ความสำเร็จไม่ได้มาโดยง่าย แต่เกิดจากการฝึกฝนและความทุ่มเทของครอบครัว “จุฑานุกาล” ที่สนับสนุนให้ลูกสาวทั้งสอง เม เอรียา จุฑานุกาล และพี่สาว โม โมรียา จุฑานุกาล ได้เดิตามความฝันในการเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพ
1. ครอบครัวทำธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้าง และเปิดร้านโปรช็อปขายอุปกรณ์กอล์ฟ จึงทำให้เม และพี่สาวได้เริ่มหัดเล่นกอล์ฟตั้งแต่อายุ 5 ขวบครึ่ง
2. เริ่มเรียนชั้นอนุบาลที่ จ.นครปฐม และย้ายมาต่อประถมที่กรุงเทพฯ ด้วยการสนับสนุนของโรงเรียน สองพี่น้องจึงได้เรียนครึ่งวัน เพื่อนำเวลาไปซ้อมหนักในช่วงบ่าย เย็นว่ายน้ำ เข้านอน 3-4 ทุ่ม
3. โค้ชคนแรกคือพ่อ สมบูรณ์ จุฑานุกาล แต่เมื่อต้องฝึกปรือฝีมืออย่างจริงจัง สมบูรณ์จึงตัดสินใจเสาะหาโค้ชมือดีให้บุตรสาว
4. แววความสำเร็จเริ่มฉายแววตั้งแต่อายุ 8 ขวบ เมื่อเม คว้าที่ 2 รายการ Junior World ที่สหรัฐอเมริกา ต่อมาก็สามารถคว้าแชมป์รายการต่างๆ จนสมาคมกอล์ฟเยาวชนแห่งสหรัฐอเมริกา (AJGA) มอบรางวัลนักกอล์ฟเยาวชนหญิงแห่งปี 2 ปีซ้อน คือ ปี 2011 และ 2012
5. โปรเมได้เทิร์นโปรมาตั้งแต่ปี 2013 ทำเงินในรายการต่างๆ กว่า 1,170,347 ดอลลาร์สหรัฐ ยังไม่รวมสปอนเซอร์ต่างๆ ทุกวันนี้ครอบครัวปลดหนี้
6. ครอบครัวสนับสนุนให้ลูกสาวได้ตามความฝัน ที่อยากเป็นนักกอฟล์ฟถึงกับต้องขายรถ ขายบ้าน รวมทั้งทุ่มเงิน 20 ล้านบาท เพื่อผลักดันให้ลูกสาวได้เป็นนักกอล์ฟอาชีพ
7. ช่วงที่แข่งแบบมือสมัครเล่นก็รับสปอนเซอร์ไม่ได้ และครอบครัวต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดมาก แทนที่จะกินข้าวในคลับเฮาส์ แต่เลือกไปกินโรงอาหารแคดดี้ ในราคา 30 บาท
8. ในวัย 16 ปี ปี 2012 เม-เอรียา เทิร์นโปรได้สำเร็จ ก่อนจะมาเล่นในแอลพีจีเอทัวร์เต็มตัวในปี 2015 ซึ่งทำให้เธอมีสปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุน ทำให้มีรายได้ต่อปีเกือบ 10 ล้านบาท ไม่รวมรางวัลจากการแข่งขัน
9. โปรเมต้องพลาดหวังในแข่งขันในรายการ Honda LPGA Thailand 2013 เป็นวันที่เธอร้องไห้เสียใจที่สุดในชีวิต เพราะใจร้อน
10. เธอปิดฤดูกาล 2016 ด้วยการคว้ารางวัล “Rolex Player of the Year” หรือ “ผู้เล่นแห่งปี และยังเป็นนักกอล์ฟหญิงที่ทำเงินรางวัลได้มากที่สุดในปี 2016 ด้วยเงินรางวัลสะสม 2,550,928 ดอลลาร์สหรัฐ (89.3 ล้านบาท) มากกว่าโค 57,934 ดอลลาร์สหรัฐ (2.03 ล้านบาท)
ในที่สุด เธอก็ก้าวขึ้นเป็นนักกอล์ฟ มือถือ1 โลก เบียด ลิเดีย โค สาวน้อยนิวซีแลนด์ ที่นั่งบัลลังก์มานาน 84 สัปดาห์ติดต่อกัน
ที่มา : http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9600000016491
