ผลการสำรวจจากฟอร์เรสเตอร์รีเสิร์ช เผยหุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI จะเข้ามาแย่งงานพลเมืองอเมริกันได้ถึง 6 เปอร์เซ็นต์ ในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยจะอยู่ในรูปของการบริการอัตโนมัติ เช่น แท็กซี่-รถบรรทุกไร้คนขับ
การวิจัยของฟอร์เรสเตอร์รีเสิร์ช เผยว่า ตลาดที่จะได้รับผลกระทบก่อนใคร คือ ธุรกิจลอจิสติกส์ ฝ่ายบริการหลังการขาย และระบบขนส่งมวลชน ซึ่งการเข้ามาของแรงงานหุ่นยนต์เหล่านี้จะมาพร้อมความเข้าใจในพฤติกรรมของมนุษย์ และสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ทำให้มันสามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างลื่นไหล โดยจะเห็นได้ว่า ค่ายเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทุกวันนี้ต่างมี AI เป็นของตัวเองกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น Alexa จาก Amazon หรือคอร์ทานา ของไมโครซอฟท์ Siri ของแอปเปิล และ Google Now ซึ่งการทำงานของ AI แต่ละตัวในทุกวันนี้ก็มีความสามารถเพิ่มขึ้นตลอดเวลา
ดังนั้น โอกาสที่ในอีก 5 ปี AI จะสามารถคิดได้อย่างซับซ้อน ตัดสินใจได้อย่างลึกล้ำ ไปจนถึงการรับหน้าที่พลขับบนรถอัจฉริยะคงไม่ใช่เรื่องไกลเกินจริง
สำหรับมนุษย์งาน ผลการวิจัยนี้เป็นสัญญาณเตือนที่ดีว่า เราอาจต้องหาทางขยับขยายแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานในอุตสาหกรรมที่สามารถปรับไปสู่ระบบอัตโนมัติได้ง่าย
ตรงกันข้ามกับภาคธุรกิจ เพราะการมาถึงของ AI และหุ่นยนต์ในอนาคตนั้น ย่อมเท่ากับว่า ช่วยเพิ่มโอกาสในการประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับธุรกิจได้มากขึ้น เราอาจได้เห็นธุรกิจเลิกจ้างพนักงานขาย และหันไปใช้บอตเจรจาการค้ากับลูกค้าผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย และใช้บอตควบคุมการจัดส่งสินค้า นัดหมายวันเวลากับลูกค้า และส่งผ่านโดรนเพื่อลดค่าใช้จ่าย
ในแง่การเดินทาง อนาคตเราอาจไม่ต้องจ้างพนักงานขับรถ (ซึ่งในต่างประเทศคิดค่าบริการแพงมาก) อีกต่อไป เพราะสามารถใช้รถของอูเบอร์ กูเกิล ฟอร์ด หรือเทสล่า ที่ให้บริการแบบไร้คนขับแทนได้
ส่วนพนักงานในตลาดสหรัฐอเมริกา ที่จะหายไป 6 เปอร์เซ็นต์จากการมาถึงของ AI และหุ่นยนต์นั้น ทางออกอาจเป็นไปได้ว่า ต้องไปหางานทำในประเทศอื่นที่ระบบเหล่านี้ยังไปไม่ถึง หรือไม่ก็ต้องฝึกทักษะที่จำเป็นเพิ่มเติม เพื่อเขยิบขึ้นมาเป็นผู้ดูแลระบบอัตโนมัติเหล่านั้นแทน
ผลการศึกษายังแสดงด้วยว่า หากอัตราการว่างงานสูงขึ้น จะมีผลทำให้เกิดคดีอาชญากรรมสูงขึ้น และมีการใช้สารเสพติดมากขึ้น พร้อมยกตัวอย่างกรณีคนขับแท็กซี่ที่ออกมาประท้วงอูเบอร์ ในหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งในอีก 5 ปีข้างหน้า เราคงต้องติดตามกันต่อไปว่า โลกจะเป็นอย่างไร หากแท็กซี่อัจฉริยะไม่ต้องการคนขับรถอีกต่อไปแล้ว
ที่มา: http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000092443