แม้ว่า AF จะมีอายุ 5 ปี แต่ยังคงเป็น“เรียลลิตี้” รายการเดียวที่ยึดครองความนิยมทรงอิทธิพลในหมู่คนดูได้ต่อเนื่อง ไม่แพ้รายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ทรูวิชั่นส์ถึงกับฝากความหวังว่าจะช่วยดันยอดสมาชิกได้ 1 ล้านราย และยังเป็นเวทีปั้นนักล่าฝัน 60 คน ออกมาโลดแล่นอยู่บนเวที คอนเสิร์ต และพรีเซ็นเตอร์
ทุกค่ำคืนวันเสาร์ที่มีคอนเสิร์ต อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย (Academy Fantasia) หรือ AF ที่เมืองทองธานี ขบวนรถที่มุ่งหน้าสถานที่จัดงานหนาแน่นผิดปกติ ซึ่งเป็นหนึ่งที่การันตีได้ว่า AF ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
นับเป็นเส้นทางเดินล่าฝันของทรูที่ยาวนานกว่าครึ่งทศวรรษ และเป็นรายการเรียลลิตี้ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดทั้งในแง่ของผู้ชมและเม็ดเงิน และยังตอบโจทย์กลยุทธ์ Convergence ที่เป็นการรวมพลังสินค้าและบริการของกลุ่มทรูอย่างได้ผล ยังต่อยอดไปถึงการปั้นบรรดานักล่าฝันทุกรุ่น ให้โลดแล่นอยู่ในแวดวงบันเทิง โฆษณา เวทีคอนเสิร์ต เป็นการบริหารศิลปินที่ฉีกไปจากรูปแบบของค่ายเพลงในอดีตลงอย่างสิ้นเชิง
ในปีนี้ เฉพาะค่าสปอนเซอร์ ก็สร้างรายได้ให้กับทรูไปแล้ว 140 ล้านบาท ยังไม่รวมไปถึงการเป็นช่องทางในการสร้างแบรนด์ทางตรง พันธมิตรเงินหนาอีกหลายราย (รวมถึงเป็นช่องทางสร้างแบรนด์ของกลุ่มทรูอีกด้วย)
ส่วนการโหวตนักล่าฝันที่ชื่นชอบผ่าน SMS ที่เป็นแหล่งรายได้สำคัญ ซึ่ง AF4 ทรูมีรายได้จากการโหวต 20 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการออกแคมเปญ “โหวตเท่าไหร่ คืนค่าโทรให้เท่านั้น” มียอดโหวตเพิ่มขึ้นนับเป็น 10 กว่าล้านโหวต โดยที่ทรูต้องคืนค่าโทรเป็นเงิน 40 ล้านบาท แต่ก็ได้ยอดผู้ใช้มือถือเพิ่มขึ้น 2 ล้านกว่าราย
มาปีนี้ ทรูเพิ่ม “วิธี” การโหวตให้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้นไปอีก ผ่านซิมใหม่ที่เรียกว่า Touch Sim เพียงแค่นำโทรศัพท์มือถือที่ใช้ Touch Sim ไปแตะในเครื่องอ่าน Touch SIM by Truemove Reader ก็สามารถโหวตได้ทันที ไม่ต้องจำรหัสให้ยุ่งยาก แถมยังโหวตได้ครั้งละมากๆ เรียกว่า Big Vote กดครั้งเดียวโหวตได้ครั้งละ 10 หรือ 20 โหวต
การคิดค้นระบบ Touch Sim เป็นการแก้โจทย์เรื่องของความยุ่งยากในการโหวต ยิ่งทำให้โหวตง่ายโหวตสะดวกมากขึ้นเท่าใด ย่อมหมายถึงโอกาสในการสร้างรายได้ และเป็นการขยายกลุ่มคนโหวตมากขึ้นเรื่อยๆ และยังใช้เป็นเครื่องมือในการรวบรวมพฤติกรรมการโหวตของแฟน AF5 เพื่อนำมาเป็นฐานข้อมูลในการพัฒนา CRM ต่อไป
ระยะเวลาในการแข่งขัน AF5 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม – 2 สิงหาคม 2551 รวมระยะเวลา 84 วัน 12 สัปดาห์ ศุภชัย เจียรวนนท์ ซีอีโอ ทรู ถึงกับตั้งความหวังว่า AF5 จะมีส่วนช่วยเพิ่มฐานลูกค้าของทรูวิชั่นส์และทรูมูฟ ฟรีวิว เพิ่มขึ้นอีก 1 ล้านราย จากปัจจุบันมีผู้ใช้บริการจำนวน 1 ล้านราย
เบื้องหลังกำลังสำคัญที่ทำหน้าที่สร้างความดังให้กับ AF คือ อรรถพล ณ บางช้าง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายรายการ ทรูวิชั่นส์ ซึ่งเป็นผู้ติดต่อลิขสิทธิ์รายการนี้จากเม็กซิโกเมื่อ 5 ปีก่อน และดูแลการผลิตต่างๆ ของ AF ในรูปแบบเรียลลิตี้ รวมถึงการจัดคอนเสิร์ตทุกสัปดาห์
