เจาะกลยุทธ์ 9 ปี “ORIGIN” จากบริษัทอสังหาฯ เล็กๆ สู่บริษัท Top 5 ที่มียอดพรีเซลคอนโดฯ สูงที่สุดในไทย

ออริจิ้นประกาศตัวเองไว้อย่างชัดเจนว่าขอเป็น Affordable Premium Condo ที่จะผสมผสานความมีระดับและราคาที่เข้าถึงได้ไว้ด้วยกัน จากความเชื่อที่ว่า “ชีวิตในฝัน คือชีวิตที่สะท้อนเรื่องราวความฝันและความเป็นคุณอย่างลงตัว” จึงทำให้ออริจิ้นทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยในฝันให้เกิดขึ้นจริง จากวันแรกที่ก่อตั้งบริษัทขึ้นเมื่อปี 2552 จนมาถึงวันนี้ ออริจิ้นก็ได้แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของบริษัท ที่มีกลยุทธ์ในการดำเนินงานอย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้ทุกการสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัย สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนในแต่ละพื้นที่ได้อย่างลงตัว

โดยในแต่ละปีก็ได้มีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดอยู่ตลอดเวลาตามแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ก็ยังคงคอนเซ็ปต์พื้นฐานของคอนโดมิเนียมที่จับกลุ่มเป้าหมายเป็นคนที่ใช้ชีวิตในเขตเมือง ด้วยทำเลที่ใกล้รถไฟฟ้าทั้ง BTS และ MRT ผนวกกับการเป็น Creator ที่ดีไซน์คอนโดให้แตกต่างจากท้องตลาด และการแสวงหาช่องว่างทางการตลาดแบบ Blue Ocean จึงทำให้ออริจิ้นมีผลประกอบการที่เติบโตเรื่อยมา

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ KnightsBridge, Notting Hill และ Kensington กล่าวว่า “สาเหตุที่ยอดขายตลอด 8 ปีที่ผ่านมาของเราเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจนมียอดขายทะลุหนึ่งหมื่นล้านบาทต่อปีนั้น เพราะเราสามารถเข้าถึงตลาดผู้อยู่อาศัยดั้งเดิมในแต่ละทำเล ยอดขายหลายๆ โครงการของเราเป็นผู้อยู่อาศัยดั้งเดิมในทำเลนั้นกว่า 70% สะท้อนว่าความสุขของลูกค้าของเรา คือการได้มีที่อยู่อาศัยในทำเลที่เขาคุ้นเคย ติดรถไฟฟ้า

ที่ผ่านมา คอนโดมิเนียมมักถูกกล่าวถึงในฐานะบ้านหลังที่ 2 ผู้คนมักคิดว่าบ้านหลังที่ 2 ต้องอยู่ในเมือง เพื่อให้ใกล้ที่ทำงานที่สุด แต่นับจากนี้ไปจะไม่ใช่ยุคคนแห่ไปอยู่ในเมือง เพราะโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมอย่างรถไฟฟ้าสามารถกระจายเข้าถึงผู้คนในทุกพื้นที่ ตลาดคอนโดมิเนียมจะกลายเป็นบ้านหลังแรกของคนรุ่นใหม่ที่เกิดจากครอบครัวขยายหรือต้องการอยู่ในแนวรถไฟฟ้าใกล้แหล่งงาน จากเดิมเคยอาศัยอยู่บ้านแนวราบในทำเลไหน พอมีครอบครัวเพิ่มเติม ก็ขยายไปอยู่ในคอนโดมิเนียมทำเลใกล้เคียงเดิม เพื่อให้ได้ใช้ชีวิตอยู่ในย่านที่คุ้นเคย ไปหาญาติพี่น้องได้สะดวก ประเทศไทยจะเหมือนประเทศญี่ปุ่นที่ผู้คนไม่ได้คาดหวังว่าต้องดิ้นรนเข้าไปอยู่ในเมือง อาศัยรถไฟฟ้าไปทำงานในแต่ละวัน การเป็นแบรนด์ที่ตอบสนองการใช้ชีวิตในฝันในแบบที่เป็นตัวเอง ไม่ต้องตามใคร จึงน่าจะเป็นแบรนด์ที่เข้าใจผู้บริโภคในปัจจุบันและอนาคตมากที่สุด

“ค่าครองชีพในเมืองจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ราคาคอนโดมิเนียมในเมืองที่ราคา 3-5 ล้านจะไม่ใช่ราคาที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ แถมอีกหน่อยคอนโดมิเนียมในเมืองอาจจะกลายเป็นคอนโดมิเนียมแบบลีสโฮลด์ ที่ผู้ซื้อไม่ได้มีสิทธิ์ขาดตลอดไป ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความฝันของคนทั่วไป เพราะคนทั่วไปยังต้องการมีคอนโดมิเนียมที่ตัวเองมีสิทธิ์ขาด ราคาเข้าถึงได้ มีการตกแต่ง มีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เป็นรากดั้งเดิมของเขา ออริจิ้น ซึ่งมีความหมายถึงรากหรือต้นกำเนิด ไม่ซ้ำใคร ไม่ตามใคร จึงต้องการแสดงจุดยืนในฐานะผู้เข้าใจผู้บริโภคที่สุดผ่านแคมเปญ My Life. My Origin” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าว

