ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีบริษัทหลายแห่งที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แตะระดับ “พันล้านเหรียญ” ด้วยระยะเวลาอันสั้นอย่างเหลือเชื่อ และนี่คือบริษัท Startup 7 แห่งที่ถือว่า “แรง และเร็ว” ที่สุดในวงการ
Startup คือรูปแบบของการทำธุรกิจในยุคใหม่ ที่ถูกออกแบบมาให้ “เติบโต” อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่การฟอร์มทีมงาน วิธีใช้เงิน และการทำการตลาด ซึ่งทำให้บริษัทโตเร็วอย่างเหลือเชื่อ
ด้วยการเป็นธุรกิจที่ถูกออกแบบมาให้เติบโตอย่างรวดเร็วมาตั้งแต่แรก ตั้งแต่ทีมงาน โครงสร้างธุรกิจ ไปจนถึงวิธีการใช้เงิน และการทำตลาด มีบริษัท Starup จำนวนมากที่ไต่ไปถึงหลัก “พันล้าน” ได้ในชั่วระยะเวลาแค่ไม่กี่ปี แต่ก็มีบริษัทอีกจำนวนหนึ่งที่ใช้เวลาระยะใกล้เคียงกันในการผ่านหลัก “หมื่นล้าน”
และนี่คือบริษัท Starup 7 แห่งที่ตอนนี้มีมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ไปเรียบร้อยแล้ว
Dropbox
มูลค่า 10,000 ล้านเหรียญฯ
Dropbox ผ่านหลัก 10,000 ได้ในปี 2014 จากการระดมทุนเพิ่ม 617 ล้านเหรียญฯ โดยบริษัทที่ให้บริการฝากไฟล์เริ่มต้นธุรกิจมาได้ 10 ปีแล้ว ซึ่งตอนนี้ Dropbox ยังพยายามขยายกิจการด้วยการก่อตั้ง Dropbox Enterprise และยังจะเริ่มเน้นการให้บริการแก่ลูกค้าที่เป็นภาคธุรกิจด้วย
ในปี 2016 Dropbox พยายามตัดลดทั้งจำนวนและค่าใช่จ่ายที่ฟุ่มเฟือยของพนักงาน ที่ว่ากันว่าสูงถึง 25,000 เหรียญฯ ต่อคน ซึ่งแม้ Dropbox จะไม่ได้เปิดเผยตัวเลขรายได้ แต่ก็เชื่อว่าเมื่อปีที่แล้วบริษัทมีรายรับถึง 500 ล้านเหรีญญฯ ดรูว์ ฮิวส์ตัน ยังยืนยันด้วยว่ากระแสเงินสดของบริษัทอยู่ในทิศทางที่ดี ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับธุรกิจเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีการคาดเดาว่า Dropbox จะเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกภายในปีนี้
มูลค่า: 11,000 ล้านเหรียญฯ
เมื่อเดือน พ.ค. 2016 Pinterest ได้ระดมทุนครั้งใหญ่เพื่อขยายกิจการจากผู้ลงทุนอย่าง Andreessen Horowitz, First Mark และ Goldman Sachs จนทำให้บริษัทมีมูลค่าทะลุไปถึง 11,000 ล้านเหรียญฯ
Pinterest เป็นโซเชียลเน็ตเวิร์คที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ “ค้นพบ” และ “ปักหมุด” สิ่งที่น่าสนใจในโลกออนไลน์ ปัจจุบัน Pinterest มีผู้ใช้ 175 ล้านคนต่อเดือน โดยครึ่งหนึ่งอยู่นอกสหรัฐฯ ซึ่งบริษัทเน้นทำตลาดในต่างประเทศมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นใน อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ญี่ปุ่น และบราซิล จนสามารถเพิ่มยอดโฆษณาได้เป็นเท่าตัว
