มะเดี่ยว Multi-Talent Creator

หากชีวิตไม่พลิกผัน ละทิ้งทุนด้านดนตรี และหันมาเอนทรานซ์เป็นเด็กนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ เพื่อแสวงหา “ความท้าทาย” และ “เปิดประตูบานใหม่” ให้กับชีวิต วันนี้ก็คงไม่มี “มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล” ผู้กำกับเลือดใหม่วัย 27 ปี ที่สามารถสร้างผลงานระดับรางวัล และเป็นที่นิยมของคอหนัง อีกทั้งสามารถถ่ายทอดความคิดผ่านภาพยนตร์จนกระทั่งเกิดแรงกระเพื่อมในสังคมไทย ด้วยประเด็น “ความรัก” ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวของคนทุกคน

และแน่นอนว่ามะเดี่ยวเป็น Idol ของคนรุ่นใหม่ซึ่งนิยมชมชอบเขาด้วยทักษะฝีมือที่หลากหลายแบบหาตัวจับยาก แต่เชื่อว่าเขายังมี “ของ” อีกมากที่จะปล่อยออกมาให้ได้ลองกัน

“ถ้าเลือกเรียนดนตรี อนาคตชัดเจนมาก เราคงจบมาเป็นอาจารย์สอนดนตรี ทำงานในวงการเพลง แต่เส้นทางที่เลือกมันใหม่สำหรับเรา แต่รางเลือนกว่านะ (หัวเราะ) แต่พ่อแม่ก็ไม่ห้าม เราก็ดื้อ แต่ก็ต้องพิสูจน์ให้เขาเห็น และครั้งนั้นก็เป็นจุดเปลี่ยนครั้งแรกในชีวิต” มะเดี่ยวเปิดฉากให้สัมภาษณ์กับ POSITIONING ที่ห้องรับแขกของบริษัทบาแรมยู ด้วยท่าทีเป็นกันเอง และมีอารมณ์ขันตลอดเวลา

มะเดี่ยวใช้ชีวิตผูกพันอยู่กับดนตรีมาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ เป็นชีวิตที่ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจของตัวเอง แต่สุดท้ายกลับเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของเขาตราบจนทุกวันนี้

Mathew Multi-Talent Creator from Positioning Magazine on Vimeo.

“เริ่มสีไวโอลินและเซลโลตั้งแต่เด็ก แรกๆ เหมือนโดนบังคับ แต่ไปๆ มาๆ กลับติดใจ ม.ต้น นี่เอาแต่เล่นดนตรี จนที่บ้านบอกเลิกเล่นเถอะ (หัวเราะ)”

นอกเหนือจากดนตรี ภาพยนตร์เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เขาสนใจใคร่รู้ และถ่ายออกมาได้อย่างน่าชม

“ชอบดูหนัง ดูได้ทุกแนว แต่ไม่ค่อยมีเวลา ก็เลยชอบอ่านบทวิจารณ์”

จุดเปลี่ยนของชีวิตครั้งที่ 2 เดินทางมาถึงเมื่อได้รู้จักกับปรัชญา ปิ่นแก้ว การเขียนบทและกำกับภาพยนตร์จึงเกิดขึ้นเป็นลำดับต่อมา

มะเดี่ยวนับเป็นตัวอย่างของผู้ที่ไม่ย้อท้อ และขวนขวายมุ่งมั่น และบากบั่นที่จะคว้าฝันให้ได้ เพราะผลงาน คน ผี ปีศาจ บอดี้ ศพ 19 อีกทั้ง 13 เกมสยอง ที่ผ่านมาเสมือนหนึ่งใบเบิกทางให้โปรเจกต์หนังในฝันที่บ่มเพาะมานานกลายเป็นจริง

