จากที่เราคุ้นเคยกันดีกับรถอัจฉริยะไร้คนขับ หรือ Self-Driving Car ที่แปะชื่อ Google เอาไว้รอบคัน ล่าสุดวันนี้ บริษัทแม่ของกูเกิลอย่างอัลฟาเบ็ท (Alphabet) ก็ได้ออกมาประกาศตั้งบริษัทใหม่สำหรับพัฒนารถอัจฉริยะเป็นการเฉพาะแล้วในชื่อ “Waymo” ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวคาดว่าจะเป็นการส่งสัญญาณความพร้อมในเชิงพาณิชย์กับการพัฒนาซอฟต์แวร์รถยนต์ไร้คนขับแล้วก็เป็นได้
โดยในงานแถลงข่าว บริษัทได้โชวการจัดทริปเดินทางให้ Steve Mahan ชายตาบอดรายหนึ่งด้วยรถอัจฉริยะไร้คนขับ (รุ่นโปรโตไทป์) ของตนเองที่ประสบความสำเร็จด้วยดี ซึ่งบริษัทอ้างว่าจัดทริปดังกล่าวไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปี 2015 ที่ผ่านมา
John Krafcik อดีตผู้บริหารจากกูเกิลซึ่งปัจจุบันย้ายมาเป็นผู้บริหารของ Waymo เผยว่า “เซนเซอร์และซอฟต์แวร์ของตัวรถทำหน้าที่เป็นโชเฟอร์ให้กับสตีฟได้เป็นอย่างดี และเราเชื่อว่าเทคโนโลยีนี้จะเข้ามาปรับเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกให้ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงอยู่ในรูปแบบที่ผู้คนสามารถเข้าถึงได้”
นอกจากนี้ ทางบริษัทใหม่อย่าง Waymo ยังเผยว่ามีแผนจะนำเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังไปประยุกต์ใช้เพื่อจุดประสงค์อื่นด้วย หรือก็คือการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งเป็นไปได้ว่า Waymo จะเดินออกจากเป้าหมายเดิมของกูเกิลที่เคยระบุว่าจะพัฒนารถอัจฉริยะแบบ 100% เพื่อใช้เป็นพาหนะในการเดินทาง มาสู่การผลักดันซอฟต์แวร์ออกสู่ตลาดแทน
“เรามองเห็นว่าเทคโนโลยีของเรานั้นเป็นประโยชน์ต่อบริการ Ride-sharing, บริการจัดส่งสินค้า หรือแม้แต่ในรถยนต์ส่วนบุคคล” มร. Krafcik กล่าว
อย่างไรก็ดี ผู้บริหาร Waymo ก็ไม่ตอบถึงกรณีที่ว่า บริษัทจะยกเลิกแผนการผลิตรถอัจฉริยะ และเปลี่ยนเป็นการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ค่ายรถเลยหรือไม่ แต่การหันมาเปิดบริษัทเพื่อผลักดันเทคโนโลยีซอฟต์แวร์อย่างเต็มรูปแบบนี้ก็อาจเป็นการลดค่าใช้จ่ายที่ดีสำหรับอัลฟาเบ็ท บริษัทแม่ของกูเกิล เพราะเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า หลาย ๆ บริษัทภายใต้ชายคาอัลฟาเบ็ทนั้น ยังเป็นธุรกิจที่ไม่สามารถทำเงินได้นั่นเอง
ที่มา : http://astv.mobi/AnZspzI