ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (LHHOTEL) เดินหน้าลงทุนเพิ่มเติมในสิทธิการเช่าช่วงอสังหาริมทรัพย์และกรรมสิทธิ์ในสังหาริมทรัพย์โครงการ ‘โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ’ จากบริษัท แอล แอนด์ เอช พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นระยะเวลาประมาณ 21 ปี วงเงินไม่เกิน 3,887.40 ล้านบาท หลังเข้าลงทุนครั้งแรกในโครงการโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21 เมื่อปลายปี 2558 ชูจุดเด่นทรัพย์สินที่ลงทุนเพิ่มเติมอยู่ในทำเลทองใกล้แยกราชประสงค์ ที่เป็นย่าน CBD และใจกลางแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของกรุงเทพฯ โชว์อัตราเข้าพักไตรมาส1/60 อยู่ที่ร้อยละ 90 เตรียมเปิดจองซื้อให้แก่ 1) ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมของ LHHOTEL ที่มีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยทรัสต์ตามสัดส่วนการถือหน่วยทรัสต์ (Rights Offering) ในวันที่15 พฤษภาคม 2560 2) ผู้ถือหุ้นของผู้จำหน่ายทรัพย์สิน และ/หรือ บริษัทในเครือเดียวกันกับผู้ถือหุ้นของผู้จำหน่ายทรัพย์สิน และ/หรือ กลุ่มบุคคลเดียวกัน ได้แก่บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และ GIC Pte Ltd และ 3) ประชาชน (Public Offering) ที่เป็นผู้มีอุปการคุณของผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และนักลงทุนสถาบัน ซึ่งมีราคาเสนอขายเบื้องต้นที่ 13.00-13.30บาทต่อหน่วย โดยผู้จองซื้อรายย่อยและนักลงทุนสถาบันที่ไม่ได้นำส่งใบ Bookbuilding จะต้องชำระเงินค่าจองซื้อที่ 13.30 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นราคาสูงสูดของช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้น และจะประกาศราคาเสนอขายสุดท้าย 6 มิ.ย.นี้
นางสาวกนกวลี วิริยประไพกิจ กรรมการ บริษัท แอล แอนด์ เอช พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ในเครือ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล (LHHOTEL) จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมในโครงการโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ จากบริษัท แอล แอนด์ เอช พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นระยะเวลาประมาณ 21 ปี โดยสิทธิการเช่าช่วงดังกล่าวจะหมดอายุลงในวันที่ 31 พฤษภาคม 2581 ซึ่งเป็นหนึ่งในทรัพย์สินที่มีศักยภาพของกลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของไทย หลังจากเมื่อปลายปี 2558 ได้เข้าลงทุนครั้งแรกในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์และกรรมสิทธิ์ในสังหาริมทรัพย์ของโครงการโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21 ทำเลอโศก-สุขุมวิท ติดศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21
โดยโครงการโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ ที่จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้ เปิดให้บริการเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551 เป็นอาคารสูง 49 ชั้น และชั้นใต้ดิน 1 ชั้น มีห้องพักจำนวน 497 ห้อง พื้นที่ทั้งหมด 66,628 ตารางเมตร ตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีราชดำริ ในซอยมหาดเล็กหลวง 1ถนนราชดำริ ใกล้กับแยกราชประสงค์ ซึ่งเป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) และแหล่งท่องเที่ยวของกรุงเทพฯ ที่แวดล้อมด้วยศูนย์การค้าชั้นนำ อาคารสำนักงาน จึงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและคนไทยเข้าพักอาศัยเป็นจำนวนมาก โดยมีอัตราเข้าพักในปี 2559 ร้อยละ 80 และไตรมาส 1/60สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 มีอัตราเข้าพักเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 90
นอกจากนี้ โครงการยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากประเทศไทยถือเป็นเดสทิเนชั่นของการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ โดยปี 2559 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยแล้วจำนวน 32.6 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.9 เมื่อเทียบกับปี 2558 ที่อยู่ที่จำนวน 29.9 ล้านคน
นางสาวเพียงดาว วัฒนายากร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ กล่าวว่า นับตั้งแต่ปลายปี 2558 ที่ทรัสต์ LHHOTEL เข้าลงทุนครั้งแรกในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์และกรรมสิทธิ์ในสังหาริมทรัพย์ของโครงการโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21 ที่ตั้งอยู่ทำเลอโศก-สุขุมวิท ติดศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21รถไฟฟ้า BTS และ MRT สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนโดยนับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2559 ถึง31 มีนาคม 2560 ได้จ่ายผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์แล้วทั้งสิ้น 1.1625 บาทต่อหน่วย โดยแบ่งเป็นจ่ายจากผลประโยชน์จากการดำเนินงานของปี 2559 เป็นจำนวน 0.9325 บาท/หน่วย และ ปี 2560 เป็นจำนวน 0.2300 บาท/หน่วย ( ที่มา : www.lhhotelreit.com)
ส่วนการเข้าลงทุนเพิ่มเติมในสิทธิการเช่าช่วงอสังหาริมทรัพย์และกรรมสิทธิ์ในสังหาริมทรัพย์ ของโครงการโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่มีผลการดำเนินงานที่ดี ตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพซึ่งจะได้รับประโยชน์จากภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง รวมถึงช่วยสร้างการเติบโตในด้านทรัพย์สินผลตอบแทนและสภาพคล่องที่ดีขึ้นจึงเป็นโอกาสดีของนักลงทุนที่สนใจสามารถเข้าลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินประเภทโรงแรมชั้นนำที่อยู่ในย่านใจกลางเมืองของกรุงเทพฯ
