หลายคนคงได้เห็นกับฟีเจอร์บนเพจเฟซบุ๊กที่รองรับการค้าขายบนโลกออนไลน์อย่างฟีเจอร์ Shop Section หรือส่วนร้านค้ามาสักพักแล้ว เพราะเฟซบุ๊กได้เปิดให้บริการมาแล้วตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี หรือช่วงเดือนมีนาคม – เมษายนที่ผ่านมา โดยในช่วงแรกทยอยเปิดตัวในกลุ่มเล็กๆ ก่อน ทำการสุ่มเพจสัก 5-10% เพื่อเป็นการทดลองระบบ จากนั้นค่อยเปิดให้บริการครบทุกเพจ
ฟีเจอร์นี้จะเข้ามาช่วยในเรื่องการขายให้กับพ่อค้าแม่ค้า SME ได้ โดยที่สามารถลงข้อมูลสินค้า มีปุ่มชำระเงิน และตัวเลือกในการลงโฆษณาในเฟซบุ๊กง่ายขึ้น จากแต่เดิมที่ผู้ขายต้องลงรูปภาพเป็นอัลบั้ม และเมื่อลงสินค้าใหม่ๆ ก็จะรันไปตามไทม์ไลน์ในเฟซบุ๊ก แต่ฟีเจอร์ Shop จะอยู่ด้านบนสุดของเพจทำให้เห็นได้ง่าย
ที่จริงแล้วเฟซบุ๊กได้พัฒนาฟีเจอร์นี้มาจากพฤติกรรมของคนไทยในการช้อปปิ้งออนไลน์โดยแท้จริง พร้อมเปิดตัวในประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก่อนใครเพื่อน จากนั้นค่อยๆ ทยอยเปิดในประเทศอื่นๆ จากที่ปกติจะทำการเปิดบริการในประเทศสหรัฐอเมริกาก่อนเสมอ
เพราะด้วยพฤติกรรมคนไทยนิยมซื้อของออนไลน์ผ่าน Social Commerce ทั้งในเฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม การเพิ่มฟีเจอร์นี้ช่วยอำนวยความสะดวกทั้งผู้ซื้อผู้ขายให้พูดคุยกันง่ายขึ้นโดยที่ไม่ต้องแคปเจอร์ภาพสินค้า และไปถามในกล่องข้อความเหมือนที่ผ่านมา
จะมีความแตกต่างกับพฤติกรรมของคนในประเทศอเมริกา หรือโซนยุโรปที่นิยมช้อปปิ้งผ่านเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซโดยตรง เพราะสะดวก มีการใช้บัตรเครดิตเยอะ และมีความน่าเชื่อถือ
ปัจจัยที่ส่งผลให้คนไทยช้อปออนไลน์ผ่านโซเชียลเยอะก็เป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรมโมบายล์นั่นเอง มีตัวเลขอัพเดตล่าสุดมีผู้ใช้เฟซบุ๊กมากกว่า 40 ล้านคน/เดือน และ 95% เป็นการใช้ผ่านโมบายล์ และในเมืองไทยมีอัตราการครอบครองโทรศัพท์มือถือถึง 126% เมื่อปี 2558 และคาดการณ์ว่าจะมีจำนวนผู้ใช้มือถือเพิ่มเป็น 46.7 ล้านคน ภายในปี 2559 (ที่มา : eMarketer)
อีกทั้งยังมีผลสำรวจว่าประเทศไทยเป็นผู้นำเทรนด์ในการซื้อขายสินค้าบนโลกโซเชียล มีสัดส่วนถึง 51% รองลงมาเป็นอินเดีย 32% และมาเลเซีย 31% (ข้อมูลจาก PwC)
รฐิยา อิสระชัยกุล ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจเอสเอ็มอี Facebook ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “เอสเอ็มอีในประเทศไทยยังมีการเติบโตอีกเยอะ และพฤติกรรมคนไทยกับโซเชียลคอมเมิร์ซก็เติบโตมาก เพราะด้วยพฤติกรรมชอบเดินตลาดนัด ยังได้การต่อราคา ได้พูดคุยกับแม่ค้า เป็นประสบการณ์ Human Touch ถือว่าเป็นเสน่ห์แบบเดียวกับโซเชียลคอมเมิร์ซ โดยที่เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซทั่วไปทำไม่ได้”
ในอนาคตทางเฟซบุ๊กกำลังศึกษาและพัฒนาระบบเพย์เมนต์ให้การขายครบวงจรมากยิ่งขึ้น รวมถึงการพัฒนาระบบการจายในอินสตาแกรมด้วย
ฟีเจอร์ช้อปช่วยเพิ่มยอดขายได้ถึง 30%
โดยที่มีการถ่ายทอดประสบการณ์หลังจากที่ได้ใช้ฟีเจอร์ Shop ของ 2 เพจดังได้แก่ “เจคิว ปูม้านึ่ง Delivery” และ “N.IX Studio” ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน
สุรีรัตน์ ศรีพรหมคำ เจ้าของธุรกิจเจคิว ปูม้านึ่ง Delivery ได้เปิดเผยว่าคนไทยจะมีพฤติกรรมช้อปปิ้งตลอด 24 ชั่วโมงจริงๆ บางทีก็ตื่นมาตอบคำถามตอนตีสอง และพฤติกรรมคนไทยจะไม่ชอบอ่านเยอะๆ ลงภาพเยอะก็ไม่ได้เพราะบางคนจะบอกว่าเน็ตช้า เปิดไม่ได้ โดยฟีเจอร์นี้จะสามารถลงข้อมูลได้ครบและปิดการขายได้ง่าย ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาสามารถสร้างยอดขายได้ 1 ล้านบาทภายในหนึ่งวัน และมียอดขายเพิ่ม 30%
ส่วนทาง พรรณทิพา มงคลล่า ผู้ก่อตั้งแบรนด์ N.IX Studio เปิดเผยว่า พฤติกรรมลูกค้าจะชอบดูสินค้าแบบแค็ตตาล็อก สินค้าของเราเป็นนาฬิกา ก็ต้องลงภาพสินค้า พร้อมกับภาพตอนใส่ให้ครบ ฟีเจอร์ช้อปสามารถทำให้เหมือนเว็บอีคอมเมิร์ซย่อมๆ ได้ สามารถลงข้อมูลต่างๆ ทั้งราคา รุ่น สี ไซส์ได้หมด ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่าย