“ใครจะคาดคิดว่าเราขายโฆษณาผ่านเครื่องถ่ายเอกสารได้“
นี่คือคำพูดของผู้บริหารของบริษัท “ยูก๊อปปี้ (ไทยแลนด์) จำกัด” บริษัทเล็กๆ ที่มีเจ้าของเป็นนักธุรกิจลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น และนักธุรกิจชาวเยอรมนี ซึ่งกล่าวเอาไว้ในงานแถลงข่าวเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา
ในวันงานดังกล่าว ยูก๊อปปี้ เปิดตัวธุรกิจโฆษณาที่แม้แต่ผู้บริหารของแคนอน บริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการเครื่องถ่ายเอกสารถึงกับออกปากว่า “ไม่เคยมีมาก่อน” โดยเฉพาะการนำเครื่องถ่ายเอกสารไปตั้งในมหาวิทยาลัยชั้นนำ และเปิดขายพื้นที่โฆษณาผ่านกระดาษถ่ายเอกสาร โดยเว้นให้อีกหน้าหนึ่งว่างสำหรับให้นักศึกษาถ่ายเอกสารฟรี และไม่จำกัดจำนวนหน้า
โดยยูก๊อปปี้ จะขายโฆษณาบนกระดาษถ่ายเอกสาร 4-5 บาทต่อแผ่น และขายขั้นต่ำ 10,000 สำหรับบริษัทที่สนใจ อีกทั้งยังจำกัดลักษณะของการขายโฆษณา โดยเน้นไปยังกิจกรรม CSR (Corporate Social Responsibility) ของบริษัท และไม่เน้นการขายของหรือสินค้าเด่นหราจนเกินไป
ว่ากันว่าสื่อรูปแบบนี้ไม่เพียงแต่จะไม่เคยมีใครทำมาก่อน แต่ยังสามารถหยุดสายตาของเด็กนักศึกษา ซึ่งอยู่ในวัย 18-26 ปี ได้ดีกว่า เพราะจากการสำรวจยังพบว่า เด็กกลุ่มนี้ใช้ชีวิตอยู่ในมหาวิทยาลัยเฉลี่ยแล้วกว่า 6.3 ชั่วโมงต่อวัน และส่วนมากก็ยังคลุกคลีอยู่กับการถ่ายเอกสารรายงาน หรือแม้แต่สมุดจดข้อความ ดังนั้นการที่จะพกพาสื่อโฆษณาเหล่านี้ติดตัวไปก็ย่อมมีมากกว่าสื่อรูปแบบอื่นๆ
แม้ช่วงนี้จะเป็นช่วงของการทดสอบกิจการ 3 เดือนแรก โดยติดตั้งเครื่องถ่ายเอกสารในมหาวิทยาลัย 6 แห่ง เช่น ธรรมศาสตร์ รามคำแหง และหอการค้าไทย โดยมี 5 องค์กรใหญ่ อาทิ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) บริษัทบางกอกกล๊าส จำกัด และบริษัท เอสซีจี เปเปอร์ จำกัด (มหาชน) ซื้อโฆษณาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่ผู้บริหารของยูก๊อปปี้หวังเอาไว้ว่าใน 2 ปีนับจากนี้ จะสามารถนำเครื่องถ่ายเอกสารไปวางครอบคลุมมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ 24 แห่ง และในปี 2553 จะขยายไปยังภูมิภาคอื่นๆ อีก 12 มหาวิทยาลัย ไม่นับรวมการเปิดกิจการรูปแบบเดียวกันในลาว กัมพูชา สิงคโปร์ เวียดนาม อินเดีย ไต้หวัน เชกโกสโลวาเกีย ออสเตรีย หรือแม้แต่ญี่ปุ่นและเยอรมนี โดยทุกที่จะมีแคนนอนในประเทศนั้นๆ ให้ความร่วมมือในการดำเนินกิจการ ด้วยการมอบเครื่องถ่ายเอกสารและหมึกให้ฟรี ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม
นักศึกษาได้ถ่ายเอกสารฟรี ได้เห็นโฆษณาแฝงด้านหลังกระดาษถ่ายเอกสาร บริษัทได้ขายโฆษณาตรงกลุ่มเป้าหมาย ยูก๊อปปี้ได้รายได้จากขายโฆษณา และแคนนอนได้มีโอกาสให้นักศึกษาได้ทดลองใช้เครื่องถ่ายเอกสารของตนเอง
งานนี้เลยเป็นที่มาของธุรกิจขายโฆษณาผ่านกระดาษถ่ายเอกสารนั่นเอง
จำนวนนักศึกษาใน 6 มหาวิทยาลัย
ธรรมศาสตร์ 35,000 คน
ศรีนครินทรวิโรฒ 18,000 คน
รามคำแหง 500, 000 คน
หอการค้าไทย 20,000 คน
เกษมบัณฑิต 15,000 คน
เทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ 15,000 คน
Did you know?
จากการสำรวจพบว่า กลุ่มนักศึกษามักจะรู้สึกผูกพันกับตราสินค้าหนึ่งสินค้าใดโดยเฉพาะ และการจะสื่อสารกับนักศึกษาในช่วงเวลากลางวันเป็นเรื่องยาก เพราะเป็นช่วงของการเรียน
