หลังจากเมื่องช่วงต้นปีที่ผ่านมา “อาเจ” ได้ยกเครื่องแบรนด์บิ๊กใหม่ เรียกว่าเป็นการกลับมาทำตลาดเพื่อทวงพื้นที่น้ำอัดลมในประเทศไทย ในตอนนั้นได้จัดหนักทั้งการเปลี่ยนรสชาติ แพ็กเกจจิ้ง ขนาด และโปรโมชั่น เป็นการบุกตลาดแบบดุเดือดมากที่สุดในรอบ 12 ปีที่ทำตลาดในประเทศไทย
แต่ทว่าการปรับกลยุทธ์เมื่อช่วงต้นปีอาจจะยังไม่เพียงพอในเรื่องของการสื่อสารแก่ผู้บริโภค ช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้อาเจจึงติดเครื่องอีกครั้ง ลุยหน้ากลยุทธ์มาสเตอร์แบรนด์ ในการทำการตลาดภายใต้แบรนด์เดียวคือแบรนด์ “บิ๊ก” เป็นกลยุทธ์ในระดับโกลบอลแบรนด์ แต่เริ่มที่ประเทศไทยเป็นประเทศแรกๆ เพราะเป็นตลาดสำคัญของอาเจ
การทำมาสเตอร์แบรนด์ของอาเจ เป็นการปรับสินค้าในพอร์ตให้เป็นแบรนด์บิ๊กเพียงชื่อเดียว โดยที่น้ำดื่ม “เชียโล่” ได้ถูกเปลี่ยนเป็น “บิ๊ก อาควา” เพราะคำว่าเชียโล่คนไทยส่วนใหญ่อ่านไม่ออก ไม่เข้าใจความหมาย จะทำการเปลี่ยนตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป น้ำดื่มเชียโล่จะทำการเปลี่ยนเฉพาะบางประเทศที่มีปัญหาเรื่องการออกเสียงเท่านั้น อย่างประเทศอินโดนีเซียก็เป็นเป็นบิ๊ก แอร์
และการใช้ชื่อว่าบิ๊ก อาควา เป็นเหมือนเทรนด์ในตลาดน้ำดื่มในประเทศไทยที่หลายแบรนด์ต่างทุ่มให้กับชื่อ “อควา” กันทั้งสิ้น ทั้งอควาเรียส อควาฟีน่า ทำให้ผู้บริโภคสับสน และคล้อยตามได้
ภาณุวัตร แตงงาม ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท อาเจไทย จำกัด กล่าวว่า “ตลาดน้ำดื่ม และน้ำอัดลมยังเป็นตลาดใหญ่ในประเทศไทย ผู้บริโภคยังคงคุ้นเคยกับแบรนด์ มีทัศนคติที่ดี การทำตลาดในชื่อแบรนด์เดียวกัน และมีบิ๊ก อาควาจะช่วยทำให้แบรนด์แข็งแกร่งขึ้น เพราะมีสินค้าครบทุกความต้องการ”
กลยุทธ์นี้แบรนด์ใหญ่อย่างโค้กก็ทำเหมือนกันเป็นกลยุทธ์ “One Brand” เป็นการสร้างแบรนด์ให้เป็นหนึ่งเดียว ได้รวมแบรนด์โคคา–โคลาในเครือทั้งหมดอย่าง โคคา–โคลา ซีโร่ และโคคา–โคลา ไลท์ ทำตลาดภายใต้แบรนด์โค้ก หรือโคคา–โคลา เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้แบรนด์มากขึ้น จากเดิมที่มีการทำตลาดแยกกันอย่างชัดเจนระหว่าง 3 แบรนด์
การเปลี่ยนแปลงอีกอย่างหนึ่งของแบรนด์บิ๊กก็คือ ได้เปลี่ยนฉลากและโลโก้เป็นรอบที่ 2 ของปี หลังจากที่เปลี่ยนฉลาก พร้อมแพ็กเกจจิ้งครั้งใหญ่เมื่อต้นปีมาแล้ว ฉลากยังเป็นสีเหลืองเช่นเคย แต่ปรับตัวหนังสือของโลกโก้ให้เป็นแนวนอนเพื่อให้อ่านง่าย ชื่อรสชาติที่ใหญ่ขึ้น และใส่สัญลักษณ์นกฮัมมิ่งเบิร์ด เพื่อสื่อถึงนกขนาดเล็กที่สุดในโลก แต่บินได้รวดเร็ว เพื่อเป็นการเปรียบเทียบกับแบรนด์อาเจ
“การเปลี่ยนฉลากครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนเฉพาะในประเทศไทยเหมือนเคย แต่ครั้งนี้เปลี่ยนเพื่อสื่อสารให้ตรงกับคนไทยมากขึ้น ตัวอักษรตัวใหญ่ที่อ่านง่าย จะช่วยสร้างการรับรู้ของแบรนด์ได้ดีขึ้น ไม่กังวลว่าผู้บริโภคจะสับสน เพราะไม่ได้ปรับอะไรมากกว่าเดิมเท่าไหร่”
จากการยกเครื่อง และบุกตลาดทั้งปีอาเจตั้งเป้าการเติบโตที่ 10% และตั้งเป้าเติบโต 10-15% ตลอดในช่วง 2-3 ปีนี้ ปัจจุบันบิ๊กมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่อันดับ 3 มีส่วนแบ่ง 8.1% เพิ่มจาก 6.6% เมื่อปีที่แล้ว ตั้งเป้ามีส่วนแบ่งตลาดเกิน 10% ให้ได้ภายใน 2-3 ปีนี้