กลุ่มเซ็นทรัล เดินหน้าผลักดันสินค้าคุณภาพจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ภายใต้โครงการ “สินค้าชุมชนของเรา ปีที่ 6” ด้วยสินค้ากว่า 1,508 รายการ จาก 123 ชุมชน รวม 49 จังหวัดทั่วประเทศ จำหน่ายในกลุ่มธุรกิจในเครือบริษัท กลุ่มเซ็นทรัล ได้แก่ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์ และไทวัสดุ สร้างรายได้คืนกลับสู่ชุมชน ตั้งแต่ปี 2555-2559 กว่า 637 ล้านบาท คาดสิ้นปี 2560 จะสามารถผลักดันสินค้าชุมชนเพิ่มเป็น 135 ชุมชน ใน 50 จังหวัดทั่วประเทศไทย และคาดว่าจะมียอดขายสินค้าชุมชนเฉพาะปี 2560 รวมทั้งสิ้นกว่า 250 ล้านบาท ส่งผลให้ชุมชนมีอาชีพ มีรายได้ที่มั่นคง และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้กลุ่มเซ็นทรัลยังได้ร่วมมือกับ กระทรวงพาณิชย์ จัด “มหกรรมสินค้าชุมชนของเรา 2560” จำหน่ายสินค้าคุณภาพจากเกษตกรแหล่งผลิตในโครงการสินค้าชุมชนของเรามากกว่า 100 รายการ โดยจะจัดขึ้นทั้งหมด 4 ครั้งทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ตั้งเป้ายอดขายตลอดการจัดงานรวมไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท เริ่มงานแรกวันที่ 22-27 มิ.ย. 60 ณ ลานอิเดน และ เซ็นทรัลคอร์ท ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ คาดมีจำนวนคนเที่ยวชมงานทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติกว่า 20,000 คนต่อวัน
พิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า โครงการสินค้าชุมชนของเราได้ดำเนินงานมาอย่างยาวนานเข้าสู่ปีที่ 6 ที่ผ่านมาเราได้ทำการช่วยเหลือพัฒนาชุมชนไปแล้ว 123 ชุมชน ใน 49 จังหวัดทั่วประเทศไทย มีสินค้าที่ได้รับการพัฒนาแล้วกว่า 1,508 รายการ และสร้างรายได้คืนกลับสู่ชุมชนไปแล้วรวมกว่า 637 ล้านบาท ซึ่งปี 2560 นี้ถือเป็นปีที่สำคัญที่กลุ่มเซ็นทรัลมุ่งมั่นตั้งใจทำกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างจริงจัง เนื่องในโอกาสพิเศษที่กลุ่มเซ็นทรัลครบรอบ 70 ปี และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 ผู้เป็นที่รักยิ่งของชาวไทยทุกคน
โครงการสินค้าชุมชนของเรา ภายใต้โครงการเซ็นทรัลอาสาพัฒนาชุมชน เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2555 จากการเป็นหนึ่งในโครงการด้าน CSR (Corporate Social Responsibility) ของกลุ่มเซ็นทรัล ต่อมาได้พัฒนาเป็นโครงการด้าน CSV (Creating Shared Value) ที่เพิ่มเติมการแบ่งปัน การช่วยเหลือ การสนับสนุนด้านต่างๆ ให้กับชาวบ้านอย่างครบวงจร และยั่งยืน มุ่งเน้นสร้างงาน สร้างอาชีพ เสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชุมชน รวมทั้งสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสังคมในชุมชนนั้นๆ โดยมีกระบวนการดำเนินงานเป็นไปในทิศทางเดียวกับโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ภูมิภาคของประชารัฐ แบ่งออกเป็น 8 ด้านหลัก ได้แก่
-