ผลงานชิ้นเอก “รักแห่งสยาม” เป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ มุมมองเกี่ยวกับความรักที่สวยงาม และมีอยู่จริง ถ่ายทอดในแบบฉบับของเขา ด้วยความยาวกว่า 3 ชั่วโมงครึ่ง (ซึ่งภายหลังจากที่เสี่ยเจียงดูจบ ได้บอกกับเขาสั้นๆ ว่า “หนังมึงยาวไป”)

แม้ผลตอบรับจะมีทั้งด้านบวกและด้านลบ แต่สุดท้ายความเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ ก็ถูกการันตีด้วยรางวัลที่ได้รับอย่างเป็นกอบเป็นกำ ขณะที่รายได้กว่า 40 ล้านบาท ก็เป็นที่น่าพอใจ ไม่ขาดทุน

“เราต้องเชื่อว่างานของเราถูกต้องอย่างแรงกล้า ใครจะว่าผิดหรือถูก มันก็เป็นความคิดของเรา”

ปัจจุบันรักแห่งสยามขึ้นแท่นหนังน้ำดีที่มีค่าพอแก่การอวดต่อนักดูหนัง และได้รับคำชมจากการฉายในงานเทศกาลหนังต่างๆ ทั่วโลก เช่น อิตาลี ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลี และญี่ปุ่น แม้ตลอดระยะเวลาทุกขั้นตอนของการทำงานจะเฝ้ารอความสำเร็จแบบใจตุ๊มๆ ต่อมๆ

คำว่า “Fulfill” เป็นคำชมหลายครั้งที่เขาได้ฟังจากชาวต่างชาติซึ่งได้ดูรักแห่งสยาม

“มีผู้ชายฝรั่งคนหนึ่งเหมือนจะมีแฟนด้วยนะ เดินเข้ามาบอกว่า This is my life และหนังของเราเติมเต็มชีวิตและความรู้สึกของเขา…แต่ เอ๊ะ เป็นผู้ชายนี่ (หัวเราะ)”

แม้จะเข้าโรงฉายตั้งแต่พฤศจิกายน 2550 แต่จนบัดนี้ กระแสรักแห่งสยามยังคงมีไออุ่นอยู่ เป็นไออุ่นที่เขาปลาบปลื้มใจและยังรู้สึกอิ่มเอิบกับความสำเร็จนี้อยู่ และบอกว่าอีกนานที่จะทำหนังรักแนวอีกออกมาอีก

มะเดี่ยวเป็นตัวจริงชัดเจน ของ Commercial Art ซึ่งเขายอมรับว่าเมื่อทำงานรับค่าจ้าง ก็ต้องสร้างสมดุลกัน เพราะใช้เงินทุนของคนอื่น แต่ถ้าเป็นเงินตัวเองก็ค่อยว่ากัน ว่าจะ Art แค่ไหน

จากคำถามที่ว่า ให้เลือกว่า การเขียนเพลง เขียนบทภาพยนตร์ และเป็นผู้กำกับ บทบาทไหนที่ทำแล้วมีความสุขที่สุด

มะเดี่ยวตอบอย่างไม่ลังเลว่า “เขียนเพลง”

ใครเลยจะคาดคิดว่า เด็กเชียงใหม่ที่เคยส่งเดโมไปยังค่ายเพลงต่างๆ นับสิบครั้ง แต่ไร้เสียงตอบรับใดๆ จะสร้างสรรค์ผลงานเพลงยอดนิยมได้ถึงเพียงนี้

“การเขียนเพลง ถูกกลั่นกรองออกมาจากตัวเรา เป็นธรรมชาติมากที่สุด เป็นความคิดของเราคนเดียว แต่บทหนัง กำกับหนังก็ต้องทำงานกับคนเยอะ”

ด้วยความเป็นคาทอลิก มะเดี่ยวรู้สึก “Thank God” ทุกครั้งที่เขียนเพลงได้รื่นไหล มีท่วงทำนองพวยพุ่งขึ้นมาในสมอง

