บิ๊กมูฟครั้งใหญ่! “สยาม แอ็ท สยาม” ปรับโฉมใหญ่รอบ 10 ปี

ถ้าพูดถึงสยาม แอ็ท สยามหรือชื่อเต็มในชื่อ สยาม แอ็ท สยาม ดีไซน์ โฮเต็ล กรุงเทพฯ นับว่าเป็นบูทีคโฮเทลเบอร์แรกๆ ในประเทศไทยที่บุกเบิกโรงแรมขนาดกลาง และเน้นดีไซน์สวยๆ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาธุรกิจโรงแรมมีการแข่งขันกันสูงพอสมควร มีโรงแรมขนาดใหญ่ โรงแรมแบบโฮสเทลเกิดขึ้นมากมาย รวมถึงธุรกิจท่องเที่ยวอาจจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายๆ อย่าง ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวกันยกใหญ่

ปัจจุบันสยาม แอ็ท สยาม มี 2 แห่ง ได้แก่ที่กรุงเทพฯ เปิดบริการมา 10 ปี มีอัตรายอดผู้เข้าพักเฉลี่ย 78% และสยาม แอ็ทสยาม พัทยา ได้เปิดบริการมา 4 ปี มีอัตรายอดเข้าพักเฉลี่ย 90%

สยาม แอ็ท สยามที่กรุงเทพฯ ได้ปรับโฉมมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อปี 2551 ได้เปิด Sky Dining 25th ชั้นดาดฟ้าชั้นที่ 25 ด้วยงบลงทุน 50 ล้านบาท เน้นลูกค้ามาดินเนอร์และจัดปาร์ตี้ และในปี 2559 ได้ทำการปรับปรุงห้องพักทั้งหมดโดยใช้งบลงทุน 40 ล้านบาท

แต่ในปีนี้สยาม แอ็ท สยามมีโจทย์ใหญ่มากขึ้น เพราะด้วยเทรนด์ของลูกค้าองค์กร หรือการจัดประชุมจัดสัมมนา และลูกค้างานแต่งงานมีการเติบโตสูง ทำให้ปีนี้ได้ปรับโฉมอีกครั้งเป็นครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปี ใช้งบลงทุน 150 ล้านบาท

ไฮไลต์ของการปรับโฉมครั้งนี้มีด้วยกัน 3 อย่าง 1.ปรับโฉมดีไซน์ห้องพักทั้ง 202 ห้อง ให้มีสีสันสดใส 2.เพิ่ม Heritage Floor เป็นการปรับห้องสปาในชั้น 10 เป็นห้องพักเอ็กซ์คลูซีฟ 19 ห้อง เน้นดีไซน์งานสถาปัตยกรรมไทยโคโลเนียลในสมัยรัชกาลที่ 6 3.เพิ่มห้องประชุมในชั้น 11 สำหรับจัดเลี้ยง จัดสัมมนา เพื่อเพิ่มโอกาสในการดึงลูกค้าองค์กร จากเดิมที่มีห้องประชุมห้องเดียวที่ชั้น

สิ่งที่สยาม แอ็ท สยามใช้เป็นจุดแข็งแตกต่างจากที่อื่นคือเรื่องของดีไซน์ เป็นการจัดงานแบบ Tailor Made เจาะตลาดกลุ่มประชุม สัมมนา และงานแต่งงานที่ต้องการความแปลกใหม่ กำหนดดีไซน์ได้เอง ได้ดึงเอก ทองประเสริฐและขวัญข้าว เศวตวิมลมาออกแบบ The Design Space Wedding หวังดึงกลุ่มตลาดเวดดิ้งและบ่าวสาวยุคใหม่ที่ต้องการจัดงานแต่งงานเก๋ๆ

ประธานพร พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยาม แอ็ท สยาม จำกัด กล่าวว่าตอนนี้ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ต้องจับเทรนด์ให้ทันตลอด จากปกติดูแค่เทรนด์การท่องเที่ยว ตอนนี้ต้องดูทุกอย่าง เทรนด์ดิจิทัลก็ต้องดูเพราะลูกค้ามีการใช้ดิจิทัลเยอะ และอีกอย่างหนึ่งคือในตลาดลูกค้าองค์กรมีการเติบโตสูงเป็นเทรนด์โลก ต้องมีการปรับตัวเพื่อรองรับลูกค้ามากขึ้น

เทรนด์ลูกค้าเอเชียโตสูง

สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักของสยาม แอ็ท สยาม กรุงเทพฯ เน้นไปที่กลุ่ม ออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น ให้โตขึ้นอีก ส่วนตลาดกลุ่มยุโรปค่อนข้างมั่นคง แต่อาจจะมีลดลงจากปีที่แล้ว เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจในยุโรป

ส่วนที่พัทยา จะเน้นกลุ่มคนไทย เกาหลี รัสเซีย รวมถึงจีน ซึ่งครองสัดส่วนมากถึง 1 ใน 3 ของ นักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด

และในปีนี้คาดหวัง จะขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มญี่ปุ่น และอินเดีย เป็นกลุ่มที่มีการเติบโตสูง การรีโนเวตครั้งใหญ่นี้จะช่วยรองรับความต้องการของลูกค้าได้

จับลูกค้าองค์กร สร้างรายได้ยั่งยืน

นอกจากจะเป็นเทรนด์โลกที่มีการเติบโตแล้ว การที่สยาม แอ็ท สยามหันมาโฟกัสที่ลูกค้าองค์กรมากขึ้นจะช่วยสร้างรายได้ที่ยั่งยืนขึ้น เพราะลูกค้ากลุ่มนี้มีการจองล่วงหน้านาน ทำให้สามารถวางแผนทำกิจกรรมอื่นๆ ได้ ในขณะที่ลูกค้าท่องเที่ยวทั่วไปอาจจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายๆ อย่างในประเทศได้

รวมถึงมีการสร้างแบรนด์มากขึ้น ประธานพรบอกว่า ไม่อยากลงไปเล่นเรื่องราคามากนักเพราะมันไม่ยั่งยืน เน้นสร้างแบรนด์ เน้นจุดขายที่เป็นดีไซน์ โฮเทล มีการใช้งบการตลาด 5% ของยอดขายมาตลอดทุกปี แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ได้มีการเพิ่มงบการตลาดออนไลน์มากขึ้น แบ่งสัดส่วนเป็นงบออฟไลน์ 70% งบออนไลน์ 30%

ในปีนี้ได้มีการตั้งเป้ารายได้รวม 660 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากสยาม แอ็ท สยาม กรุงเทพฯ 350 ล้านบาท และมี่พัทยา 310 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนรายได้เป็นห้องพัก 55% และรายได้จากอาหาร หรือจัดเลี้ยง 45% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เป็นรายได้จากห้องพัก 60% และจัดเลี้ยง 40%