เรียนรู้สินค้าของชุมชน ด้วยการส่งบุคลากรลงพื้นที่ เข้าไปศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ร่วมกับคนในชุมชน เพื่อทราบถึงจุดเด่น จุดด้อย นำมาซึ่งการวางแผนพัฒนาหรือต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ต้องการของลูกค้าในตลาดมากขึ้นกว่าเดิม
-
การพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มแก่สินค้า เพื่อให้เหมาะสมกับยุคสมัย ลดต้นทุน เพิ่มกำไร และขยายขีดความสามารถในการแข่งขัน
-
การเพิ่มทักษะและความรู้ โดยเฉพาะความรู้ด้านการค้าปลีก และทักษะทางอาชีพ อาทิ เรียนรู้ที่จะวางแผนการเพาะปลูกพืชผักให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เพื่อลดปัญหาสินค้าล้นตลาด
-
การเงินและการลงทุน สนับสนุนทุนทรัพย์ และงบประมาณด้านสิ่งปลูกสร้าง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของผลผลิต เช่น การจัดซื้ออุปกรณ์, การสร้างอาคารคัดบรรจุผัก, โรงแปรรูปถนอมอาหาร เป็นต้น
-
การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ เพื่อขยายเครือข่ายพันธมิตรกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ และเอกชน อาทิ อบต. อบจ. สาธารณสุข โรงเรียน ชลประทาน เป็นต้น
-
การขนส่งและระบบโลจิสติกส์ เลือกวิธีการขนส่งสินค้าที่ส่งผลดีที่สุดต่อต้นทุน คุณภาพสินค้า และระยะเวลาที่ใช้ในการขนส่ง
-
ช่องทางการจัดจำหน่าย นำสินค้าชุมชนเข้ามาจัดจำหน่ายในโมเดิร์นเทรดและธุรกิจในเครือกลุ่มเซ็นทรัล เช่น ท็อปส์ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ไทวัสดุ ร้านอาหารในเครือซีอาร์จี และโรงแรมเครือเซนทารา รวมถึงเปิดโอกาสให้จำหน่ายกับคู่ค้ารายอื่นๆอีกด้วย
-
การตลาด และการสื่อสารการตลาด เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าชุมชน การออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ดูทันสมัย และรู้วิธีโปรโมทสินค้าให้สามารถดึงดูดใจผู้บริโภค
ทั้งหมดนี้จะนำพาให้กลุ่มชุมชนมีความเข้มแข็ง สามารถยืนได้ด้วยตนเอง และเติบโตต่อเนื่องตั้งแต่การเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเล็กๆ สู่สหกรณ์ จนเติบโตสู่ผู้ประกอบการขนาดย่อม (SME) และพร้อมเพื่อการส่งออกในที่สุด
ปัจจุบันกลุ่มสินค้าในโครงการสินค้าชุมชนของเรา แบ่งออกเป็น กลุ่มอาหารแปรรูป, กลุ่มผักและผลไม้อินทรีย์, กลุ่มสุขภาพและความงาม ซึ่งจะถูกจัดจำหน่ายในท็อปส์ และเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ส่วนสินค้ากลุ่มเครื่องใช้และของประดับตกแต่ง จะถูกจัดจำหน่ายในไทวัสดุ สาขาที่ร่วมรายการ และจะขยายสาขาจำหน่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศในอนาคต นอกจากนี้กลุ่มเซ็นทรัลยังสามารถผลักดันสินค้าชุมชนให้ลงทะเบียนเป็นสินค้า GI ได้ทั้งสิ้น 38 สินค้า จาก 27 จังหวัด อาทิ สับปะรดศรีราชา, กล้วยไข่กำแพงเพชร, ข้าวแต๋นลำปาง, ข้าวสังข์หยดพัทลุง โดยจัดจำหน่ายบริเวณ GI Corner ที่ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ทุกสาขา, ท็อปส์ 3 สาขา และจะขยายจุดจำหน่ายที่ท็อปส์อีก 18 สาขา เร็วๆ นี้