โดยมีข่าวลือมาตั้งแต่ปีก่อนว่า Pinterest กำลังจะก้าวไปสู่การเป็นบริษัทมหาชน ซึ่งบริษัทเพิ่งจะแต่งตั้งประธานฝ่ายการเงินเป็นครั้งแรกเมื่อเดือน ต.ค. ปีก่อน จนกลายเป็นสัญญาณว่า Pinterest อาจเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปในระยะเวลาอันใกล้นี้
SpaceX
มูลค่า 12,000 ล้านเหรียญฯ
เมื่อเดือน ม.ค. 2015 SpaceX ของมหาเศรษฐีคนดัง อีลอน มัสต์ สามารถระดมทุนเพิ่มเติมจาก Google ได้อีก 1 พันล้านเหรียญฯ ทำให้บริษัทมีมูลค่าทะลุไปถึง 12,000 ล้านเหรียญฯ เป็นที่เรียบร้อย
SpaceX หรือ Space Exploration Technologies Corporation ที่ทำธุรกิจการบินอวกาศเพิ่งสร้างประวัติศาสตร์ส่งจรวด Falcon 9 สู่วงโคจร เพื่อปล่อยดาวเทียมและกลับโลกได้อย่างปลอดภัย ซึ่งเป็นการพิสูจน์ว่าเราสามารถนำจรวดที่มีมูลค่ามหาศาลกลับมาใช้ใหม่ได้อีกครั้ง โดยไม่ต้องปล่อยทิ้งลงทะเลตามปกติ
แต่ SpaceX ก็ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องท้าทายมากมายเช่นเดียวกัน เมื่อเดือน ก.ย. ปีก่อนจรวดของบริษัทระเบิดระหว่างการทดลอง จนทำให้ดาวเทียมของ Facebook ที่มีกำหนดจะปล่อยออกไปโคจรเสียหายอย่างย่อยยับไปด้วย ทำให้ SpaceX ต้องเลื่อนกำหนดปล่อยจรวด Falcon Heavy ที่มีพลังมากกว่าเดิมไปโดยปริยาย
WeWork
มูลค่า 18,000 ล้านเหรียญ
WeWork ทำธุรกิจจัดสรรค์ที่ทำงาน ที่ทำให้พนักงานบริษัทต่างๆ ฟรีแลนซ์ หรือกระทั่งเจ้าของกิจการเล็กๆ ได้มาแชร์พื้นที่ทำงานร่วมกัน
โดย WeWork เพิ่งได้รับการเพิ่มทุนจาก SoftBank เมื่เดือน เม.ย. ที่ผ่านมา จนทำให้มูลค่าบริษัทสูงถึง 18,000 ล้านเหรียญฯ แล้ว กลายเป็น startup ที่เติบโตรวดเร็วที่สุดอันดับ 4 ของสหรัฐฯ
WeWork เคยบอกใบ้ว่าบริษัทอาจจะเข้าสู่การเป็นองค์กรมหาชนในปี 2017 นี้ และพวกเขายังมีเป้าหมายเข้าซื้อกิจการอื่นๆ ด้วย
Palantir
มูลค่า 20,000 ล้านเหรียญฯ
Palantir เป็นชื่อของลูกแก้ววิเศษในวรรณกรรม The Lord of the Rings ส่วน Palantir ของ อเล็กซ์ คาร์ป เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ โดยบริษัทสามารถระดมทุนเพิ่มเติมได้ 2 พันล้านเหรียญฯ จนมูลค่าของ Palantir ทะลุไปถึง 2,000 ล้านเหรียญฯ แล้ว แม้ตอนนี้ Palantir จะยังไม่สามารถทำกำไรได้ก็ตาม
Palantir ได้ชื่อว่าเป็น Startup “จอมลึกลับ” เมื่อปีก่อนมีข่าวว่าบริษัทได้ซื้อหุ้น 225 ล้านเหรียญฯ คืนจากพนักงาน เพื่อแลกกับการให้พนักงาน “เก็บความลับ” บางอย่างของบริษัท
