นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนธุรกิจในปี 2560 ว่า “ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 52,900 ล้านบาท ยอดโอน 50,200 ล้านบาท เติบโตจากปี2559 อยู่ที่ 19% และราว 9% ตามลำดับ โดยแผนกลยุทธ์การดำเนินงานในปีนี้จะยังคงเน้นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ระดับกลาง-ล่าง เพราะเป็นตลาดที่ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและขยายฐานกลุ่มลูกค้าระดับบนมากขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมในทุกเซ็กเมนต์ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อความคล่องตัวในการขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจใหม่ที่สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาโอกาสทางธุรกิจอื่นๆ เพื่อรองรับให้บริษัทฯ เติบโตต่อไปในอนาคตอย่างมั่นคงและยั่งยืน”
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท-พรีเมียม เปิดเผยว่า “ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ปี 2560 ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล คาดว่าจะเติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 5% มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ3.79 แสนล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนโครงการลงทุนด้านการคมนาคมของภาครัฐบาล มูลค่า 1.77 ล้านล้านบาท และในปีนี้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่โครงสร้างทางธุรกิจ การแข่งขันของผู้ประกอบการ รวมไปถึงรูปแบบการพัฒนาโครงการ โดยตลาดพรีเมียมเป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ที่พฤกษา เรียลเอสเตท จะเข้าไปชิงส่วนแบ่งการตลาด เนื่องจากมีมูลค่าตลาดเพิ่มมากขึ้นทุกปี ปัจจุบันสัดส่วนของตลาดพรีเมียมอยู่ที่ประมาณ 22-32% ของตลาดรวม ซึ่งบริษัทฯ มีแผนการเปิดโครงการพรีเมียม จำนวน 6 โครงการ มูลค่า 9,900 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวสูง 5 โครงการ มูลค่า 8,800 ล้านบาท และแนวราบ 1 โครงการ มูลค่า 1,100 ล้านบาท”
ด้าน นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตทเปิดเผยว่า “ด้านภาพรวมตลาดของกลุ่มธุรกิจ Value มีส่วนแบ่งตลาด คิดเป็น 70-80%ของมูลค่าตลาดรวม โดยพฤกษา เรียลเอสเตท ถือครองส่วนแบ่งตลาดเซ็กเมนต์ Valueมากกว่า 15% ของตลาดรวมทั้งหมด”
“สำหรับกลยุทธ์และแผนงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในปีนี้ มี 3 แนวทาง โดยแนวทางแรกคือ การบริหารรอบธุรกิจให้สั้น ซึ่งปัจจุบันระยะเวลาจาก ลูกค้าจองถึง โอนกรรมสิทธิ์ มีระยะเวลา ในกลุ่มทาวน์เฮาส์ 49 วัน บ้านเดี่ยว 91 วัน คอนโดมิเนียมไม่เกิน 8 ชั้น ใช้ระยะเวลา 425 วัน และ คอนโดมิเนียมอาคารสูง ใช้ระยะเวลา 754 วัน แนวทางที่ 2 คือ แผนการเปิดโครงการใหม่จำนวน 72 โครงการ มูลค่ารวม 60,800 ล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์เฮาส์ 39 โครงการ บ้านเดี่ยว 20 โครงการ คอนโดมิเนียม 7 โครงการ และโครงการพรีเมียม 6 โครงการ นอกจากนี้ยัง มีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายอีก 176 โครงการ และแนวทางที่ 3 คือการใช้กลยุทธ์บ้านพร้อมอยู่ ในการบริหารจัดการโครงการทาวน์เฮาส์ และบ้านเดี่ยว ซึ่งมั่นใจด้วยกลยุทธ์ 3 แนวทางนี้ จะทำให้บริษัทฯ บรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้”