การงัดข้อระหว่าง “เซเว่นอีเลฟเว่น” เครือข่ายร้านสะดวกซื้อที่มีสาขามากที่สุด และเอไอเอส ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถืออันดับ 1 ที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด กำลังถูกจับตามองว่าจะลงเอยอย่างไร เพราะถือเป็นระดับ “บิ๊ก” ทั้งคู่
เมื่อร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขาทั่วประเทศ ติดประกาศไม่จำหน่ายบัตรเติมเงิน “วันทูคอล” ของเอไอเอสทุกสาขาทั่วประเทศ ทำเอาลูกค้าที่ใช้บริการบัตรเติมเงินของเอไอเอสซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก ต้องได้รับผลกระทบไปตามๆ กัน
ปมปัญหานั้นมาจากการที่เซเว่นอีเลฟเว่นต้องการเรียกเก็บ “ค่าตอบแทน” จากการขายบัตร จากเดิมที่จัดเก็บอยู่ในอัตรา 4-5% ต้องการเพิ่มอีก 2% เพื่อให้ใกล้เคียงกับที่จัดเก็บจาก ดีแทค เก็บในอัตรา 6%+ 1 และทรูมูฟ จัดเก็บในอัตรา 7%
“เดิมเซเว่นฯ เก็บค่าตอบแทนจากเอไอเอสในอัตรา 4-5% เนื่องจากฐานลูกค้าเอไอเอสมีมากกว่าอีก 2 ค่าย แต่พอลูกค้าพรีเพดของดีแทคและทรูมูฟเริ่มมากขึ้น ทางเซเว่นฯ จึงต้องการเก็บส่วนแบ่งจากเอไอเอสเพิ่มให้เท่ากับอีก 2 ราย ในขณะที่เอไอเอส มองว่ายังไม่ควรเก็บเพิ่ม เพราะฐานลูกค้าเอไอเอสายังมีมากกว่าอีก 2 รายอยู่เยอะ ก็ควรเก็บส่วนแบ่งน้อยกว่าอีก 2 ราย” แหล่งข่าวในวงการสื่อสารบอกสาเหตุ
เมื่อตกลงกันไม่ได้ เซเว่นฯ ก็เลยใช้ไม้แข็ง ติดประกาศงดขายบัตรเติมเงินวันทูคอลทุกสาขา ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกันยายนเป็นต้นมา
การที่ไม่มีบัตรเติมเงินขายในร้านเซเว่นฯ ผู้ที่จะได้รับผลกระทบไม่ได้มีแค่ลูกค้าเท่านั้น แต่เอไอเอสและเซเว่นฯ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
ถึงแม้ว่าเอไอเอสจะยืนยันว่ามีช่องทางจำหน่ายบัตรอื่นๆ กว่า 5 แสนจุด ทั่วประเทศ เช่น ตู้บุญเติม 8 หมื่นจุด ตู้ซิงเกอร์ 3 หมื่นจุด รวมแล้ว 1.2 แสนแห่งทั่วประเทศ ยังมี บิ๊กซี เทสโก้ โลตัส แฟมิลี่ มาร์ท ไปรษณีย์ไทย ลอว์สัน 108 ตัวแทนจำหน่ายวันทูคอล ตู้เอทีเอ็มของ 11 ธนาคาร อีกกว่า 4 หมื่นตู้
รวมกันทั้งหมดมีไม่น้อยกว่า 5 แสนจุดทั่วประเทศ เทียบกับร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ที่มีประมาณ 8-9 พันสาขา ถือเป็นตัวเลขที่แตกต่างกัน
แต่ต้องยอมรับว่าร้านเซเว่นอีเลฟเว่นเป็นช่องทางจัดจำหน่ายที่เข้าถึงลูกค้าจำนวนมากได้อย่างเห็นผล ทั้งทำเลที่ตั้ง จำนวนสาขา และการเปิดบริการ 24 ชั่วโมง เซเวนอีเลฟเว่นจึงเป็นช่องทางที่สำคัญในการขายบัตรเติมเงิน ไม่ต่างจากสินค้าอื่นๆ ที่ต้องพึ่งพาร้านเซเว่นฯ เป็นช่องทางหลักในการจำหน่ายสินค้า
เอไอเอสจึงต้องพยายามแก้ปัญหาด้วยการงดเว้นค่าธรรมเนียม 2 บาท (เดิมลูกค้าต้องเป็นจ่ายเอง เช่นเติม 50 บาท ลูกค้าต้องจ่าย 52 บาท) ให้กับลูกค้าที่เติมเงิน 50 บาทขึ้นไป ผ่าน “ตู้บุญเติม” เฉพาะที่ตั้งอยู่หน้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่นเท่านั้น แต่ก็ไม่สามารถทดแทนได้ทั้งหมด เพราะบางสาขาของเซเว่นอีเลฟเว่นก็ไม่มีตู้บุญเติม