มีรายงานว่า Palantir ได้รับการสนับสนุนจาก CIA และทำงานบางอย่างให้กับภาครัฐ เคยมีข่าวว่า Palantir มีส่วนกับการที่รัฐบาลโจรกรรมข้อมูลของประชาชน ซึ่งเรื่องนี้ถูกเปิดโปงโดย เอ็ดเวิร์ด สโนเดน ด้วย บ้างก็ว่า Palantir มีส่วนกับการตามหา โอซามา บิน ลาเดน และเคยช่วยตำรวจบอสตันตรวจสอบใบหน้าบุคคลนับล้านๆ จากกล้องวงจรปิดจนสามารถระบุผู้ต้องหาที่วางระเบิดในงาน บอสตัน มาราธอน ได้
แต่ Palantir ก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน บริษัทเพิ่งจะมีเรื่องกับสำนักงานแรงงาน เกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่ว่า Palantir ว่าจ้างวิศวกรโดยเลือกปฏิบัติต่อคนเอเซีย จนทำให้ Palantir ต้องจ่ายค่าจ้างชดเชยถึง 1.6 ล้านเหรียญฯ ให้กับพนักงานที่ได้รับผลกระทบด้วย
Airbnb
มูลค่า 31,000 ล้านเหรียญฯ
Airbnb เจอปัญหาและเรื่องท้าทายไม่น้อยในปี 2016 แต่ธุรกิจให้เช่าบ้านแห่งนี้ก็ยังครองตำแหน่งเป็น Startup ที่มีมูลค่าเป็นอันดับ 2 ของสหรัฐอเมริกา
โดย Airbnb ต้องเผชิญหน้ากับการถูกดำเนินคดีที่ซานฟรานซิสโกและนิวยอร์ก แต่ Airbnb ก็ยังสามารถระดมทุนได้ถึง 850 ล้านเหรียญฯ และล่าสุดยังเพิ่มบริการ Trips ที่เป็นธุรกิจการท่องเที่ยวแบบเต็มรูปแบบของบริษัทด้วย
กระทั่งในเดือน มี.ค. 2017 Airbnb จึงระดมทุนเพิ่มได้อีก 1 พันล้านเหรียญฯ และทำให้บริษัทมีมูลค่าสูงถึง 31,000 ล้านฯ ซึ่งถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี Airbnb ก็น่าจะเข้าสู่การเป็นมหาชน ให้ประชาชนทั่วไปได้ซื้อหุ้นบริษัทกันในปี 2018
Uber
มูลค่า 68,000 ล้านเหรียญฯ
Uber กลายเป็น Startup อันดับ 1 ของสหรัฐฯ และระดับโลกไปแล้ว เป็นยักษ์ใหญ่ด้านเครือข่ายคมนาคมแบบไร้คู่แข่ง ด้วยการทิ้งห่างอันดับ 2 คือ Didi Chuxing ถึงเกือบ 20,000 ล้านเหรียญฯ
ในช่วงระยะเวลาไม่กี่ปี Uber สามารถระดมทุนได้หลายครั้ง ทั้ง 3,500 ล้านจากกลุ่มทุนของซาอุดิอาระเบีย และ 2,000 ล้านในรูปแบบของเงินกู้
แต่ผลการดำเนินงานของบริษัทก็ยังอยู่ในภาวะขาดทุน Uber ขาดทุนสูงถึง 708 ล้านเหรียญฯ ในไตรมาสแรกของปี 2017 แต่อย่างน้อยก็ยังถือว่าเป็นตัวเลขขาดทุนที่ลดลงจาก 991 ล้านเหรียญฯ ของไตรมาสก่อนหน้านั้น
นอกเหนือจากเรื่องเงินๆ ทองๆ แล้ว Uber ยังต้องเจอกับปัญหาจิปาถะมากมาย ทั้งการปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมกันทางเพศ และการล่วงละเมิดทางเพศ จนทำให้ซีอีโอต้องลาออก แล้วยังมีเรื่องที่ Waymo บริษัทผลิตรถยนต์ขับเองในเครือของ Google ที่กล่าวหาและฟ้องร้องว่า Uber ลอกเลียนเทคโนโลยีไปด้วย
ตอนนี้ Uber กำลังหาซีอีโอคนใหม่ ซึ่งบริษัทพยายามมองผู้บริหารที่ผ่านการการบริหารบริษัทมหาชนมาก่อนด้วย ซึ่งเชื่อว่า Uber กำลังมองโอกาสเข้าสู่การเป็นบริษัทมหาชนเช่นเดียวกัน
ที่มา : http://www.businessinsider.com
