เต็ดตรา แพ้ค ผู้นำด้านกระบวนการผลิตและบรรจุอาหารระดับโลก เผยวางเป้าหมายในการขยายธุรกิจกระบวนการผลิตอาหารในภูมิภาคเอเชียใต้ เอเชียตะวันออก และโอเชียเนีย ให้เติบโตกว่า ร้อยละ 50 ภายในปี 2020 โดยบริษัทฯ ระบุว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญที่มีศักยภาพในการเติบโต จึงพร้อมสนับสนุนผู้ผลิตในประเทศและนโยบายต่างๆ ของภาครัฐ ที่จะช่วยส่งเสริมนวัตกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป ภายใต้นโยบาย Thailand 4.0 แผนพัฒนาเศรษฐกิจภายใต้นโยบาย Thailand 4.0 ให้ความสำคัญกับ ‘การเกษตรสมัยใหม่’ และ‘นวัตกรรมอาหาร’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อการพัฒนาประเทศ[1] และยังเป็นส่วนหนึ่งในนโยบาย Super Cluster ของรัฐบาล เพื่อพัฒนาการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรให้เป็นอาหารที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น เช่น อาหารรองรับสังคมสูงวัย และอาหารทางเลือกเพื่อสุขภาพ ขณะที่ตัวเลขในไตรมาสแรกของปี 2016 มีประชากรไทยกว่าร้อยละ 40 ที่ประกอบอาชีพในภาคเกษตรกรรมและธุรกิจส่งออกอาหาร[2] เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึงร้อยละ 9.5 ทำให้ผู้ผลิตภายในประเทศมีความต้องการเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ช่วยรักษามาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดของอาหาร ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เพื่อส่งเสริมแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เต็ดตรา แพ้ค จึงได้กำหนดให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดยุทธศาสตร์สำคัญของภูมิภาค และเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ผลิตไทย บริษัทฯ จึงได้จัดแสดงนวัตกรรมโซลูชั่นการผลิตและบรรจุอาหารครบวงจรล่าสุด ในงาน ProPak Asia 2017
- Tetra Pak® High Shear Mixer ที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพสูงสุดในการผสมวัตถุดิบ หากแต่ช่วยลดต้นทุนการผลิต และลดการใช้พลังงานตลอดทั้งกระบวนการลงถึงร้อยละ 50
- Virtual Reality เทคโนโลยีระบบเสมือนจริงใหม่ล่าสุด ที่จำลองการทำงานของเครื่อง Tetra Pak’s Homogeniser 500 ซึ่งเป็นอุปกรณ์ในกระบวนการผลิตระบบยูเอชทีแบบแลกเปลี่ยนความร้อนผ่านตัวกลาง ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถเรียนรู้และเข้าใจการทำงานของเครื่องได้โดยไม่ต้องไปเยือนโรงงาน
- One Tetra Pak® Plant Master เป็น Automation Solutions ที่ถูกออกแบบมาเพื่ออุตสาหกรรมอาหารโดยเฉพาะ ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าควบคุมการผลิตทั้งระบบได้อย่างครบวงจร เริ่มตั้งแต่เมื่อวัตถุดิบเข้าสู่กระบวนการผลิต ไปจนถึงขั้นตอนบรรจุกล่องและวางเรียงสินค้าบนพาเลท
“เต็ดตรา แพ้ค ให้ความสำคัญกับตลาดใหม่ที่กำลังขยายตัวในภูมิภาคเอเชีย ไม่ว่าจะด้วยจำนวนของกลุ่มชนชั้นกลางที่เพิ่มมากขึ้น การขยายตัวของเมือง และความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยหลักที่ช่วยขับเคลื่อนความต้องการนวัตกรรมกระบวนการผลิตอาหารให้สูงขึ้น ด้วยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของเราในด้านกระบวนการผลิตนม อาหารสำเร็จ ไอศกรีม และเครื่องดื่ม รวมทั้งโซลูชั่นการผลิตแบบครบวงจร ทำให้เราสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกตลาดได้อย่างเฉพาะเจาะจง” มร. อาชิช ดาฮิยา ผู้บริหารกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านกระบวนการผลิต ประจำภูมิภาค เอเชียใต้ เอเชียตะวันออก และโอเชียเนีย กล่าว
การตั้งเป้าขยายธุรกิจกระบวนการผลิตถึง 50 % ภายในปี 2020 ยังสามารถสร้างการจ้างงานผู้เชี่ยวชาญด้านกระบวนการผลิตในภูมิภาคเพิ่มขึ้นอีกกว่า 100 คน จากปัจจุบันที่มีอยู่ราว 800 คน การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของ เต็ดตรา แพ้ค แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการแบ่งปันความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มระดับโลกให้กับลูกค้า เพื่อขับเคลื่อนความเติบโตอย่างยั่งยืนใปพร้อมกัน โดยในปี 2016 เต็ดตรา แพ้ค มียอดขายสุทธิทั่วโลกจากการบริการโซลูชั่นครบวงจรกว่า 11.4 พันล้านยูโร และมีเครื่องผลิตที่ปฏิบัติงานให้แก่ลูกค้ารวมกว่า 76,000 เครื่อง
เกี่ยวกับ เต็ดตรา แพ้ค
เต็ดตรา แพ้ค เป็นบริษัทผู้นำของโลกในด้านกระบวนการผลิตและบรรจุอาหาร เราทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ขายสินค้าและลูกค้าของเรา ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย เป็นนวัตกรรมที่ทันสมัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และตอบสนองความต้องการของผู้คนนับล้านในกว่า 170 ประเทศ ด้วยพนักงานมากกว่า 24,000 คน ทั่วโลก เต็ดตรา แพ้ค เชื่อมั่นในความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมที่มีความรับผิดชอบและแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน คำขวัญของเต็ดตรา แพ้ค ที่ว่า “ปกป้อง ทุกคุณค่า™” (PROTECTS WHAT’S GOOD™) นั้น สะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาในการดำเนินธุรกิจของเราที่จะทำให้อาหารปลอดภัยและมีอยู่พร้อมสำหรับการบริโภคในทุกๆ ที่ทั่วโลก
สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “เต็ดตรา แพ้ค” ได้ที่ www.tetrapak.com/th
[1] Thailand board of investment, January 2017.