สถานีโทรทัศน์ของญี่ปุ่นเผยผลสำรวจ “ขนมยอดนิยม” ที่ผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นชื่นชอบมากที่สุดประจำปี 2016 เกือบทั้งขนมเป็นรสชาติพื้นๆ ที่จำหน่ายมานานหลายสิบปี ไม่ใช่ขนมที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อเป็นของฝากแต่อย่างใด
อาซาฮีทีวี ทำการสำรวจ “ขนมยอดนิยมประจำปี 2016” โดยให้ชาวญี่ปุ่นร่วมโหวตลงคะแนนจากขนมกินเล่นที่จำหน่ายทั่วประเทศกว่า 1,700 ชนิด
ขนมที่ชาวญี่ปุ่นชื่นชอบมากที่สุดได้แก่ “คาลบี” มันฝรั่งอบกรอบแบบแท่งรสสลัด ในกล่องสีเขียว ซึ่งจำหน่ายมาตั้งแต่ปี 1995 และได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย มียอดขายมากกว่าปีละ 100 ล้านกล่อง มันฝรั่ง “คาลบี” รุ่นนี้ได้รับความนิยมสุงสุดในกลุ่มนักเรียนหญิงวัยมัธยม
อันดับที่ 2 “คาลบี” มันฝรั่งแผ่นรสเกลือ เป็นสินค้าในหมวดมันฝรั่งทอดที่ขายดีอันดับที่ 2 สร้างยอดขายคิดเป็น 10% ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ”คาลบี”
อันดับที่ 3 “คิทแคท” รสช็อคโกแลต ผลิตภัณฑ์จากบริษัทเนสท์เล่ ที่ถึงแม้จะออกรสชาติพิเศษตามจังหวัดต่างๆ ของญี่ปุ่น รวมทั้งรสชาติตามฤดูกาลสารพัดแบบจนกลายเป็น “ของฝาก” ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่สำหรับชาวญี่ปุ่นแล้ว “คิทแคท” รสช็อคโกแลตยังคงได้รับความนิยมสูงสุด โดยเฉพาะในช่วงการสอบหรือแข่งกีฬา บรรดานักเรียนชาวญี่ปุ่นมักนิยมมอบ “คิทแคท” ให้แก่กัน เพราะชื่อขนมนี้พ้องเสียงกับภาษาญี่ปุ่นว่า “ชนะแน่นอน”
อันดับที่ 4 “คาลบี” มันฝรั่งแผ่นรสซุปฝรั่งเศส หรือ “คอนซอเม” เป็นขนมรสต่างชาติที่ชาวญี่ปุ่นนิยมมากที่สุด เพราะรสไม่จัดจ้าน มีกลิ่นหอมของผัก ใกล้เคียงกับรสชาติที่ถูกปากชาวญี่ปุ่น
อันดับที่ 5 “คาลบี” ข้าวเกรียบกุ้ง ผลิตภัณฑ์ที่วางขายมานานเกือบ 50 ปีแต่ยังได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย มีจุดเด่นคือมีส่วนผสมของกุ้งจริง
“คาลบี” ครองอันดับขนมยอดนิยมของญี่ปุ่นเกือบทั้งหมด โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัท Calbee และ Japan Frito-Lay ครองส่วนแบ่งตลาดมากถึง 53.2% “คาลบี” เริ่มผลิตข้าวเกรียบกุ้งในปี 1964 ถัดมาได้ผลิตมันฝรั่งอบกรอบในปี 1975 และปี 1991 ได้วางตลาดอาหารชาติกลุ่มซีเรียล
คาลบีมีผลิตภัณฑ์หลักไม่มากเพียง 10 กว่าชนิดเมื่อเทียบกับบริษัทผู้ผลิตขนมรายอื่น เช่น “กูลิโกะ” หรือ “เนสท์เล่” แต่สามารถทำยอดขายได้มหาศาลถึงกว่า 1,900 ล้านชิ้นต่อปี โดยเฉพาะกลุ่มมันฝรั่งอบกรอบที่เป็นดาวเด่น ใช้มันฝรั่งเป็นวัตถุดิบปีละมากกว่า 384,000 ตัน.
ในขณะที่ “ป็อกกี้” จากค่ายกูลิโกะ มาได้แค่อันดับ 10 และ “ช็อคโกพาย” อีกหนึ่งขวัญใจคนไทย ตามมาในอันดับที่ 23
ที่มา : http://manager.co.th/Japan/ViewNews.aspx?NewsID=9590000119213