ในขณะที่เซเว่นฯ เองก็ต้องเสียรายได้จากการไปไม่น้อย แหล่งข่าวในวงการสื่อสารระบุว่าที่ผ่านมาเซเว่นฯ มีรายได้จากบัตรเติมเงินวันทูคอลประมาณ 2 พันล้านบาทต่อเดือน การยุติจำหน่ายบัตรเติมเงินจึงทำให้เซเว่นฯ ต้องสูญเสียรายได้ไม่น้อยกว่า 2 หมื่นล้านบาทต่อปี
ที่ผ่านมาการเติมเงินในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นของเอไอเอสก็แตกต่างไปจากของดีแทคและทรู ซึ่งจะเชื่อมโยงข้อมูลไปที่ดีแทคและทรูทันทีเช่นเมื่อลูกค้าต้องการเติมเงิน พนักงานจะคีย์เบอร์โทรศัพท์ลูกค้าและจำนวนเงินที่ต้องการเติมข้อมูลจะถูกส่งไปที่ดีแทคหรือทรูเพื่อเติมเงินได้ทันที
ในขณะที่ลูกค้าของเอไอเอสต้องการเติมเงิน พนักงานเซเว่นจะส่งคำสั่งไปที่เอไอเอส จากนั้นเอไอเอสจึงจะส่งโค้ดหรือใบสลิปมาให้ลูกค้าเพื่อเติมเงินเอง โดยที่เซเว่นฯ ไม่รู้เบอร์โทรศัพท์ลูกค้าแต่ละรายว่าเติมเงินเท่าไหร่
การที่เอไอเอสต้องทำเช่นนี้ส่วนหนึ่งนอกจากเพื่อความปลอดภัยแล้ว และถือเป็นความลับทางธุรกิจที่ไม่ต้องการให้คู่แข่งรู้ฐานข้อมูลลูกค้า
แหล่งข่าวในวงการสื่อสารระบุด้วยว่า สาเหตุของความขัดแย้งระหว่างเซเว่นอีเลฟเว่นและเอไอเอสต้องลงเอยด้วยการ “แตกหัก” ในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งยังมาจากปมร้าวที่เกิดขึ้นมาจากกรณีที่ทรูมูฟ และเอไอเอส เปิดศึกแย่งชิงลูกค้า 900 MHz เพราะถือเป็นเดิมพันครั้งสำคัญ ที่สามารถพลิกชะตาให้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ทันที ทั้งคู่จึงระดมปล่อยสารพัดยุทธวิธี ทั้งใต้ดิน บนดินมาแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็น “ย้ายค่ายเบอร์เดิม” ลดแจกแถมเครื่องฟรี
ค่ายทรูมูฟ ได้ใช้ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นมาเป็นช่องทางสำคัญ เชิญชวน และอำนวยความให้ลูกค้าให้ย้ายค่ายมาใช้ของทรู จนเอไอเอสต้องนำเรื่องไปฟ้องร้องต่อหน่วยงานรัฐ และต้องไประดมกองทัพทีมงาน และพึ่งพา อบต. เป็นช่องทางในการแจกเครื่องฟรี
“เป็นปมปัญหาสะสมของทั้ง 2 ค่าย ที่มีต่อเนื่องมาตลอด ไม่ใช่เพราะเรื่องผลตอบแทนที่เซเว่นฯ เรียกเก็บเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวพันไปถึงการแข่งขันในธุรกิจมือถือ ที่ดุเดือดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นับตั้งแต่ทรูประมูลคลื่น 900 MHz มาได้ และต้องการขึ้นเป็นอันดับ 1”
ต้องรอดูกันต่อว่า ทั้งเซเว่นอีเลฟเว่น และอไอเอส จะยอมเปิดโต๊ะเจรจากันอีกครั้ง เพื่อหาข้อยุติอีกครั้งหรือไม่ และคงเกิดขึ้นในเร็ววัน เพราะงานนี้ได้รับกระทบกระทบทั้งคู่ ยกเว้นแต่ว่าจะเป็นเกมลึกในการสกัดคู่แข่งก็อาจทำให้การเปิดโต๊ะเจรจาเพื่อหาข้อยุติคงไม่ลงเอยได้โดยง่าย