ทิศทาง และแผนการพัฒนาโครงการสินค้าชุมชนของเราในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ประกอบด้วย
-
มุ่งเสาะหาสินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่นที่โดดเด่น และน่าสนใจเพิ่มเติม ทั้งสินค้าที่หายาก และสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น เพื่อให้สินค้าชุมชนกลายเป็นที่รู้จัก และเป็นที่นิยมในวงกว้าง พร้อมเร่งผลักดันผลิตภัณฑ์คุณภาพให้กลายเป็นสินค้า GI อย่างต่อเนื่อง หรือของดีขึ้นชื่อจากแหล่งปลูกเฉพาะที่ของแต่ละจังหวัด เพื่อที่จะเพิ่มมูลค่าสินค้า และสร้างความน่าเชื่อถือในกลุ่มผู้บริโภค
-
เน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าชุมชน ด้วยการแปรรูป และปรับรูปแบบให้เหมาะสมกับยุคสมัย เช่น การดีไซน์ผ้าฝ้ายท้องถิ่นให้ตอบโจทย์วัยรุ่น หรือตามรสนิยมนักท่องเที่ยว เพื่อจำหน่ายในร้านของที่ระลึกโรงแรมเซนทารา หรือการนำผักกาดขาวที่รูปลักษณ์ไม่สวยงาม มาเพิ่มมูลค่าเป็นกิมจิ เป็นต้น
-
ขยายความช่วยเหลือให้กับชุมชนเดิมและเพิ่มชุมชนใหม่ๆ จนเกิดเป็นเครือข่ายชุมชนยั่งยืน เพื่อลดปริมาณคนยากจน และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม รวมถึงสนับสนุนสิ่งปลูกสร้างตามจังหวัดต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้สินค้าชุมชนมีคุณภาพยิ่งขึ้น อาทิ การสร้างอาคารคัดบรรจุผักแห่งใหม่ที่อำเภอภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์, โรงคัดแยกผลผลิตทางการเกษตร มาตรฐาน GMP ชุมชนกลุ่มเมล่อนหมู่ใหญ่ร่วมใจพัฒนา จ.พระนครศรีอยุธยา, โรงคัดแยกผลผลิตทางการเกษตร มาตรฐาน GMP กลุ่มปรับปรุงคุณภาพไม้ผลซากพง จ.ระยอง, โรงแปรรูปน้ำตาลโตนด มาตรฐาน GMP
จ.เพชรบุรี, อาคารคัดบรรจุผักมาตรฐาน ชุมชนเกษตรพัฒนาเหนือ จ.อุบลราชธานี เป็นต้น
รวมงบประมาณที่จะใช้ในการลงทุนสิ่งปลูกสร้างกว่า 10 ล้านบาท -
ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายอื่นๆ นอกเหนือจากเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ท็อปส์ และไทวัสดุ เช่น การจัดโรดโชว์อีเวนท์สินค้าชุมชนไปยังภูมิภาคต่างๆ การนำสินค้าชุมชนมาจำหน่าย หรือเป็นวัตถุดิบหลักในการปรุงอาหารของโรงแรมเครือเซนทารา แฟมิลี่มาร์ท และร้านอาหารในเครือเซ็นทรัล เรสเตอรองท์ กรุ๊ป (CRG) อาทิ การนำข้าวสังข์หยดมาทำเป็นเมนูขนมจีนอบแห้ง จำหน่ายเป็นเมนูอาหารพิเศษ ในร้านเดอะ เทอเรส (The Terrace) หรือการนำผลไม้ในโครงการสินค้าชุมชนไปจำหน่ายในแฟมิลี่มาร์ทเป็นต้น นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายช่องทางการขายไปยังคู่ค้ารายอื่นๆ นอกเหนือจากธุรกิจในเครือกลุ่มเซ็นทรัล พร้อมสนับสนุนการส่งออกสินค้าชุมชนไปยังต่างประเทศอีกด้วย
