บรรหาร ศิลปอาชา ปลาไหล Never Die

บรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ถือเป็นนักการเมืองรุ่นใหญ่ลายครามที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในแวดวงการเมืองไทย เขาเล่นการเมืองมาครึ่งค่อนชีวิต ผ่านร้อนผ่านหนาวบนเส้นการเมืองมาอย่างโชกโชก จนได้รับฉายาว่าเป็น “มังกรการเมือง” หรือกระทั่งเป็น “หลงจู๊การเมือง”

ความละเอียดของหลงจู๊ กลายเป็นเรื่องเล่ากันว่า เพียงเดินผ่านสิ่งก่อสร้าง อดีต รมว. คมนาคมผู้นี้ แจกแจงได้หมดว่า เหล็กกี่ตัน หินทรายกี่คิว และค่าคอมมิชชั่น ควร 15% หรือ 20%

กล่าวกันว่า กราฟชีวิตของบรรหาร ผ่านมาแล้วทั้งช่วงที่รุ่งเรืองสุดขีดจนถึงช่วงที่ตกต่ำแบบสุดๆ บรรหารก็ประสบพบเจอมาหมดแล้ว

จากลูกจีนพ้นทะเล บรรหารสร้างฐานะเติบโตมาจากการทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ก่อนเข้าสู่เส้นทางการเมืองโดยการลงสมัคร ส.ส. กับพรรคชาติไทย ไต่เต้าสู่ตำแหน่งเลขาธิการพรรค สั่งสมบารมีจนเป็นรัฐมนตรีหลายสมัย

และในปี 2538 ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 21 ของประเทศไทย เป็นนายกฯ แห่งความภาคภูมิใจของคน จ.สุพรรณบุรี

พูดกันว่า พรรคชาติไทยก็คือพรรคบรรหาร ฉะนั้น คนนอกอย่างชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จึงต้องระเห็จออกจากพรรค

นั่นอาจเป็นเพราะบารมีและสไตล์การบริหารเฉพาะตัว ทำให้บทบาททิศทางของพรรคชาติไทยอยู่ในมือบรรหารแทบจะทั้งหมด

นอกจากนี้ บรรหาร มักเป็นตัวแปรทางการเมืองไทยที่สำคัญหลายครั้ง ที่เห็นชัดครั้งล่าสุดคือ ภาพแห่งการเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน หลังการเลือกตั้งเมื่อต้นธันวาคม 2550

หรือเมื่อครั้งที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศคว่ำบาตรการเลือกตั้ง เมื่อต้นปี 2549 ถนนทุกสายทั้งจากสายไทยรักไทย ประชาธิปัตย์ และสื่อทุกสำนักต่างพุ่งตรงไปที่ “บ้านจรัญสนิทวงศ์”

อย่างไรก็ตาม การเดินเกมเพื่อเข้าร่วมรัฐบาลในทุกสมัย ทำให้บรรหารและพรรคชาติไทยถูกค่อนขอดว่าเป็นพรรคปลาไหล…??

กัญจนา ศิลปอาชา บุตรสาวคนโตของบรรหาร เคยกล่าวว่า ทุกครั้งที่ได้ยินคำว่าปลาไหลก็รู้สึกปวดใจ แต่ถึงวันนี้ทำใจได้แล้ว แม่บอกว่าใครจะเรียกอะไรก็ช่าง เพราะเราห้ามปากคนไม่ได้ (นี่ค่ะ)

ไม่เพียงแค่บารมีทางการเมือง บรรหารยังเป็นนักการเมืองที่มีฐานะทางการเงินอย่างมั่งคั่งมาโดยตลอด

จากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินครั้งล่าสุด พบว่า บรรหารแจ้งว่ามีทรัพย์สินทั้งสิน 3,368,897,667 บาท เป็นทรัพย์สินตัวเอง 2,923,012,560 บาท และเป็นทรัพย์สินของคุณหญิงแจ่มใส ศิลปอาชา 445,888,106 บาท

โดยไม่ปรากฏว่ามีหนี้สินแต่อย่างใด !

ทั้งนี้ ทรัพย์สินของนายบรรหาร แบ่งเป็น เงินสด 5 แสนบาท เงินฝาก 13 บัญชี 893,385,640 บาท เงินลงทุน 243,829,220 บาท

นอกจากนี้ บรรหารยังเป็นแลนด์ลอร์ดตัวจริง เขามีที่ดินในกรุงเทพฯ สุพรรณบุรี ชัยนาท และนนทบุรี รวม 201 แปลง มูลค่ารวม 1,707,400,000 บาท ยังไม่นับรวมบ้าน 3 หลังมูลค่า 73 ล้านบาท รถยนต์โตโยต้า อัลฟาร์ด 1 คัน มูลค่า 2.5 ล้านบาท รถกระบะอีซูซุ 1 คัน 3 แสนบาท และรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ มูลค่า 2 หมื่นบาท

