น้ำแร่เดือด ช้างส่ง “น้ำแร่” ลุยตลาดพรีเมียมอีกราย

ต้องเรียกว่าเป็นปีของ “น้ำแร่”จริงๆ หลังจากเป๊ปซี่ ส่งน้ำแร่อควาฟิน่า มิเนเรล ขยายพอร์ตพรีเมียม ค่ายช้าง ส่ง “น้ำแร่ช้าง” ออกลุยตลาด น้ำแร่พรีเมียม มูลค่า 3,800 ล้านบาท เติบโต 24% 

สำหรับค่ายช้างแล้ว ด้วยเป้าหมายของ ไทยเบเวอเรจที่ต้องการผลักดันรายได้จากเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ให้มีสัดส่วน 50% นั้น ทำให้เบรนด์ในเครือไทยเบฟต่างแอคทีฟมากขึ้น เติมสินค้าใหม่ๆ เข้ามาเสริมพอร์ตเพื่อเพิ่มรายได้

แบรนด์ช้างเองก็เป็นหนึ่งในหัวหอกหลัก ในช่วง 1-2 ปี มานี้ แบรนด์ช้างจึงต้องรุกหนักทั้งส่วนของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ หลังจากรีแบรนด์เบียร์ช้างใหม่ และเปิดตัวโซดาใหม่ร็อคเมาเท้นท์ ถึงเวลาที่ช้างแตกไลน์สู่เซ็กเมนท์ใหม่เข้าไปอีก

น้ำแร่ช้างเป็นผลผลิตล่าสุดที่ได้ทำการศึกษาตลาดอยู่ร่วม 1 ปีก่อนจะนำออกวางจำหน่ายเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยวางจุดยืนเป็นน้ำแร่ระดับพรีเมี่ยมแมส ราคา 10 บาท ขนาด 460 มิลลิลิตร ถือว่าราคาสูงกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นในตลาด

เลือกจับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มมิลเลนเนียลคนรุ่นใหม่ และคนชั้นกลาง อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เพราะด้วย Global trend ที่ทั่วโลก และไทยกำลังเข้าสู่สังคมคนชั้นกลาง ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากขึ้น มองสินค้าพรีเมี่ยมที่มีคุณภาพ เสพของที่ดีต่อสุขภาพ โดยที่ตลาดสินค้าพรีเมี่ยมในประเทศไทยเติบโต 24% เป็นเซ็กเมนท์เครื่องดื่มโตถึง 103%

ช้างได้มองเห็นโอกาสทางการตลาดของตลาดน้ำแร่ที่มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมาเฉลี่ย 15% ด้วยมูลค่าตลาด 3,800 ล้านบาท ในปี 2559 หรือคิดเป็นสัดส่วนกว่า 10% ของตลาดน้ำดื่มที่มีมูลค่า 33,000 ล้านบาท แต่มีการเติบโตเฉลี่ย 8%

ทำให้ตลาดน้ำแร่เป็นอีกหนึ่งตลาดเนื้อหอมที่หลายแบรนด์ลงมาทำตลาดกันกระหน่ำ ด้วยกระแสดูแลสุขภาพของคนไทย และเทรนด์สินค้าพรีเมี่ยม ตลาดน้ำแร่ในไทย จึงมีผู้เล่นอยู่ถึง 6 แบรนด์ใหญ่ ได้แก่ มิเนเร่, ออร่า, มองเฟลอ, เพอร์ร่า และมีแบนด์น้องใหม่อีก 2 แบรนด์ ก็คือช้าง และอควาฟิน่า มิเนเรลจากค่ายเป๊ปซี่

แต่ละแบรนด์ได้วางจุดยืนที่แตกต่างกันไปตั้งแต่แมสไปจนถึงพรีเมี่ยมแมส

เอ็ดมอนด์ เนียว คิม ซูน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ช้างอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่าเทรนด์การดูแลสุขภาพมีการเติบโตไปทั่วโลก ในไทยเองก็เติบโตสูงต่อเนื่อง น้ำแร่เข้ามาตอบโจทย์ผู้บริโภค ทางช้างเองก็ต้องการหาสินค้าใหม่ๆ เข้ามาตอบโจทย์เพื่อขยายแบรนด์ และจะเป็นสินค้าหลักในตลาดพรีเมี่ยมของช้าง

สร้างแบรนด์ช้างขวดเขียว

นอกจากการเสริมพอร์ตน้ำแร่เข้ามาในตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์แล้ว อีกปัจจัยสำคัญก็คือเรื่องการสร้างแบรนด์ หลังจากที่เมื่อปีที่ผ่านมามีการเข้มงวดการทำตลาดของเบียร์มากขึ้น ทำให้แบรนด์ต้องทำการบ้านมากขึ้น ต้องทำการตลาดแบบระมัดระวัง

ช้างเริ่มปรับสินค้าในพอร์ตทั้งหมดให้เป็นครอบครัวช้างแพคเกจจิ้งโทนสีเขียว ให้เข้ากับสีของแบรนด์ และใช้คอนเซปต์แบรนด์เติมเต็มคำว่าเพื่อนเหมือนกันทั้งเบียร์ น้ำดื่ม และน้ำแร่ โดยที่เบียร์หลังจากที่รีแบรนด์ได้ใช้แพคเกจจิ้งขวดสีเขียว ต่อมาก็เริ่มรีแพคเกจจิ้งให้น้ำดื่มช้างที่เพิ่มสีเขียวเข้าไปในฉลากมากขึ้น มาจนถึงน้ำแร่ช้างที่เลือกขวดสีเขียวเหมือนกับเบียร์ เพื่อให้ดูแตกต่างจากแบรนด์อื่นด้วย และมองว่าสีเขียวเป็นสีพรีเมี่ยม

การทำการตลาดของแบรนด์ช้างตอนนี้จึงเหมือนเป็น Butterfly Effect เพราะสามารถโฆษณาแบรนด์น้ำแร่ที่เป็นเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ได้ในขณะที่ไม่สามารถโฆษณาเบียร์ได้แต่ก็ได้ในเรื่องของการรับรู้แบรนด์ผ่านน้ำแร่ช้างที่มีทั้งขวดและคอนเซปต์เดียวกัน

สำหรับน้ำแร่ช้างตั้งเป้าเป็นท็อป 3 ในตลาดน้ำแร่ภายใน 2 ปี หรือมีส่วนแบ่งตลาดไม่ต่ำกว่า 20% และมองว่าจะเป็นตัวสำคัญที่จะผลักดันรายได้ของเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ให้เข้าสู่วิสัยทัศน์ 2020 ได้