ทางด้านบุษบา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า สำหรับงานมหกรรมสินค้าชุมชนของเรา ประจำปี 2560 โดยความร่วมมือของกลุ่มเซ็นทรัล และกระทรวงพาณิชย์ ภายใต้แนวคิด “สินค้าชุมชน เรียนรู้ด้วยกัน พัฒนาด้วยกัน มีสุขด้วยกัน” ผู้เข้าชมงานจะได้พบกับบูธสินค้าจากชุมชนที่เดินทางไกลมาจำหน่ายด้วยตัวเองกว่า 60 บูธ จาก 55 ชุมชน มีสินค้าไฮไลท์กว่า 100 รายการ ทั้งกลุ่มอาหารสด-แห้ง, กลุ่มผักผลไม้, กลุ่มเครื่องใช้-ของประดับ อาทิ ทุเรียนภูเขาไฟ จ.ศรีสะเกษ, เห็ดตีนตุ๊กแก จ.สุราษฎ์ธานี, กุ้งแก้ว จ.พัทลุง, ข้าวโพดเทียน จ.เพชรบูรณ์, ข้าวแต๋นน้ำแตงโม จ.ลำปาง, กระยาสารทข้าวตอกสูตรโบราณ จ.กำแพงเพชร, ใบมันปู-ยอดอ่อนมะม่วงหิมพานต์ จ.นครศรีธรรมราช, หัวไชเท้าสีชมพู จ.เพชรบูรณ์, มะม่วงจักรพรรดิ จ.เชียงใหม่ เป็นต้น โดยสามารถจำแนกสินค้าที่มาจัดจำหน่ายออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ดังนี้
1) สินค้าหายาก เป็นสินค้าที่มีเฉพาะแหล่งและเฉพาะฤดูกาลเท่านั้น
2) สินค้าจีไอ (GI) ของดีขึ้นชื่อจากแหล่งปลูกเฉพาะที่ของแต่ละจังหวัด
3) สินค้าเพื่อสุขภาพ สำหรับผู้ที่สนใจดูแลสุขภาพทั้งของตนเองและคนรัก
4) สินค้าปลอดสารพิษและออแกนิค กลุ่มผัก/ผลไม้สดคุณภาพเยี่ยมปราศจากสารพิษ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้บริโภค
ภายในงาน นอกจากผู้บริโภคจะได้ช้อป ชิมสินค้าคุณภาพ ปลอดภัย และหาทานยากแล้ว ยังสามารถพบกับชุมชนต้นแบบที่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนจากการจำหน่ายสินค้าชุมชน พร้อมสัมผัสวิถีชีวิตอันเรียบง่ายของชาวบ้านอย่างใกล้ชิด โดยงานมหกรรมสินค้าชุมชนของเรา จะเริ่มงานแรก วันที่ 22-27 มิ.ย. 2560 นี้ ณ ลานอิเดน และ เซ็นทรัลคอร์ท ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ คาดมีผู้มาเดินชมงานตลอด 6 วันของการจัดงานมากกว่า 1 แสนคน มียอดขายเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20% จากเดิมปี 2559 ยอดขาย 4.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 6 ล้านบาท โดยประมาณ เนื่องจากคนหันมาให้ความสนใจผลิตภัณฑ์ของชุมชนมากขึ้นกว่าในอดีต นอกจากนี้งานมหกรรมสินค้าชุมชนของเรา จะจัดให้มีขึ้นอีก 3 ครั้ง ได้แก่ ภาคกลาง วันที่ 9-14 สิงหาคม 2560 ณ บริเวณลานโปรโมชั่น ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา แจ้งวัฒนะ, วันที่ 24-30 สิงหาคม 2560 ณ บริเวณลานโปรโมชั่น ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา บางนา, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ วันที่ 13-17 กันยายน 2560 ณ บริเวณลานโปรโมชั่นชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา ขอนแก่น คาดตลอดการจัดงานมหกรรมสินค้าชุมชน ปี 2560 ทั้ง 4 ครั้ง สามารถสร้างรายได้ให้ชุมชนรวมไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท
มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างชุมชนไทยเข้มแข็ง ด้วยการอุดหนุนผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ในงาน มหกรรมสินค้าชุมชนของเรา ระหว่างวันที่ 22-27 มิ.ย. 60 เวลา 10.00-21.00 น. ณ ลานอิเดน และ เซ็นทรัลคอร์ท ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์