สายการบินเวียตเจ็ท เปิดเผยข้อมูลผลประกอบการธุรกิจครึ่งปีแรกและการเคลื่อนไหวของธุรกิจในปี พ.ศ. 2560 รวมถึงการรับมอบเครื่องบินใหม่จำนวน 3 ลำในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อเสริมทัพอากาศยานรุ่นใหม่ประจำฝูงบิน นอกจากนี้ เวียตเจ็ทยังได้เปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศใหม่และเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการเดินทางทั้งในเวียดนามและไทยตลอดฤดูการท่องเที่ยวที่ผ่านมา
ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เวียตเจ็ทเปิดบริการเส้นทางบินระหว่างประเทศเส้นทางใหม่ ดานัง – โซล พร้อมเปิดตัวแคมเปญการตลาดสำหรับเส้นทางฮานอยและย่างกุ้ง (เมียนมาร์) โดยคาดว่าจะเปิดบริการเที่ยวบินแรกในวันที่ 31 สิงหาคม 2560 นอกจากนี้ เวียตเจ็ทได้กำหนดเพิ่มจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศเส้นทางฮานอย-ไทเป (ไต้หวัน) เป็น 11 เที่ยวไป-กลับต่อสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2560 และเส้นทางฮานอย-โซล (เกาหลี) เพิ่มเป็น 14 เที่ยวไป-กลับต่อสัปดาห์ตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม 2560 เป็นต้นไป
เวียตเจ็ทได้เพิ่มเส้นทางบินใหม่หลายเส้นทาง สายการบินยังคงสามารถรักษาอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารได้สูงถึง 88% โดยในช่วงการดำเนินงาน 5 เดือนแรกของปี 2560 เวียตเจ็ทให้บริการเที่ยวบินที่ปลอดภัยราว 39,100 เที่ยวแก่นักเดินทางมากกว่า 6.5 ล้านคน โดยเพิ่มขึ้น 29% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 และเฉพาะในเดือนพฤษภาคม 2560 เวียตเจ็ทให้บริการแก่ผู้โดยสารจำนวนมากกว่า 1.5 ล้านคน
เมื่อสิ้นเดือนพฤษภาคม 2560 เวียตเจ็ทมีช่องทางการจัดจำหน่ายบัตรโดยสารและจุดบริการลูกค้าออนไลน์เป็นของตนเอง รวมถึงมีสำนักงานจำหน่ายบัตรโดยสารแบบออฟไลน์มากถึง 21,378 จุด โดยเพิ่มขึ้นถึง 2,803 จุด เมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2559
ผลประกอบการของสายการบินในเดือนพฤษภาคมคือ 8,352 พันล้านดอง (ราว 367ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 44% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วและเกินงบประมาณที่คาดการณ์ไว้ราว 9%
โดยระหว่างระหว่างการเยือนสหรัฐฯ ของนายเหวียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนาม เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา เวียตเจ็ทได้ทำสัญญากับซีเอฟเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล (CFM International), จีอีซีเอเอส (GECAS) และ ฮันนี่เวลล์ เอวิเอชั่น (Honeywell Aviation) รวมมูลค่าถึง 4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยพิธีลงนามได้รับเกียรติจาก นายเหวียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีแห่งเวียดนาม และ นาย วิลเบอร์ แอล. รอสส์ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์แห่งสหรัฐอเมริกา ร่วมเป็นสักขีพยาน
ต่อมา เวียตเจ็ทได้ทำสัญญาข้อตกลงเชิงกลยุทธ์ร่วมกับ บริษัท มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลีส แอนด์ ไฟแนนเชียล จำกัด (เอ็มยูแอล) ในเครือมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (เอ็มยูเอฟจี) กลุ่มบริษัทด้านการเงินชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้เอ็มยูแอลเป็นผู้จัดหาเงินทุนแก่เวียตเจ็ทในการจัดซื้อเครื่องบิน A321 ลำใหม่จำนวน 3 ลำ มูลค่า 348 ล้านดอลลาร์สหรัฐ