีรัมย์ ได้แก่ “บจก.ศิลาชัยบุรีรัมย์ (1991)” จดทะเบียนก่อตั้งเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2534 ด้วยทุน 15 ล้านบาท ตั้งอยู่ ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ผลประกอบเฉพาะการปี 2549 มีรายได้ 27.3 ล้านบาท และ “หจก.ชัย ชิดชอบ” จดทะเบียนก่อตั้งวันที่ 15 พฤศจิกายน 2536 ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท