ทิม คุก (Tim Cook) ซีอีโอแอปเปิล (Apple) เผยต่อนักลงทุนว่า บริษัทมีแผนจะลงทุนในเทคโนโลยี Augmented Reality หลังจากพบว่าตลาดดังกล่าวนั้นเป็นตลาดที่มีอนาคตสดใส
โดยประเด็นเรื่องการลงทุนใน AR ของทิม คุก เป็นการตอบคำถามที่มีผู้ถามเกี่ยวกับโปเกมอน โก (Pokemon Go) ในระหว่างการแถลงผลประกอบการไตรมาส 3 ซึ่งทิม คุก ระบุว่า เกมดังกล่าวสามารถแสดงความสามารถของ AR ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมมาก พร้อมกับบอกว่า แอปเปิลได้มีการลงทุนในเทคโนโลยีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อการใช้งานในระยะยาว ซึ่งเป็นไปได้ว่า เทคโนโลยี AR อาจกลายเป็นแพลตฟอร์มตัวถัดไปก็เป็นได้
สำหรับผลประกอบการของแอปเปิลในไตรมาสที่ 3 ซึ่งจบลงเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมาได้มีการประกาศตัวเลขแล้วว่า บริษัททำรายได้ 42.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 15 เปอร์เซ็นต์จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และถือเป็นครั้งแรกที่แอปเปิลมีผลประกอบการลดลงติดกันสองไตรมาสแล้ว
สำหรับสาเหตุที่รายได้ลดลงนั้น เป็นผลมาจากยอดขายไอโฟน (iPhone) ที่ลดลงนั่นเอง โดยแอปเปิลสามารถขายไอโฟนในไตรมาสนี้ได้เพียง 40.4 ล้านเครื่อง (ไตรมาสก่อนหน้าขายได้ 51.2 ล้านเครื่อง) แถมยังมีทีท่าว่า การเปิดตัวไอโฟน เอสอี (iPhone SE) ยังกลายเป็นตัวแย่งส่วนแบ่งตลาด ทำให้ยอดขายไอโฟนรุ่นเรือธงของบริษัทที่มีราคาแพงกว่าต้องลดลงด้วย
โดยในไตรมาสนี้ ราคาขายเฉลี่ยของไอโฟนนั้น ลดลงอยู่ที่ 595 เหรียญสหรัฐ จากเดิมที่อยู่ที่ 642 เหรียญสหรัฐ
ด้านซีอีโอ ทิม คุก เผยทัศนะเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า กลุ่มผู้ที่ซื้อไอโฟน เอสอี ส่วนมากแล้วเป็นกลุ่มสวิชเชอร์ (Switchers) หรือคนที่เพิ่งเปลี่ยนมาใช้โทรศัพท์ไอโฟนเป็นครั้งแรก
หันมาดูยอดขายของแอปเปิลในตลาดจีน ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัทในปัจจุบันก็พบว่า มียอดขายลดลง 33.1 เปอร์เซ็นต์ เลยทีเดียว (เปรียบเทียบกับในไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่เติบโตถึง 112.4 เปอร์เซ็นต์)
อย่างไรก็ดี หนึ่งในสินค้าที่มีการเติบโตในด้านยอดขายของแอปเปิลก็คือ “เซอร์วิส” โดยสามารถสร้างรายได้ถึง 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่ายอดขายแมค (Mac) และไอแพด (iPad)
โดยเซอร์วิสที่ว่านี้ รวมถึง Apple Music, บริการ iCloud, iTunes, Apple Care, แอปที่ต้องจ่ายเงิน (Paid Apps) และค่าคอมมิชชันจาก Apple Pay
ที่น่าสังเกต คือ นี่เป็นปีแรกที่แอปเปิลมีการแยกรายได้ในส่วนของเซอร์วิสออกมาแสดงให้เห็นเด่นชัดในรายงานผลประกอบการ ซึ่งคาดว่า ทิม คุก ต้องการโชว์ให้เห็นว่า บริษัทยังสามารถทำรายได้จากการใช้งานได้อยู่ แม้ว่ายอดการอัปเกรดเครื่องจะไม่กระเตื้องแล้วก็ตาม
สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปีของแอปเปิล (กรกฎาคม-กันยายน) มีการคาดการณ์ว่า บริษัทอาจทำรายได้ระหว่าง 45.5-47.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนกำหนดการเปิดตัวไอโฟน 7 ในวันที่ 16 กันยายนนั้น อาจไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่สามารถสร้างอิมแพกต์ใดๆ ได้ด้วย
อย่างไรก็ดี แอปเปิลก็ยังครองตำแหน่งบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกเอาไว้อย่างเหนียวแน่น โดยมีมาร์เกตแคปมากกว่า 520,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีสินทรัพย์ที่เป็นเงินสดถึง 231,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยกำไรสุทธิในไตรมาสนี้อยู่ที่ 7.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งแค่กำไรสุทธิก็ถูกเปรียบเทียบว่าเท่ากับมูลค่าของ Spotify ทั้งบริษัทแล้ว
ที่มา: http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000074708