เอไอเอส สั่งปลดพนักงานพ้นสภาพ หลังลูกค้าระบุถูกพนักงานนำข้อมูลการใช้งานสู่บุคคลภายนอก ซึ่งขัดต่อข้อบังคับเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลของผู้ให้บริการโทรคมนาคม ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และการดำเนินการทางกฎหมาย พร้อมยืนยันจะเอาผิดพนักงานที่มีเจตนาทุจริตให้ถึงที่สุด
จากการที่ลูกค้าเอไอเอส ได้โพสต์ลงเว็บไซต์พันทิป เรื่องที่มีพนักงานเอไอเอสถือวิสาสะนำข้อมูลลูกค้าไปให้บุคคลภายนอกนั้น
นางวิไล เคียงประดู่ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานประชาสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ชี้แจงว่า เอไอเอสมีมาตรการที่เข้มงวด และให้ความสำคัญต่อกฎข้อบังคับในเรื่องนโยบายความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้าอย่างสูงสุดมาโดยตลอด สำหรับกรณีดังกล่าว บริษัทได้ทำการตรวจสอบแล้ว พบว่า พนักงานมีเจตนากระทำความผิดจริง โดยอาศัยอำนาจหน้าที่กระทำผิดกฎข้อบังคับในเรื่องนโยบายความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้า โดยบริษัทได้พิจารณาให้พนักงานคนดังกล่าวพ้นสภาพทันที และได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว โดยในเบื้องต้น ทางบริษัทยังไม่ทราบเหตุจูงใจการกระทำของพนักงานรายดังกล่าว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และการดำเนินการทางกฎหมาย และขอยืนยันว่าบริษัทจะเอาผิดพนักงานที่มีเจตนาทุจริตให้ถึงที่สุด
ทั้งนี้ ภายในเว็บไซต์พันทิป ได้มีการเปิดเผยข้อมูลจากลูกค้าที่ใช้งานระบุว่า “หมดความเชื่อมั่น!!!. พนักงานบริษัท AIS ถือวิสาสะขโมยข้อมูลลูกค้าไปให้บุคคลภายนอก ไม่โดนเองไม่รู้” โดยเนื้อหาภายในกระทู้ดังกล่าวระบุว่า ทางพนักงานเอไอเอสได้มีการแอบดูข้อมูลบันทึกการใช้งานทั้งการโทร.เข้า โทร.ออก รวมถึงพิกัดสถานที่ของเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวออกสู่บุคคลภายนอก ทำให้หมดความเชื่อมั่นในบริการของเอไอเอส
ขณะที่ทางคอลเซ็นเตอร์ ของเอไอเอส ได้มีการเข้ามาให้ข้อมูลถึงผลการตรวจสอบในกรณีดังกล่าวแล้วว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริษัทได้ทำการตรวจสอบแล้วพบว่าพนักงานมีเจตนากระทำผิดจริง โดยอาศัยอำนาจหน้าที่กระทำผิดกฎข้อบังคับในเรื่องนโยบายความปลอดภัยข้อมูลของลูกค้า ซึ่งเอไอเอสให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
“พนักงานที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจะไม่สามารถเข้าไปดู หรือตรวจสอบรายละเอียด และส่งให้ผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของเลขหมายได้อย่างเด็ดขาด จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เอไอเอสได้พิจารณาให้พนักงานคนดังกล่าวพ้นสภาพทันที และจะมีการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป”
สิ่งที่ต้องจับตาดูหลังจากนี้คือ ทางเอไอเอสจะมีมาตรการอย่างไรออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายในลักษณะนี้อีก พร้อมกับการดำเนินการตามกฎหมายต่อพนักงานที่ทำผิด รวมถึงการเรียกความเชื่อมั่นคืนจากลูกค้าที่ใช้บริการว่าจะไม่โดนล้วงข้อมูลแก่บุคคลภายนอกซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
ขณะที่ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ให้ข้อมูลว่า ขอให้ผู้เสียหายมาร้องเรียนต่อทางสำนักงาน กสทช. เพื่อ กสทช. จะได้เรียกผู้บริหารเอไอเอสเข้ามาชี้แจง และทำงานประสานกับทางตำรวจได้ทันที โดยความผิดในกรณีการนำข้อมูลทางโทรคมนาคมที่เป็นส่วนบุคคลออกไปเผยแพร่นั้นมีความผิดทั้ง พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 และ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการฯ พ.ศ.2553 (พ.ร.บ.กสทช.) มีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี
นอกจากนี้ จากปัญหาเรื่องความมั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูลการใช้งานโทรศัพท์มือถือ การทำธุรกรรมออนไลน์ โมบาย แบงกิ้ง ที่มีข่าวในแง่ลบในหลายกรณีที่ผ่านมา ยอมรับว่าส่งผลต่อความมั่นใจของประชาชนจนทำให้เป็นอุปสรรคในการขับเคลื่อนด้วยดิจิตอล ซึ่ง กสทช.ในฐานะผู้กำกับดูแลได้ ส่งหนังสือกำชับไปยังผู้ประกอบการทุกรายให้เข้มงวดในเรื่องดังกล่าวด้วย
ที่มา: http://manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000092054