ส่วนคุณหญิงแจ่มใส มีทรัพย์สินแบ่งเป็นเงินสด 3 แสนบาท เงินฝาก 2 บัญชี 27,064,156 บาท เงินลงทุน 5,470,950 บาท เงินให้กู้ยืม 18 ล้านบาท ที่ดิน 42 แปลง มูลค่า 354,800,000 บาท และทรัพย์สินอื่นๆ (เครื่องประดับ) มูลค่ารวม 35,750,000 บาท

ถ้านับรวมเฉพาะที่ดิน บรรหารและคุณหญิงแจ่มใส มีที่ดินรวมกันประมาณ 1,893 ไร่ โดยเฉพาะที่ดินทำเลทองย่านถนนจรัญสนิทวงศ์รวมมูลค่า 176 ล้านบาท ถนนบรมราชชนนี ตลิ่งชัน 180 ล้านบาท และบริเวณ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 850 ล้านบาท

ไม่นับรวมที่ดินของบุตรสาว กัญจนา ศิลปอาชา อีก 10 แปลง 135 ไร่ มูลค่า 25 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ทรัพย์สินประเภทหลักทรัพย์และเงินลงทุนของนายบรรหารก็มีมิใช่น้อย ทั้งหุ้นในบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง 435,256 หุ้น หุ้นในโรงพยาบาลพร้อมมิตร 1 หมื่นหุ้น หุ้นในบริษัท นครไทยสตริปมิล 1 ล้านหุ้น ในบริษัทสหะศรีชัย ก่อสร้าง 2,500 หุ้น

ขณะที่คุณหญิงแจ่มใส มีหุ้นในโรงแรมแชงกรีล่า 1,500 หุ้น ในบริษัทจัสมินอินเตอร์ เนชั่นแนล 15,000 หุ้น หุ้นในบริษัท บี.เอส.อินเตอร์เนชั่นแนล 9,010 หุ้น หุ้นในบริษัท สหะศรีชัยก่อสร้าง 1,990 หุ้นและหุ้นในบริษัท คอสติกไทย 25,000 หุ้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ หนูนา กัญจนา บอกว่า ในส่วนธุรกิจครอบครัวคืออุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ ได้ขายหุ้นให้กับฝรั่งหมดแล้ว เพราะถูกโจมตีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน

ขณะที่น้องชายแท้ๆ ของนายบรรหาร อย่างนายชุมพล ศิลปอาชา ถึงกับร้องโอ้โห …ออกมาดังๆ ก่อนจะเอ่ยปากบอกนักข่าวว่า “ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพี่ชาย ผมจะรวยขนาดนี้”

ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ นักรัฐศาสตร์ เคยกล่าวว่า คุณบรรหารจัดว่าเป็นนักการเมืองที่มีสายตาแหลมคม คุณบรรหารดูออกว่าผู้สมัครคนไหนมีคะแนนจริงในสนามเลือกตั้ง และผู้สมัครคนไหนไม่มีคะแนน แต่ต้องการมาหลอกเอาเงินจากพรรค

จริงๆ แล้ว ความเชี่ยวชาญทางการเมืองที่ไม่มีใครสอนได้เช่นนี้ บวกกับฐานทางการเงินที่มั่นคงของคุณบรรหาร ทำให้ชาติไทยสามารถเลือกคนดีๆ เข้าพรรคได้เป็นจำนวนมาก

จนช่วงหลังๆ คุณทักษิณยังต้องออกมาติดเบรกพรรคชาติไทยด้วยตัวเอง

ลึกๆ แล้ว 6-7 ปีมานี้ ความสัมพันธ์ระหว่างทักษิณกับหลงจู๊ ลุ่มๆ ดอนๆ ทั้งรักทั้งชัง เมื่อครั้งที่ทักษิณเปิดเกมดูด ส.ส. จากพรรคชาติไทย หลงจู๊แทบประกาศตัดขาดกับทักษิณ ล่าสุดเมื่อทักษิณต่อท่อมาถึงประภัตร โพธสุธน อย่างมีนัยทางการเมือง นายบรรหารถึงกับมองเสี่ยประภัตรด้วยสายตาหวาดระแวง

แต่กระนั้น ถึงคราวปลาไหลจะร่วมรัฐบาล โต๊ะจีนซดหูฉลาม จะกลายเป็นภาพชื่นมื่นระหว่างหลงจู๊กับทักษิณ

ขณะที่ภาพความสัมพันธ์ระหว่างบรรหาร กับ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เกือบ 4 ทศวรรษ ไม่เคยจืดจาง เคยมีคนเห็นเสบียงข้าวปลาอาหารอย่างดีจากหลงจู๊ถูกส่งไปถึงบ้านสี่เสาเทเวศร์

ไม่มีใครปฏิเสธว่า นี่คือบรรหาร ศิลปอาชา หนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลสำหรับการเมืองไทย หากเพียงนายบรรหาร ขยับเกมการเมืองก็เปลี่ยนไปทันที