โดยการสื่อสารแคมเปญ My Life. My Origin ในครั้งนี้ก็เป็นการสะท้อนตัวตนของแบรนด์ (Brand Personality) ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ที่ต้องการสื่อสารแนวคิดเรื่องการเชื่อมั่นในจุดยืน ความฝัน และส่งเสริมการให้คุณค่าของแก่นแท้ความเป็นตัวเอง มากกว่าการไหลไปตามกระแสสังคม กลุ่มเป้าหมายหลักก็คือคนรุ่นใหม่ ที่ตั้งใจทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตนเอง ภูมิใจและมีความคิดเป็นของตัวเอง ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย เลือกทำตามความฝันที่เป็นจริงได้ในแบบฉบับของตัวเอง

เพื่อให้ภาพลักษณ์ของบริษัทและคอนโดมิเนียมแต่ละแบรนด์ชัดเจนยิ่งขึ้น ทางออริจิ้นจึงเลือก ณเดชน์ คูกิมิยะ พระเอกระดับแถวหน้าของเมืองไทย ซึ่งมีบุคลิกที่สอดคล้องกับแบรนด์คอนโดมิเนียมทั้ง 3 แบรนด์ของออริจิ้น มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในแคมเปญ My Life. My Origin

ด้วยบุคลิกในแบบคนธรรมดาที่มีสไตล์ มีทั้งมุมเนี้ยบ มุมเท่ และมุมสบายๆ ไม่ว่าจะมาในแบบเรียบหรูอย่างไนท์บริดจ์ ดูดีแบบโมเดิร์นอย่างนอต-ติ้ง ฮิลล์ หรือจะเท่แบบลุยๆ อย่างเคนซิงตัน ภาพลักษณ์ของณเดชน์ก็สามารถตอบโจทย์เหล่านี้ได้ทั้งหมด ทั้งยังมีอายุใกล้เคียงกับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ที่เป็นกลุ่ม First Jobber สะท้อนภาพคนรุ่นใหม่ที่มุ่งมั่นทำตามความฝันด้วยแนวทางของตนเองให้เป็นจริง เช่นเดียวกับแบรนด์ออริจิ้นที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยตลอด 9 ปีที่ผ่านมา ผ่านแนวความคิดที่เชื่อว่าทุกๆ ความฝันนั้นเป็นจริงได้ โดยทำความฝันของคนที่อยากจะมีคอนโดดีๆ สักห้องสามารถเป็นจริงได้ ทั้ง Function ห้องที่ตอบสนองในการอยู่อาศัยได้จริงแม้ขนาดที่ไม่ใหญ่มาก รวมถึงราคาที่ทุกคนเอื้อมถึงและคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพิ่มมูลค่าให้กับโครงการที่ลูกค้าซื้อ

แม้ว่าการใช้ดารามาเป็นพรีเซ็นเตอร์จะถือเป็นกลยุทธ์ที่ไม่ได้มีความแปลกใหม่ แต่ด้วย Character ของณเดชน์ที่มีบุคลิกที่สอดคล้องกับออริจิ้นอย่างลงตัว ก็ช่วยให้การสื่อสารภาพลักษณ์ไปยังคนรุ่นใหม่เป็นไปด้วยความรวดเร็วและชัดเจน

พร้อมกันนี้ ออริจิ้นยังเตรียมเปิดอีก 4 โครงการใหญ่ ได้แก่ 1. ไนท์บริดจ์ พหลโยธิน-อินเตอร์เชนจ์ (KnightsBridge Phaholyothin-Interchange) มูลค่า 2,100 ล้านบาท 2. นอตติ้ง ฮิลล์ สกายสแครปเปอร์@เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ (Notting Hill Skyscraper@Central Rattanathibet) มูลค่า 2,500 ล้านบาท 3. นอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท 105 (Notting Hill Sukhumvit 105) เฟส 2 มูลค่า 1,300 ล้านบาท และ 4. เคนซิงตัน สุขุมวิท-เทพารักษ์ (Kensington Sukhumvit-Theparak) มูลค่า 2,500 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการกว่า 8,400 ล้านบาท เปิดวีไอพี พรีเซลพร้อมกัน 17 มิถุนายนนี้ ลงทะเบียนเพื่อรับข่าวสารและสิทธิพิเศษได้ที่ https://goo.gl/adktQU