“จู่ๆ ก็จะมาเอง เหมือนมีพระเจ้าจับยัดใส่เข้ามา เป็นแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง”

อย่างไรก็ตาม งานภาพยนตร์ก็ทำให้เขาได้ใช้ความสามารถแบบรอบด้านและเต็มไปด้วยความท้าทายมากขึ้น

“หนังกับเพลงเสริมกัน เพลงเสพง่าย เสพเร็ว ช่วยทำให้หนังสมบูรณ์”

ตั้งแต่ปี 2543 เมื่อครั้งเป็นนิสิตนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ มะเดี่ยวแต่งเพลง “คืนอันเป็นนิรันดร์” เพื่อประกอบละครเวทีของคณะฯ และเพลงเดียวกันนี้ถูกนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของรักแห่งสยามในอีก 7 ปีต่อมา “กันและกัน” เพลงประกอบภาพยนตร์รักแห่งสยาม ก็เป็นอีกบทเพลงหนึ่งที่ผ่านการร้อยถ้อยเรียงความอย่างสวยงามจากมะเดี่ยว

ปัจจุบันการเขียนเพลงของเขายังคงดำเนินต่อไป สำหรับอัลบั้มใหม่ โปรเจกต์สำคัญสำหรับน้องๆ วงออกัสอันเป็นที่รักของเขา ที่จะเกิดขึ้นในสิงหาคมนี้

มะเดี่ยวมีมุมมองต่องานทำงานที่แปลกแต่น่าสนใจว่า “การทำงานแม้ไม่ได้งาน มันก็คือการทำงาน เราคิด เราขีดเขียน นั่งมองฟ้า มองอากาศ มองกระดาษเปล่าๆ แต่ไม่ได้อะไรมันก็คืองาน เป็นคนที่คิดแบบนี้ เพราะถือว่าลงมือทำงานแล้ว มันเป็นเรื่องของจังหวะ อารมณ์ หลายอย่างผสมผสานกัน แต่จริงๆ คนอื่นอาจมองว่าเสียเวลา (หัวเราะ)”

เมื่อย้อนกลับไปดูผลงานที่ผ่านมาของเขามีทั้งหนังสยองขวัญ หนังรัก แล้วหนังแบบมะเดี่ยวคืออะไรกันแน่ ??

“หนังทดลอง (หัวเราะ) ขอทดลองไปก่อน ไม่ใช่อยากจะทำแต่หนังมีสาระ หนังไร้สาระแต่มีข้อคิดอยู่ข้างในก็อยากทำ หนัง Animation ก็อยากทำ แต่ต้องเป็นหนังที่มี Attitude มีมุมมองของตัวเองต่อสิ่งต่างๆ ”

เขาบอกว่าภาพยนตร์เป็นศิลปะที่มีคุณลักษณะเฉพาะตัว มีความพิเศษ และนั่นคือเสน่ห์ของภาพยนตร์ ส่งผลให้เกิดจินตนาการไม่รู้จบ

“ทุกวันนี้ยังมีรักแห่งสยาม ภาคต่อ ที่เขียนขึ้นโดยแฟนคลับหนังเรื่องนี้ในอินเทอร์เน็ตอยู่เลย นี่คือความมหัศจรรย์อย่างหนึ่งของหนังที่เปิดโอกาสให้คนดูได้สร้างสรรค์ผลงานของเขาเองได้”

มะเดี่ยวไม่ได้เป็นเพียงผู้กำกับหนัง รังสรรค์เพลง เท่านั้นหากแต่เป็นนักปั้นกลายๆ

มาริโอ้ พิช และวงออกัส แจ้งเกิดจากภาพยนตร์ของเขา ขณะที่สินจัย เปล่งพานิช กลับมายิ่งใหญ่ในโลกภาพยนตร์ได้อย่างสมเกียรติจากบทที่สมน้ำสมเนื้อ

