นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ในปี 2559 บริษัทฯ มียอดขายสูงถึง 44,414 ล้านบาท เติบโต 4.8 % เมื่อเทียบกับปี 2558 ที่มียอดขาย 42,386 ล้านบาท ทำลายสถิติยอดขายสูงสุดของบริษัทฯ ในรอบ 23 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ เนื่องจากมีการเปิดขายคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ที่มีมูลค่าสูงขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถทำรายได้รวม 46,920 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 5,940 ล้านบาท มีการเปิดโครงการใหม่รวม 69 โครงการ แบ่งเป็น ทาวน์เฮาส์ 50 โครงการ บ้านเดี่ยว 10 โครงการ คอนโดมิเนียม 9 โครงการ มูลค่ารวม 59,700 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ยังคงรักษาอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยมากนัก สำหรับในปีนี้คาดการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จะเติบโตได้ประมาณ 5% จากการลงทุนด้านโครงข่ายคมนาคมของภาครัฐ โดยเฉพาะส่วนต่อขยายแนวรถไฟฟ้าที่เริ่มก่อสร้างไปแล้วหลายเส้นทาง ทำให้ยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง
ส่วนความคืบหน้าด้านการปรับโครงสร้างกิจการเป็นพฤกษา โฮลดิ้งนั้น ธุรกิจแรกที่บริษัทฯ ได้ตัดสินใจลงทุนคือ ธุรกิจ “โรงพยาบาล” โดยจะเลือกทำเลที่อยู่บนถนนสายหลักใจกลางเมือง (CBD) ใกล้ชุมชน เดินทางสะดวก ซึ่งจากการศึกษาพบว่า ทำเลที่สามารถเดินทางได้สะดวก เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ลูกค้าจะเลือกใช้บริการ นอกจากนี้ การเลือกที่ตั้งโรงพยาบาลจะคำนึงถึงภาระการลงทุนของบริษัทฯ โดยจะใช้งบลงทุนไม่เกิน 4,900 ล้านบาท เนื่องจากเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง (Recurring Income) อีกทั้งตลาดของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ (Health Care) มีขนาดใหญ่ โดยในแต่ละปีมีมูลค่าตลาดสูงถึงราวกว่า 600,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนา คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2563 ซึ่งจะบริหารงานโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ยาวนานเป็นที่ยอมรับในวงการธุรกิจโรงพยาบาลของประเทศไทย ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่มีคุณภาพตามมาตรฐานระดับสากลในราคาที่เหมาะสมและเข้าถึงได้
โดยแผนธุรกิจในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 52,900 ล้านบาท ยอดโอน 50,200 ล้านบาท เติบโตจากปี 2559 อยู่ที่ 19% และ 9% ตามลำดับ ณ สิ้นไตรมาส 4 ปี 2559 บริษัทฯ มียอดรอรับรู้รายได้ 23,432 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 13,453 ล้านบาท มีโครงการที่อยู่ระหว่างเปิดขาย (Active Projects) รวม 174 โครงการ มูลค่า 89,470 ล้านบาท และในปีนี้ ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่รวม 72 โครงการ มูลค่ารวม 60,800 ล้านบาท โดยจะยังคงเน้นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ระดับกลาง-ล่าง และขยายฐานกลุ่มลูกค้าระดับบนมากขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมในทุกเซ็กเมนต์ รวมถึงศึกษาโอกาสในทำธุรกิจใหม่ๆ ที่สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องอื่นๆ เพิ่มเติม นอกเหนือจากธุรกิจโรงพยาบาลที่กล่าวไปแล้วข้างต้น เพื่อให้บริษัทฯ สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน” นายทองมา กล่าว