นายริชาร์ด อี๋ว์ ประธานบริหารกลุ่มธุรกิจบุคคลของหัวเว่ย เปิดเผยกับสื่อต่างประเทศเมื่อไม่นานนี้ว่า บริษัทได้ตั้งเป้าหมายเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลกภายในเวลาสองปีข้างหน้า
หลังจากเริ่มต้นด้วยการเป็นผู้ให้บริการด้านเครือข่ายโทรคมนาคมจนเป็นที่รู้จักกว้างขวาง หัวเว่ยก็ใช้เวลาแค่ไม่กี่ปีบุกเบิกตลาดอุปกรณ์สื่อสารส่วนบุคคลจนกลายเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดอันดับสามในปัจจุบัน ตามหลังแอปเปิล และซัมซุง อิเล็คทรอนิกส์ ผู้นำของตลาดมูลค่ากว่าสี่แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นี้
“สี่ปีก่อนเราประกาศจะขายโทรศัพท์ คนก็หาว่าเราบ้า พอเราบอกว่าอยากขายให้ได้ร้อยล้านเครื่อง พวกเขาก็ว่าเราบ้าเหมือนเดิม” อี๋ว์กล่าวในงานเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด เมื่อวันพฤหัสบดี (3 พ.ย.) ณ กรุงมิวนิก ประเทศเยอรมนี
อ้างอิงจาก Strategy Analytics บริษัทวิจัยในอเมริการะบุว่า หัวเว่ยได้เป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดอันดับสามในไตรมาสสามด้วยยอดส่งขายกว่า 33.6 ล้านเครื่อง ซึ่งครองส่วนแบ่งทางการตลาดร้อยละ 9 ด้านแอปเปิลยังคงรั้งอันดับสองด้วยจำนวน 45.5 ล้านเครื่อง ส่วนแบ่งทางการตลาดร้อยละ 12 และซัมซุงเป็นอันดับหนึ่งด้วยจำนวน 75.3 ล้านเครื่อง ส่วนแบ่งทางการตลาดร้อยละ 20.1
“เรากำลังแซงหน้าแอปเปิลไปทีละขั้นด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ” อี๋ว์กล่าว โดยเสริมว่าหัวเว่ยจะพัฒนาตัวเองพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี “ยังมีโอกาสรออยู่อีกมาก ทั้งปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีวีอาร์ (virtual reality) หรือเออาร์ (augmented reality)”
“เหมือนกับการขับรถแข่งที่ทุกจุดเลี้ยวโค้งจะมีจังหวะใช้แซงคู่แข่งได้”
อี๋ว์กล่าวว่า หัวเว่ยนั้นอยู่ในจุดพลิกผัน ขณะแอปเปิลกำลังเผชิญวิกฤตการดีไซน์ผลิตภัณฑ์ให้น่าตื่นตาตื่นใจ และซัมซุงกำลังง่วนกับปัญหาใหญ่ที่เกิดจากสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธง
“เป็นเรื่องของความเชื่อมั่นและความภักดีต่อแบรนด์ ซึ่งเรากำลังได้รับอย่างต่อเนื่องจากลูกค้า”
ทั้งนี้ “เมท 9” (Mate 9) เป็นสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมรุ่นใหม่ล่าสุดของหัวเว่ย ซึ่งจะวางจำหน่ายด้วยราคา 777 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในรุ่นปกติ และราคา 1,550 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในรุ่นที่มีการออกแบบร่วมกับพอร์ช ดีไซน์ (Porsche Design) โดยจุดเด่นของเมท 9 คือความอัจฉริยะที่สามารถเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้งาน และจัดเตรียมแอพพลิเคชั่นที่ถูกใช้งานบ่อยให้เข้าถึงง่ายโดยอัตโนมัติ
รายงานข่าวระบุว่า หัวเว่ยคาดหวังให้เมท 9 ช่วยสร้างความสำเร็จใหม่ ๆ ในตลาดยุโรป อาทิ เยอรมนี ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร หลังจากเป็นเบอร์หนึ่งในฟินแลนด์เรียบร้อยโรงเรียนจีนไปแล้ว
ที่มา : http://manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9590000110977