แม้จะมีการเปิดสาขาที่น้อยมากสำหรับ “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายใหญ่อย่างเซ็นทรัล แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับแม่ทัพใหญ่ “ศุภลักษณ์ อัมพุช” ที่ได้มองยุทธศาสตร์สำหรับการขยายสาขาเดอะมอลล์ ต้องเน้นที่ทำเลเป็นหลัก ได้เปรยเลยว่า “ไม่ใหญ่จริง ไม่แน่จริง ไม่ไปลงทุน“
ทำให้เห็นโครงการของเดอะมอลล์กรุ๊ปในช่วงหลังที่ต้องเน้นความยิ่งใหญ่ที่ต้องยิ่งใหญ่ทั้งตัวโครงการ และการเปิดตัว เพราะด้วยการแข่งขันในตลาดค้าปลีกที่สูงขึ้น จึงต้องสร้างความแตกต่างขึ้นมาเพื่อดึงดูดผู้บริโภคให้ได้
ในปีนี้ เดอะมอลล์ กรุ๊ป มี 2 โครงการใหญ่ที่เปิดตัวใกล้เคียงกันก็คือ “บลูพอร์ต หัวหิน” ที่ร่วมทุนกับบริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด ของตระกูลลิปตพัลลภ ได้เปิดตัวไปแล้วเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2559 ใช้งบลงทุนรวม 5,000 ล้านบาท ตอนวันเปิดงานก็ได้คว้าเซเลบริตี้ “ณเดชน์–ญาญ่า” ร่วมงาน
จากนั้นก็เตรียมเปิด “เดอะมอลล์ โคราช” ในวันที่ 8 ตุลาคม 2559 เพื่อให้มีกระแสใกล้เคียงกัน และได้ดึง “อั้ม พัชราภา” มาร่วมมานอีเวนต์ โครงการนี้ได้ทำการรีโนเวตด้วยงบ 2,000 ล้านบาท พร้อมเพิ่มพื้นที่อีกราว 100,000 ตารางเมตร ทำให้ตอนนี้มีพื้นที่รวมทั้งหมด 350,000 ตารางเมตร และเพิ่มแม็กเน็ตด้วยลานหิมะ Snow & Ice Planet and The Rink สวนสนุก Wonder Planet และปรับปรุงสวนน้ำ Fantasia Lagoon
นอกจากเรื่องทำเลที่ต้องเจ๋งจริง ใหญ่จริงแล้ว การพัฒนาโครงการต้องยิ่งใหญ่ด้วย ศุภลักษณ์ได้บอกเลยว่า ตั้งใจที่จะยกพารากอนไปไว้ในทุกที่ที่เดอะมอลล์ไปลงทุน ก็คือทุกโครงการจะต้องหรูหราและมีความสมบูรณ์แบบเทียบเท่าสยามพารากอน ทั้งในเรื่องทำเล การเดินทาง บริการ ร้านค้าและต้องมีแม็กเน็ตที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ให้ลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ
โปรเจกต์ต่อไปที่จะต่อจากบลูพอร์ต และเดอะมอลล์ โคราช ก็คือ “บลูเพิร์ล” จังหวัดภูเก็ตที่ยังคงร่วมทุนกับกลุ่มพราว เรียล เอสเตท อยู่ คาดว่าจะเปิดให้บริการในอีก 3 ปี โปรจกต์นี้ศุภลักษณ์บอกว่าจะต้องพลิกเมืองภูเก็ตให้เป็นหนึ่งใน เดสติเนชั่นที่ทุกคนต้องมาให้ได้ ส่วนอีกโครงการหนึ่งคือ “บางกอกมอลล์” ทำเลถนนบางนา–ตราด ที่คาดว่าจะมีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท
“ความท้าทายของเดอะมอลล์ กรุ๊ปในตอนนี้ไม่ใช่แค่ทำศูนย์การค้าอย่างเดียว แต่ต้องทำให้ศูนย์การค้าเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาย่านนั้น เป็นการพัฒนาเมืองตรงนั้น เหมือนอย่างโครงการบลูเพิร์ลที่จะไปเปิดที่ภูเก็ตก็ต้องการให้เป็นเดสติเนชั่นของประเทศ ต้องการยกพารากอนไปอยู่ที่ภูเก็ต ส่วนบางกอกมอลล์ก็เชื่อว่าจะสร้างกระแสและดึงนักท่องเที่ยวได้อีก เป็นการพัฒนาประเทศ นั่นคือทุกๆ ที่ที่เดอะมอลล์ไปต้องมีความหมายทุกที่” ศุภลักษณ์เล่าให้ถึงยุทธศาสตร์ของเดอะมอลล์ กรุ๊ปในปัจจุบัน
ส่วนในเรื่องการแข่งขันในตลาดค้าปลีก ศุภลักษณ์มองว่า “การแข่งขันก็คึกคักมากขึ้น มีความตื่นเต้น ก็เป็นการกระตุ้นให้แต่ละรายต้องปรับตัว แต่ก็ยังมีโอกาสมากอยู่ ใครที่มีบริการที่สมบูรณ์แบบก็ยังเป็นที่หนึ่ง เหมือนอย่างสยามพารากอนแม้จะมีรายใหม่เกิดขึ้นก็ยังอยู่ได้ เราะมีความพร้อมทุกอย่างร้านค้า การเดินทาง และพารากอนก็เป็นโมเดลให้หลายๆ ประเทศไปทำศูนย์การค้าต่ออย่างประเทศดูไบ“
ปีที่แล้ว เดอะมอลล์ กรุ๊ป มีรายได้รวม 52,000 ล้านบาท มีการเติบโต 7% ในปีนี้ตั้งเป้ามีการเติบโต 2 หลัก เพราะมีการเปิดตัว 2 โครงการใหม่ บลูพอร์ต และเดอะมอลล์ โคราช ตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 54,000-55,000 ล้านบาท