ทั้งนี้ ปัจจุบัน ทรัสต์ LHHOTEL ได้รับการอนุมัติแบบแสดงรายการเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมจากสำนักงาน ก.ล.ต. เป็นที่เรียบร้อย โดยวงเงินลงทุนในทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้ มีมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 3,887.4 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งจะเป็นเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกินร้อยละ 25 ของมูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์ (หลังจากการลงทุนในทรัพย์สินที่ลงทุนเพิ่มเติม)
ด้านนางสาววรดา ตั้งสืบกุล รองผู้จัดการใหญ่ Investment Banking Coverage ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า ทรัสต์ LHHOTEL ได้พิสูจน์ให้นักลงทุนได้เห็นถึงศักยภาพของทรัพย์สินโดยที่ผ่านมา โครงการโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21 มีอัตราการเข้าพัก และอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยสูงกว่าที่คาดการณ์ ทำให้ทรัสต์ LHHOTEL สามารถจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนสูงกว่าที่คาดการณ์ตอนเสนอขายครั้งแรก (IPO) ที่ 0.825 บาท/หน่วย
ในส่วนของทรัพย์สิน กองทรัสต์มีทรัพย์สินที่มีศักยภาพสูงอยู่แล้ว คือโครงการโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21 ครั้งนี้ทรัสต์ LHHOTEL จะระดมทุนเพื่อเข้าลงทุนในโครงการโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ราชดำริ ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินที่คงมีศักยภาพสูงและตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมืองอีกด้วย การลงทุนในทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ถือหน่วยทรัสต์ปัจจุบัน รวมทั้งยังเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนรายใหม่ๆ มีทางเลือกในการลงทุนในทรัพย์สินที่มีศักยภาพ และมีผลการดำเนินงานในอดีต (Track record) อีกทั้ง การลงทุนในทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมยังสอดคล้องกับนโยบายการลงทุนของทรัสต์ LHHOTEL ที่มุ่งเน้นการลงทุนในทรัพย์สินประเภทโรงแรมที่มีศักยภาพสูง
ด้วยคุณภาพของทรัพย์สินที่ทรัสต์จะเข้าลงทุน และการมีโครงสร้างทางการเงินที่เหมาะสม เชื่อว่าการระดมทุนเพื่อลงทุนในทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จ และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน
นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สาย Primary Distribution ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า ทรัสต์ LHHOTEL เสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมให้แก่ 1) ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมของLHHOTEL ที่มีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยทรัสต์ตามสัดส่วนการถือหน่วยทรัสต์ในวันที่15 พฤษภาคม 2560 ไม่เกิน 156,989,282 หน่วย หรือประมาณร้อยละ 70 ของหน่วยทรัสต์ที่เสนอขายเพิ่มเติมครั้งนี้ ในสัดส่วน 1 หน่วยทรัสต์เดิม ต่อ 0.5005 หน่วยทรัสต์ที่เสนอขายเพิ่มเติม โดยผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีสิทธิจองซื้อสามารถจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมตามสิทธิที่ได้รับจัดสรร หรือเกินกว่าสิทธิที่ได้รับจัดสรร หรือน้อยกว่าสิทธิที่ได้รับการจัดสรร หรือสละสิทธิไม่จองซื้อหน่วยทรัสต์ที่เสนอขายเพิ่มเติมในครั้งนี้ก็ได้ หากมีหน่วยทรัสต์เหลือจากการจัดสรรผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่จองซื้อตามสิทธิแล้ว จะทำการจัดสรรหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมที่เหลือให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่จองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมเกินกว่าสิทธิอย่างน้อยหนึ่งรอบ 2) ผู้ถือหุ้นของผู้จำหน่ายทรัพย์สิน และ/หรือ บริษัทในเครือเดียวกับผู้ถือหุ้นของผู้จำหน่ายทรัพย์สิน และ/หรือกลุ่มบุคคลเดียวกัน ได้แก่บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และ GIC Pte Ltd รวมประมาณ 26,228,102 หน่วย และ 3) ประชาชน (Public Offering) ที่เป็นผู้มีอุปการคุณของผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และนักลงทุนสถาบัน ประมาณ41,037,616 หน่วย จองซื้อขั้นต่ำ 1,000 หน่วย และเพิ่มขึ้นทีละ 100 หน่วย
โดยกำหนดช่วงราคาเสนอขายหน่วยทรัสต์เบื้องต้นที่ 13.00 – 13.30 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่เป็นนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันที่ไม่ได้นำส่งใบ Bookbuilding สามารถจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมในวันที่ 26, 29-31 พฤษภาคม 2560 และวันที่ 1 มิถุนายน 2560 และในส่วนของผู้มีอุปการคุณของผู้จัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ที่ไม่ใช่นักลงทุนสถาบัน (PO) จองซื้อวันที่ 26, 29-31 พฤษภาคม 2560 และวันที่ 1-2 และ 5 มิถุนายน 2560 ซึ่งจะต้องชำระราคาจองซื้อที่ 13.30 บาทต่อหน่วยซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายหน่วยทรัสต์เบื้องต้น ราคาเสนอขายสุดท้ายต่อหน่วยจะประกาศในวันที่ 6 มิถุนายนนี้ หากราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่าราคาจองซื้อ จะคืนเงินส่วนต่างราคาให้แก่ผู้จองซื้อทุกรายโดยสามารถจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา สำหรับนักลงทุนสถาบันทั้งที่เป็นผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมหรือรายใหม่ ซึ่งได้นำส่งใบ Bookbuildingจะจองซื้อในวันที่ 7-9 มิถุนายน 2560 ที่ราคาเสนอขายสุดท้าย