แม้ว่าอินเดียจะเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตด้านการใช้งานสมาร์ทโฟนสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยในปีนี้ คาดการณ์กันว่า อินเดียจะมียอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนได้ถึง 139 ล้านเครื่อง แต่ก็ยังไม่ใช่ตลาดที่แอปเปิล (Apple) จะเจาะเข้าไปได้ง่ายๆ แต่อย่างใด
โดยข้อมูลจาก Strategy Analytics เผยว่า ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา แอปเปิลสามารถจำหน่ายสมาร์ทโฟนในอินเดีย ได้ราว 800,000 เครื่องเท่านั้น
ปราการด่านแรกที่กั้นไม่ให้ผู้บริโภคชาวอินเดียเข้าถึง iOS ก็คือ ราคาตัวเครื่องที่สูงมาก ในขณะที่การใช้งานของชาวอินเดีย โดยมากแล้วจะเป็นสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ราคาไม่เกิน 150 เหรียญสหรัฐ หรือมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 70 เหรียญสหรัฐต่อเครื่อง ซึ่งรุ่นที่ถูกที่สุดของแอปเปิลก็ยังแพงกว่าราคานี้หลายเท่า
ผลก็คือ ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์นั้น ครองส่วนแบ่งในตลาดอินเดียถึง 97 เปอร์เซ็นต์ แทบไม่มีที่ให้ iOS แทรกเลย
อย่างไรก็ดี การพัฒนาสมาร์ทโฟนราคาประหยัดเพื่อเจาะตลาดอินเดียก็ไม่ใช่แนวทางของแอปเปิล เนื่องจากแอปเปิลไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องขยายส่วนแบ่งตลาดด้วยการหันไปพัฒนาสินค้าราคาถูกออกมาสู้กับคู่แข่ง อีกประการหนึ่งคือ เมื่อมีไอโฟนรุ่นราคาถูกขึ้นมา อีกไม่นานมันจะกลายเป็นสินค้าที่พบเห็นได้ทั่วไปในทุกตลาด และส่งผลต่อแบรนด์ไอโฟนในที่สุด
แล้วแอปเปิลจะทำอย่างไรต่อไปกับตลาดอินเดีย ในกรณีนี้ ทิม คุก (Tim Cook) ซีอีโอแอปเปิลได้เคยเผยไว้ว่า ตลาดอินเดียมีความใกล้เคียงกับตลาดจีนแผ่นดินใหญ่มาก ซึ่งแอปเปิลสามารถรอให้ผลไม้ผลนี้เติบโตจนสุกงอมหอมหวานได้ แม้อาจใช้เวลา 7-10 ปีก็ตาม
ส่วนแผนการในขณะนี้ก็คือ การเข้าหานักพัฒนาในอินเดียเพื่อสร้างบริการที่เหมาะสมกับการใช้งานในท้องถิ่นไปพลางๆ และแข่งกับซัมซุงในตลาดสมาร์ทโฟนพรีเมียมไปพลางๆ นั่นเอง
โดยบริษัท Canalys ได้เปิดเผยข้อมูลทางการตลาดพบว่า ในการแข่งขันของสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมนั้น ไตรมาสที่ 1 แอปเปิลสามารถขายสมาร์ทโฟนที่ราคาเกิน 300 เหรียญสหรัฐ ได้เพิ่มขึ้นมาก จาก 11 เปอร์เซ็นต์ เป็น 29 เปอร์เซ็นต์ ส่วนซัมซุงนั้นมียอดขายลดลงจาก 69 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 41 เปอร์เซ็นต์
ที่มา: http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000078601