อรรถพล บอกว่า ครั้งนี้จะมีเรื่องตื่นเต้นมากๆ และหลายครั้ง ดังนั้นถ้าใจแข็งไม่พอ อย่าดู!! และ AF5 จะตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน Convergence Lifestyle ให้เด่นชัดยิ่งขึ้น
การสิ้นสุดของรายการที่กินเวลา 12 สัปดาห์ จนได้ตัวนักล่าฝันผู้ชนะเลิศ ใช่ว่าจะเป็นการสิ้นสุดของรายการ แต่เป็นการเริ่มต้นของกิตติกร เพ็ญโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรู แฟนเทเชีย จำกัด ผู้รับช่วงต่อในการปลุกปั้นนักล่าฝันให้เป็นศิลปินตัวจริง ให้ออกมาโลดแล่นในแวดวงบันเทิง เล่นหนัง เล่น ละคร เป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาสินค้า
ผลิตผลของ AF ที่หากนับเฉพาะ 12 คนสุดท้ายแล้วรวม 5 ปี มีทั้งสิ้น 60 คนพอดิบพอดี เป็นโจทย์ที่กิติกรต้องขบคิดหนักว่าจะทำอย่างไรต่อไปให้นักล่าฝันเหล่านี้โลดแล่นอยู่ในวงการได้นานที่สุด
กิตติกร บอกว่า แผนดัน AF5 ยังไม่มีอะไรชัดเจน แต่อย่างไรก็ตามจะต้องใช้ทรัพยากรที่มีให้คุ้มค่าและเต็มที่ตามศักยภาพของแต่ละคนอย่างแน่นอน
“การสร้างศิลปินจากนักล่าฝันในปีนี้จะเน้นสร้างคาแร็กเตอร์ให้แตกต่างกันมากขึ้น และไม่จำเป็นที่ว่าทุกคนจะได้ออกอัลบั้มเดี่ยว”
เส้นทางการปั้นศิลปินในสังกัดจะเป็นไปอย่างเข้มข้นและมีช่องทางเกิดมากขึ้น ไม่ใช่แค่การออกอัลบั้ม แต่ยังเป็นพรีเซ็นเตอร์ ดารา เล่นละคร รวมถึงช่องทางในต่างประเทศด้วย
ขณะที่ปีที่ผ่านมามีการจับมือกับพันธมิตรผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ เช่น เวิร์คพอยท์ รวมถึงการอาศัยศิลปินระดับ Mass มาช่วยผลักดันให้ผลผลิตจากอะคาเดมี่ แฟนเทเชีย อีกทั้งการซื้อเวลาฟรีทีวีเพื่อกระจายความนิยมสู่กลุ่มแมสมากขึ้น ซึ่งผลสำเร็จจากอัลบั้มของออฟ-ศุภณัฐ แชมป์ AF2 ส่วนหนึ่งก็มาจากเบนซ์ พรชิตา ลูกนก สุภาพร และอาภาพร มาร่วมงานด้วย จะเป็น Model สำคัญในการปั้นดาวจากเวทีล่าฝันนี้ต่อไป
AF5 เบิกฤกษ์ได้แรงแบบเป็นที่น่าพอใจของเหล่าสปอนเซอร์ เสียงกรี๊ดอื้ออึงถล่มทลายในพารากอนฮอลล์ เมื่อวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ นับเป็นสัญญาณเริ่มต้นที่ดี
เดอะ ไมเนอร์ เป็นบริษัทที่ให้การสนับสนุน AF แบบปักหลักยึดมั่นมาไม่ต่ำกว่า 3 ปีแล้ว นำร่องโดย “เดอะ พิซซ่า คอมปะนี” นอกจากนี้ยังขนแบรนด์ร่วมค่ายอย่างเอสปรี อีดีซี สเวนเซ่นส์ เป็นต้น ขณะที่ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการรายอื่นๆ คือ เป๊ปซี่ ซึ่งมีคริสตัล และเครื่องดื่มอื่นของเป๊ปซี่ ไทย เทรดดิ้งและเสริมสุข แพนทีนจากพีแอนด์จี บิ๊กซี เซเว่น อีเลฟเว่น และซีพี
มิหนำซ้ำยังมีสปอนเซอร์รายใหม่งอกขึ้นมาอีก คือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และเมืองไทยประกันชีวิต ซึ่งมุ่งเน้นจับกลุ่มคนรุ่นใหม่เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ AF5 ก็มีโฆษณาเข้าล้นหลาม เช่น วาเป๊กซ์ สเปรย์ โรบินสัน มาสด้า 3 ปากกายูนิบอล เครื่องโกนหนวดฟิลิปส์ เป็นต้น ซึ่งจ่ายเงินน้อยแต่ได้โฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นแฟนพันธุ์แท้รุ่นใหม่ทั้งหญิงชายโดยตรง
AF ยังคง Value Chain อันทรงพลังของทรู และทรงอิทธิพลในหมู่คนดูและแฟนคลับที่ชื่นชอบเรียลลิตี้ได้อย่างไม่จืดจาง