จัดจำหน่ายเองมาหลายปี ได้เวลาเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพ สก๊อต หันมาจับมือ ดีเคเอสเอช ประเทศไทย (DKSH) กระจายสินค้าผ่านร้านค้าทั่วไป (Traditional Trade) หลังจากที่ DKSH แยกทางกับ “แบรนด์” คู่แข่งสำคัญในตลาด
สมโภช ชวาลเวชกุล กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท สก๊อต อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า ที่ผ่านมาการสก๊อตจัดจำหน่ายเองมาตลอด แต่การกระจายสินค้าผ่านเทรดดิชันนอลเทรดยังทำได้ไม่ทั่วถึงได้ทั้งประเทศ กระจายได้แค่ 10,000 ร้านเท่านั้น จึงเป็นจุดอ่อนที่ทำให้สก๊อตไม่สามารถสร้างการเติบโตได้เท่าที่ควร
การจับมือกับ DKSH ซึ่งมีเครือข่ายครอบคลุมอยู่กว่า 100,000 ร้านค้าทั่วประเทศ เชื่อว่าจะทำให้ยอดขายของสก๊อตในปี 2560 เติบโตแบบก้าวกระโดด โดยตั้งเป้าเติบโต 36% หรือมีรายได้ 4,500 ล้านบาท จากในปี 2559 สก๊อตทำรายได้ 3,300 ล้านบาท หรือมีการอัตราเติบโตเพียง 6% เท่านั้น
โดยสัดส่วนของรายได้จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่มาจากเทรดิชันนอลเทรด 15% และโมเดิร์นเทรด 85% สัดส่วนจากเทรดิชันนอลเทรดจะเพิ่มเป็น 30%
DKSH แยกทางแบรนด์
นอกจากนี้ สก๊อตกับ DKSH ได้ร่วมมือกันในการจัดจำหน่ายสก๊อตในประเทศพม่าเป็นเวลา 5 ปีแล้ว แต่ยังไม่ได้จัดจำหน่ายให้กับสก๊อตในประเทศไทย เนื่องจาก DKSH ได้จัดจำหน่ายให้กับคู่แข่งอย่างแบรนด์อยู่ แต่ปัจจุบันได้แยกทางกันแล้ว โดยแบรนด์ได้ทำการจัดจำหน่ายเอง หลังจากให้ DKSH จัดจำหน่ายมารวมเวลา 30 ปี จึงทำให้ทาง DKSH หันมาจับมือกับสก๊อตในการกระจายสินค้าในประเทศไทยแทน
สมโภช กล่าวด้วยว่า ปีนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสก๊อตในการลงทุนด้านการจัดจำหน่าย โดยปกติเน้นลงทุนด้านการพัฒนาสินค้าใหม่ คลังสินค้า และเรื่องการตลาด แต่การจะสร้างการเติบโตต้องคิดใหญ่มากขึ้น การกระจายสินค้าเข้าถึงเทรดิชันนอลเทรดมากขึ้น จะทำให้สก๊อตเติบโตแบบก้าวกระโดด
ทั้งนี้ ช่องทางเทรดิชันนอลเทรดยังมีบทบาทสำคัญในการกระจายสินค้าไปถึงผู้บริโภคได้ครอบคลุมทั่วประเทศ มากกว่าร้านโมเดิร์นเทรด โดยเฉพาะหลายพื้นที่ในต่างจังหวัดที่โมเดิร์นเทรดยังเข้าไม่ถึง
พฤติกรรมของผู้บริโภคกับการดื่มเครื่องดื่มสกัดเพื่อสุขภาพในยุคนี้ไม่ใช่แค่ซื้อเป็นของฝากอย่างเดียวแล้ว แต่ซื้อดื่มเอง และกลุ่มคนดื่มหลากหลายขึ้น อาจจะไปช่วงสอบ หรือระหว่างเดินทาง บางคนดื่มทดแทนเครื่องดื่มชูกำลัง เพราะให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่า
ทางด้าน DKSH เองเมื่อได้สก๊อตมาเติมพอร์ต หลังจากแยกทางจากแบรนด์ ก็ต้องควงคู่กันบุกตลาดในและต่างประเทศมากขึ้น โดยประเทศเป้าหมาย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง และเวียดนาม ซึ่งสก๊อตเองก็หวังจะใช้ศักยภาพของ DKSH ในการช่วยทำตลาดไปยังต่างประเทศ แต่ในปีนี้ยังคงโฟกัสที่ตลาดในประเทศก่อน ใช้งบการตลาดรวม 600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ใช้ 450 ล้านบาท
การที่สก๊อตหันมาปิดจุดอ่อนด้วยการหันมาจับมือ DKSH อดีตคู่ค้าของแบรนด์ ต้องรอดูว่าแบรนด์จะรับมืออย่างไรกับเกมการแข่งขันในรอบใหม่นี้