แม้มะเดี่ยวจะไม่ได้สังกัดกับค่ายใด แต่สัญญาใจที่มีกับสหมงคลฟิล์มและบาแรมยู ทำให้เขามีงานกับที่นี่อย่างต่อเนื่องในฐานะคนคุ้นเคยที่สร้างผลงานได้ดี มะเดี่ยวเคยคิดจะเปิดบริษัทโปรดักชั่น เฮาส์ เล็กๆ เพื่อรับงานแต่งเพลง กำกับมิวสิกวิดีโอ แต่สุดท้ายแล้วเขาขอเป็นมืออาชีพดีกว่า ด้วยเหตุผลว่า ไม่อยากถูกกดดันและบีบคั้นทางความคิดจนเกินไป แม้จะมีสินค้าติดต่อเข้ามาหลายแบรนด์ อีกทั้งเวลาที่มีก็ไม่มากพอ ดังนั้นเพลงเช้าวันใหม่ที่แต่งให้กับโดฟ จึงเป็นผลงานที่ทำให้กับลูกค้าชิ้นสุดท้าย

มะเดี่ยวพูดถึงไลฟ์สไตล์ของเขาว่า “ทำงาน ทำมาหากิน แต่ทำงานก็เหมือนกับไม่ได้ทำเพราะทำสิ่งที่ชอบ” ขณะที่ชีวิตในโลกออนไลน์ของเขาก็แทบไม่แตกต่างจากคนอื่น มะเดี่ยวเข้า hi5 แทบทุกวัน อัพเดตสเปซบ้าง และอ่านกระทู้ตามเว็บบอร์ดต่างๆ แต่ไม่เคยตอบเลย

เมื่อให้เปรียบเทียบตัวเองเป็นแบรนด์ใดก็ได้ในโลก มะเดี่ยวบอกว่า ตัวเองเป็นสินค้าไม่ติดแบรนด์ เป็นเสื้อเจเจ ก่อนจะปิดท้ายว่า เป็นเหมือนสินค้าทดลองตลาด เป็นหัตถกรรมทำมือซึ่งเน้นคุณภาพ

แม้ชีวิตจะเปลี่ยนไปจากเดิมมาก เดินออกจากบ้านก็มีคนเข้ามาทักทาย จำนวนเพื่อนใน hi5 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เขาบอกว่าทุกวันนี้ตัวเองยังไม่ดัง แค่เป็นที่รู้จักมากขึ้นเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม มะเดี่ยวยังคงเป็นที่น่าจับตาว่าผลงานชิ้นต่อไปของเขา ภาพยนตร์เรื่อง “14” แนวหักเหลี่ยมเฉือนคมว่าจะเป็นอย่างไร แต่สำหรับเขาแล้ว “ต้องดีกว่าเก่า” เท่านั้น

“ผลงานอยู่ยาวนาน ต้องทำให้ดีที่สุด ดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่ว่ากี่สิบกี่ร้อยปีผ่านไป ฉายอีกไม่รู้กี่รอบ เครดิตก็ขึ้นชื่อว่า ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ไม่เปลี่ยนแปลง ถึงตอนนั้นจะไม่อยู่แล้วก็เถอะ (หัวเราะ)”

Profile

Name ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ชื่อเล่น – ปูเป้ มะเดี่ยว ชื่อในโลกออนไลน์ – แมวโพง
Born 15 มีนาคม 2524
Education
ปริญญาตรีนิเทศศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาพยนตร์และภาพนิ่ง คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มัธยมศึกษา โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย เชียงใหม่
Career Highlight ผู้กำกับการแสดงยอดเยี่ยม รักแห่งสยาม จากเวทีสุพรรณหงส์ทองคำ สตาร์พิคส์ อวอร์ด สตาร์เอนเตอร์เทนเมนท์ อวอร์ด ชมรมวิจารณ์บันเทิง เฉลิมไทยอวอร์ด